ภาคเอกชนต้องคิดใหม่ว่า ธุรกิจของคุณมีความหมายอะไรบ้าง ?

ทำไมธุรกิจถึงต้องมีความยั่งยืน? ด้วยความกดดันที่เพิ่มขึ้นจากผู้บริโภค ลูกจ้าง นักลงทุนและนักกิจกรรมเป็นความล้มเหลวในการรับรู้ความสามารถทางจริยธรรมจากภาครัฐ,เอกชน และด้วยเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน 2030 ของสหประชาชาติที่มีระยะเวลาไม่น้อยกว่าสิบปีภาคเอกชนต้องคิดใหม่ว่าธุรกิจของคุณมีความหมายอะไรบ้าง

David Grayson แห่งมหาวิทยาลัยแครนฟิลด์ กลั่นกรองบทเรียนจากหนังสือเล่มล่าสุดที่เขาเขียนไว้เรื่องอนาคตของความเป็นผู้นำด้านธุรกิจ และเขาได้อธิบายถึงสาเหตุว่าทำไม SDGs ควรบังคับบริษัทต่างๆ ให้คิดทบทวนเรื่องโมเดลธุรกิจ นวัตกรรมที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนที่กำลังส่งผลกระทบต่อตลาด เทคโนโลยี สถิติประชากร การพัฒนาและคุณค่ากำลังเปลี่ยนแปลงโลกนี้ไปอย่างรวดเร็ว

ในหนังสือเล่มใหม่ที่ชื่อว่า All In – The Future of Business Leadership ที่มีผู้แต่งด้วยกัน 3 คนได้แก่ Chris Coulter, Mark Lee และผมได้ทำการถกเถียงว่า

“บริษัทต่างๆ ควรมีโอกาสในการต่อสู้เพื่อสร้างความสำเร็จที่ยืนยาว ซึ่งพวกเขาไม่สามารถที่จะละเลยเรื่องความยั่งยืนได้อีกแล้ว นอกจากนี้ พวกเขาจำเป็นต้องดำเนินไปด้วยความสำเร็จเชิงพาณิชย์ในระยะยาว ผู้นำธุรกิจจำเป็นต้องมีส่วนร่วมในเชิงรุกกับสังคมและยอมรับรูปแบบเศรษฐกิจแบบ Circulation เพื่อให้สามารถอยู่รอดและเจริญเติบโตได้”

All in มีส่วนให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่นมากขึ้นสำหรับอนาคต ซึ่งจำเป็นต้องอยู่ในกรอบของความเป็นผู้นำที่ประกอบไปด้วยคุณสมบัติที่จำเป็นของความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนของบริษัท 5 ประการ ดังนี้

เป้าหมาย (Purpose) มีเป้าหมายทางสังคมที่เหนือกว่าผลกำไรสูงสุดที่ทำให้องค์กรสามารถสร้างความแตกต่างในเชิงบวกในโลกได้และเป็นตัวอธิบายว่าธุรกิจนี้สร้างคุณค่าให้กับธุรกิจและสังคมอย่างไร (เช่น Nestlé, Tesla)

การวางแผน (Plan) แผนงานที่ครอบคลุมเพื่อรักษาความยั่งยืนของธุรกิจทั้งหมด (Unilever, Marks & Spencer)

วัฒนธรรม (Culture) วัฒนธรรมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยนวัตกรรม เสริมสร้างศักยภาพที่เปิดกว้างและมีความรับผิดชอบจะเป็นตัวส่งเสริมคุณลักษณะอื่นๆได้ (Nike, Natura)

การร่วมมือกัน (Collaboration) ทักษะและความมุ่งมั่นจะบ่งชี้และรับผิดชอบการมีส่วนร่วมในการให้การสนับสนุนเป้าหมายและแผนงาน (Walmart, IKEA)

การสนับสนุน (Advocacy) แนวทางการสนับสนุนโดยการเสนอความคิดเห็นเพื่อนโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้วยบรรทัดฐานและพฤติกรรมและการเปลี่ยนแปลงในระบบที่กว้างขึ้น (Interface, Patagonia)

คุณสมบัติเหล่านี้เป็นผลมาจากการเก็บข้อมูลและทำการศึกษาผ่าน GlobeScan /SustainAbility Leaders Survey ประจำปีและได้ทำการสัมภาษณ์เพื่อรับทราบข้อมูลเชิงลึกจากประธานบริษัท CEO และประธานเจ้าหน้าที่ด้านความยั่งยืน ที่ได้อธิบายถึงเหตุผลที่พวกเขาต่างได้รับการยอมรับและสร้างคุณค่า พร้อมด้วยการส่งเสริมความยืดหยุ่นบนพื้นฐานของความเป็นผู้นำขององค์กร ซึ่งประกอบด้วยผู้นำจากบริษัทที่เป็นผู้บุกเบิกด้านความยั่งยืนทั่วโลก ได้แก่ 3M, Google, GE, Huawei, IKEA, Interface, Nike, Patagonia, Tata, Toyota และ Unilever โดยที่ผ่านมา คุณสมบัติเพียงข้อเดียวหรือสองข้ออาจจะเพียงพอสำหรับธุรกิจ แต่ธุรกิจเดี๋ยวนี้ต้องมีคุณสมบัติทั้ง 5 ข้อที่กล่าวมาข้างต้น

All In ได้ให้แรงบันดาลใจและคำแนะนำที่จำเป็นแก่ผู้นำบริษัทเพื่อได้รับโอกาสและความท้าทายของการเป็นผู้นำอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังเป็นสิ่งจำเป็นต่อธุรกิจที่ต้องการเดินหน้าต่อไปในอนาคตที่ไม่มีขีดจำกัด และเป็นโรดแมพสำหรับธุรกิจนับหมื่นแห่งทั่วโลกที่ยังคงยึดมั่นในความยั่งยืนที่เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ขององค์กรและนำแนวทางสู่ความเป็นผู้นำซึ่งจะมีความสำคัญต่อความสำเร็จทางธุรกิจในอนาคตและสร้างความมั่นใจในโลกที่ดีกว่าสำหรับทุกคน

การบรรลุเป้าหมายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหภาพประชาชาติ และการทำให้ the Paris Climate Agreement เกิดประโยชน์ รวมทั้งการสร้างความมั่นใจว่าคนจำนวนแสนล้านคนจะมีชีวิตที่ดีในขอบเขตของ one planet ภายในกลางศตวรรษนั้นต้องการความรับผิดชอบจากทั้งภาครัฐ ภาคประชาชน นักวิชาการและภาคส่วนอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ความเป็นผู้นำทางธุรกิจในการพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นศูนย์กลางในการพัฒนา รักษาตลาด เศรษฐกิจที่สภาพแวดล้อม และสังคมต้องการให้เจริญก้าวหน้า

ธุรกิจข้ามชาติในปัจจุบันมีขนาด และการเข้าถึงที่มีประสิทธิภาพกว่า มีอิทธิพลกับซัพพลายเออร์หลายพันราย และผู้บริโภคหลายพันล้านคนในหลายร้อยประเทศ พวกเขาเป็นผู้เล่นระดับโลกที่ดำเนินกิจการอยู่ที่มีทั้งความสามารถและความรับผิดชอบในการขับเคลื่อนความยั่งยืนให้เติบโตขึ้นไปทั่วทั้งตลาดและสังคม

ที่มา

Stay Connected
Latest News