กลยุทธ์ บุญรอดฯ บ่มเพาะ ‘พลเมืองต้นแบบ’ ย้ำภาพ ‘องค์กรสร้างคน’ เติมเต็มโอกาส สร้างสังคมคุณภาพและยั่งยืน

ปณิธานสำคัญที่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ยึดถือมาตลอดกว่า 90 ปี นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งธุรกิจ คือการทำให้ “องค์กร ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ต้องมีความสุขร่วมกันอย่างยั่งยืน”​  โดยเฉพาะความสามารถในการส่งมอบคุณค่าผ่านการขับเคลื่อนธุรกิจไปยังผู้คนและสังคมโดยรอบ ​เพื่อให้ทุกองค์ประกอบความเป็นบุญรอดฯ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างผลิตภัณฑ์ การสร้างโมเดลธุรกิจ รวมไปถึงการสร้างคน​ ​สามารถเป็นตัวแทนส่งต่อความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดี ไปสู่คนไทยทุกคน​ได้

โรงงานต้องดูแลทั้งธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

ทำให้การขยายธุรกิจของบุญรอดฯ ที่ผ่านมา โดยเฉพาะการตั้งโรงงานทั้ง 10 แห่ง ​ที่กระจายไปทุกภูมิภาคของประเทศไทย นอกจากการทำหน้าที่ผลิตสินค้าเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตแล้ว โรงงานทุกแห่งยังมีหน้าที่เป็น​ “พลเมืองที่ดี” เพื่อร่วมสร้างประโยชน์ให้ชุมชนและผู้คนโดยรอบ ทั้งการสร้างความกินดีอยู่ดี สร้างงานสร้างอาชีพ รวมทั้งเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาที่แต่ละพื้นที่กำลังเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะเป็นมิติของเศรษฐกิจ สังคม หรือสิ่งแวดล้อม​ ผ่านการ​ออกแบบโครงการเพื่อสังคมให้เข้ามาเป็นกลไกช่วยแก้ปัญหา และช่วยพัฒนาพื้นที่ได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน พร้อมทั้งสามารถ​ขับเคลื่อนการพัฒนาเพื่อกระจายความแข็งแรงไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศได้ในที่สุด​

โดยการออกแบบโครงการต่างๆ จะทำให้สอดคล้องกับปัญหาเฉพาะของแต่ละภูมิภาค เนื่องจากบริบททางภูมิศาสตร์ที่แตกต่างจึงทำให้ปัญหาของแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน​ โรงงานแต่ละแห่งของสิงห์จึงบูรณาการทั้งองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และกำลังคนที่มีโดยเฉพาะเครือข่ายสิงห์อาสาทั่วประเทศ เพื่อร่วมกันวิเคราะห์ พร้อมหาทางแก้ปัญหาทั้งระยะสั้น กลาง และยาว ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น แต่ยังเน้นการสานต่อเพื่อให้แต่ละโครงการสามารถขับเคลื่อนได้อย่างต่อเนื่องและนำมาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนได้ต่อไป

ตัวอย่างเช่น บริษัท เชียงใหม่เบเวอเรช จำกัด ซึ่งอยู่ในพื้นที่ทางภาคเหนือของประเทศ และมีปัญหาเรื่องไฟป่า หมอกควัน  มลภาวะทางอากาศต่างๆ จึงริเริ่มโครงการ “สิงห์อาสาสู้ไฟป่า” ภายใต้ความร่วมมือของพนักงาน เครือข่ายสิงห์อาสา มหาวิทยาลัย และตัวแทนชุมชน เพื่อร่วมแก้ปัญหาจากต้นทางผ่านการดูแลพื้นที่เสี่ยงไฟป่า พร้อมถ่ายทอดความรู้ในการรักษาป่าต้นน้ำให้ชาวบ้าน​ รวมทั้งสร้างห้องเรียนปลอดฝุ่นเพื่อช่วยดูแลสุขภาพให้คนในพื้นที่ ตลอดจนโครงการ “ไม้ยืนต้นป่ายั่งยืน” ที่ได้ร่วมกับ ม.แม่โจ้ เครือข่ายภาคประชาสังคม และชาวบ้านในพื้นที่ ต.บ้านปง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ฟื้นฟูผืนป่าต้นน้ำที่ได้รับผลกระทบจากภัยไฟป่า ทั้งในแง่ความอุดมสมบูรณ์และชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน  เพื่อนำไปสู่ป่าที่เติบโตในระยะยาว ช่วยลดความเสี่ยงภัยพิบัติ และสร้างประโยชน์ให้กับชาวบ้านทั้งพืชพันธุ์ทำกินและระบบสาธารณูปโภคได้

ด้าน​ บริษัท ขอนแก่นบริวเวอรี่ จำกัด ซึ่งอยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน ​และมักมีปัญหาการขาดแคลนน้ำช่วงภัยแล้งอยู่บ่อยครั้ง ก็ได้ร่วมกับคณะเกษตรศาสตร์ ม.ขอนแก่น สร้างแหล่งน้ำชุมชน เพื่อเก็บกักน้ำไว้ทำการเกษตรและใช้ในครัวเรือน พร้อมทั้งติดตั้งแท็งก์น้ำดื่มขนาดใหญ่ไว้ในชุมชน สำหรับอุปโภคบริโภคในหน้าแล้ง แม้กระทั่ง บริษัท บุญรอดเอเซียเบเวอเรช จำกัด ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อู่ข้าวอู่น้ำของประเทศอย่างจังหวัดสิงห์บุรี ก็ได้แบ่งปันพื้นที่หน้าโรงงานเป็นแปลงนาสำหรับปลูกข้าว โดยชักชวนปราชญ์ชาวบ้าน เกษตรกร รวมถึงหมอทำขวัญข้าว และนักเรียน มาร่วมถ่ายทอดและสืบสานภูมิปัญญาการทำนาตามวิถีดั้งเดิมของชาวสิงห์บุรี เพื่อสร้างเป็นพื้นที่เรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อสืบสานอัตลักษณ์และเชื่อมโยงผู้คนในพื้นที่เข้าไว้ด้วยกัน

