คาดตลาดมือสองโตเร็วกว่าเสื้อผ้าทั่วไปถึง 3 เท่า ส่งผลแบรนด์แฟชั่นโดดเข้าตลาด Resale มากขึ้น

ยุคที่โลก​เผชิญ​ความท้าทาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม รวมถึง​สิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ  ผู้บริโภคให้ความสนใจประเด็นเรื่องความยั่งยืนเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ ‘ธุรกิจแฟชั่นมือสอง’ หรือ ‘Resale fashion’  เข้ามามีบทบาทที่น่าสนใจและได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวาง

เพราะไม่เพียงแค่การซื้อขายเสื้อผ้ามือสองจะช่วยผู้บริโภคประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ยังช่วยให้เกิดการลดการใช้ทรัพยากรและปริมาณขยะลงได้ด้วย

ท้ังนี้ เว็บไซต์ Marketplace ของสินค้าแฟชั่นมือสองสัญชาติอเมริกันอย่าง ThredUp ​ประมาณการเติบโต​มูลค่าตลาดแฟชั่นมือสองของโลกในปี 2024-2027 จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 12% ซึ่งเติบโตได้มากกว่าแฟชั่นทั่วไปถึง 3 เท่า

ส่งผลให้ในปี 2027 มูลค่าตลาดสินค้าแฟชั่นมือสอง จะมีมูลค่าราว 3.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีภูมิภาคเอเชียเป็นตลาดใหญ่สำหรับสินค้าแฟชั่นมือสอง ที่มีส่วนแบ่งการตลาดถึง 41%

แฟชั่นมือสองยังเปิดโอกาสให้ทั้งผู้ค้าปลีก ผู้บริโภค และส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากการซื้อสินค้าแฟชั่นมือสองเพิ่มความคุ้มค่าให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงแบรนด์ดังในราคาที่เอื้อมถึง พร้อมส่งเสริมการบริโภคที่ยั่งยืนและเปิดโอกาสในการค้นหาสินค้าที่มีเอกลักษณ์และหายาก นอกจากนี้ สินค้าแฟชั่นมือสองเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ผู้บริโภคสามารถรักษาสิ่งแวดล้อมและลดการใช้ทรัพยากร การสนับสนุนสินค้าแฟชั่นมือสองจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ประหยัดทรัพยากร น้ำ และพลังงาน ลดจำนวนเสื้อผ้าเก่าที่ไปจบลงที่หลุมฝังกลบหรือเตาเผา

สอดคล้องกับ Boston Consulting Group (BCG) ชี้ว่า​ปี 2022 ยอดขาย​สินค้าแฟชั่นมือสองทั่วโลก จะมีสัดส่วนราว 3-5% ของมูลค่าตลาดแฟชั่น และคาดว่าตลาดนี้มีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก โดยคาดว่าจะมีสัดส่วนสูงถึง 40% ของมูลค่าตลาดแฟชั่นทั้งหมดในอนาคต

โดยจากการสำรวจพบว่า ผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าแฟชั่นมือสองมีการตัดสินใจซื้อจากหลายปัจจัย โดยปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ ความคุ้มค่าและการเข้าถึง ซึ่งมีผู้ตอบแบบสอบถามสูงถึงกว่า 50% ตามมาด้วยความหลากหลายและเอกลักษณ์ของสินค้า ด้วยสัดส่วน 40% ส่วนปัจจัยด้านความยั่งยืนมีผลต่อการตัดสินใจ สัดส่วน​ 40% และสุดท้ายคือ ความตื่นเต้นในการค้นหาและการต่อรองราคา ด้วยสัดส่วน​ 35%

นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้บริโภคที่ซื้อสินค้ามือสองในจำนวนน้อยชิ้นต่อปีมักจะเลือกซื้อสินค้าในกลุ่มกระเป๋าและรองเท้าเป็นหลัก โดยคาดว่าสินค้าประเภทนี้ส่วนใหญ่น่าจะเป็นสินค้า Luxury ที่มีคุณภาพดีและมีราคาที่สูงกว่าสินค้าประเภทอื่น ในทางกลับกัน กลุ่มผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าแฟชั่นมือสองในจำนวนมากขึ้น มักจะมุ่งเน้นที่การซื้อเสื้อผ้าที่มีราคาที่ไม่สูงนัก ซึ่งทำให้ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าประเภทนี้ได้บ่อยครั้งกว่า

แบรนด์สินค้าแฟชั่นเข้ามาเป็นผู้เล่นในตลาดสินค้าแฟชั่นมือสองมากขึ้น
จากศักยภาพของตลาดสินค้าแฟชั่นมือสอง​ที่จะเติบโต​ต่อเนื่อง ทำให้แบรนด์สินค้าแฟชั่นต่างๆ เริ่มเข้ามาเป็นผู้เล่นในตลาดสินค้าแฟชั่นมือสองมากขึ้น โดยทั่วไปสามารถพบการ Resale ของแบรนด์สินค้าอยู่ 2 รูปแบบ  คือ

1) แบรนด์หรือผู้ค้าปลีกเก็บรวบรวมสินค้าแฟชั่นมือสองของแบรนด์ตัวเองจากลูกค้าและเสนอตัวเลือกการขายสินค้ามือสองโดยตรงภายในร้านค้าหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ของร้านค้า

2) แบรนด์หรือผู้ค้าปลีกร่วมมือกับแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีศักยภาพสูงเพื่อขายสินค้าแฟชั่นมือสองที่ได้รับการรับรองจากทางแบรนด์

ศักยภาพตลาดแฟชั่นมือสองของไทยเติบโตตามเทรนด์โลก

ขณะที่ตลาดแฟชั่นมือสองในประเทศไทยเองก็น่าจับตามอง โดย SCB EIC คาดการณ์ว่า ในปี 2023 มูลค่าตลาดแฟชั่นมือสองของไทยจะเติบโต​ราว 20% โดยมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 1,800 ล้านบาท และในระยะข้างหน้า คาดว่าจะยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องที่ราว 15% ในปี 2024-2027 เนื่องจากการซื้อสินค้าแฟชั่นมือสองได้รับการยอมรับมากขึ้นจากผู้บริโภคไทย​ รวมทั้ง​การตื่นตัวด้านสิ่งแวดล้อม ที่มีการตระหนักถึงผลกระทบของกระบวนการผลิตสินค้าแฟชั่นต่อสิ่งแวดล้อมที่มากขึ้น  โดยเฉพาะสินค้า Fast fashion ที่มีการปรับเปลี่ยนคอลเล็กชันอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การผลิตสินค้าประเภทนี้เหมาะกับการใช้ในระยะสั้นๆ และกลายเป็นขยะหลังจากการใช้เพียงไม่กี่ครั้ง

Stay Connected
Latest News