เช่นเดียวกับ​ บริษัท สิงห์ เบเวอเรช จำกัด หรือโรงงานบางเลน หนึ่งในโรงงานที่ได้ชื่อว่ามีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ที่เข้ามามีบทบาทช่วยพัฒนาคน พัฒนาทักษะให้ภาคอุตสาหกรรมของประเทศ ผ่านการมอบทุนการศึกษาใน โครงการยกระดับภาคอุตสาหกรรมด้วยการบริหารจัดการนวัตกรรมองค์กรแบบทั่วถึง (Total Innovation Management Enterprise) หรือโครงการ TIME ซึ่งได้พัฒนาหลักสูตรร่วมกับ​สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. ​และมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่ง เปิดโอกาสให้นักเรียนทั่วประเทศมีโอกาสศึกษาต่อในระดับ ปวส.​ ไปจนถึงปริญญาโท ควบคู่ไปกับการทำงานในโรงงานบางเลน ซึ่งตลอด 6 ปี ได้มอบทุนแบบครบวงจร ครอบคลุมทั้งค่าเล่าเรียน รวมทั้งค่าใช้จ่ายและสวัสดิการต่างๆ เพื่อมีส่วนสร้างคนคุณภาพที่สามารถทำงานจริงได้ทันทีหลังเรียนจบรวมกว่า​​​ 200 คน และได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวสิงห์​รวม 32 คน

นอกจากการสร้างโอกาสให้นักเรียนที่ได้รับทุน​ โครงการนี้ยังช่วยพัฒนาภาคอุตสาหกรรม และศักยภาพการแข่งขันให้ประเทศ​ โดยเฉพาะด้านการพัฒนาบุคลากร​ เนื่องจากการผลิตจากภาคการศึกษาเพียงอย่างเดียวไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ ดังนั้น การที่ภาคอุตสาหกรรมเข้ามาช่วยเติมทักษะที่จำเป็นตั้งแต่ต้นทางการในพัฒนาบุคลากร จึงนับว่าเป็นการช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด

การ สร้างคน คือ พื้นฐานของทุกการพัฒนา

โครงการ TIME ของโรงงานบางเลน ยังถือเป็นหนึ่งต้นแบบในการ “สร้างคน” ตามแนวทางของบุญรอดฯ ที่ให้ความสำคัญกับการสร้าง​คนที่มีคุณภาพ เพื่อเติมเต็มความสุขและรอยยิ้มให้กับสังคมมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านการส่งมอบ​โอกาสให้ทุกคนสามารถพัฒนาศักยภาพของตัวเอง เพื่อกลายมาเป็นกำลังหลักทั้งในการช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ รวมไปถึงการดูแลสังคม และสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปด้วย ​

โดยตลอดโครงการจะมีบุคลากรผู้เชี่ยวชาญจากบุญรอดฯ มาเป็นต้นแบบในการถ่ายทอดทั้งทักษะการทำงานและร่วมบ่มเพาะแนวคิด มุมมอง และทัศนคติในการทำงานที่สอดคล้องกับการขับเคลื่อนประเทศในยุค Digital Economy ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และมีการแข่งขันอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้นักศึกษาทุกคนที่จบโครงการ สามารถทำงานจริงได้ทันที สามารถคิดได้แบบนวัตกร ด้วยการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ มีความเป็นผู้นำ กล้าคิดนอกกรอบ ปรับตัวได้ทันกับทุกการเปลี่ยนแปลงเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันไว้ได้อยู่เสมอ

หนึ่ง​บทพิสูจน์ความสำเร็จในการสร้างคนของบุญรอดฯ ก็คือ การได้รับรางวัล นวัตกรรมการศึกษาเพื่อสังคม จาก สวทช. ในฐานะองค์กรที่สามารถบูรณาการความชำนาญที่มีเพื่อต่อยอดโอกาสการเรียนรู้ให้กับสังคม ผ่านการสร้างหลักสูตรที่พัฒนาความรู้ความสามารถของผู้เรียนได้จริง พร้อมสร้างคนคุณภาพที่พร้อมทำงานได้ทันทีจากการเรียนจริง

สิ่งที่บุญรอดฯ เชื่อมาโดยตลอดคือ​​​ คนที่มีคุณภาพคือสารตั้งต้นของการสร้างสังคมที่มีคุณภาพ​ เป็นการสร้างฐานรากของการพัฒนาที่แข็งแรงและยั่งยืนให้ตามมา นำมาสู่โมเดลในการสร้าง “คนหัวใจสิงห์”​ เพื่อสะท้อนถึงดีเอ็นเอ​ความเป็นบุญรอดฯ ที่ให้ความสำคัญกับการส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้กับผู้คนในสังคม

Stay Connected
Latest News