CMMU ออกแบบหลักสูตรสร้าง ‘Sustainable DNA’​​​​ ชูกลยุทธ์ ‘GREAT’ เติม 5 ทักษะเพื่อรอด สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

ในยุค​ที่ทุกธุรกิจต่างมุ่ง​สู่ “ความยั่งยืน” ​​​ผ่านการขับเคลื่อนตามกรอบสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) และ​แนวคิด ESG ที่มุ่งการพัฒนาที่สร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจบนพื้นฐานของการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental) มีความรับผิดชอบต่อสังคม ดูแลสังคมรอบข้าง (Social) และดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ หรือมีธรรมาภิบาล (Governance)

อย่างไรก็ตามการ​ขับเคลื่อนธุรกิจไปในแนวทางนี้ก็อาจไม่ใช่เรื่องที่ง่าย แต่หาก​ไม่ปรับตัวตาม ก็อาจทำให้หลุด​จากกระแส รวมทั้งเส้นทางที่จะนำไปสู่การเติบโตเป็นไปอย่างยากลำบากขึ้น รวมถึงการเข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภค ตลาด สังคม ก็อาจถูกลดทอนลงไปด้วยเช่นเดียวกัน

วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) แนะนำภาคธุรกิจสำรวจความพร้อม ความเข้าใจต่อแนวทางการขับเคลื่อนดังกล่าว พร้อมร่วม​ส่งเสริมการปลูกฝัง Sustainable DNA ผ่านกลยุทธ์ GREAT เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับรับมือการแข่งขันในบริบทโลกยุคใหม่ ​

Sustainable DNA” สิ่งต้องมีในตัวผู้ประกอบการ 

รศ.ดร.ณัฐวุฒิ พิมพา ประธานหลักสูตร Managing For Sustainability (หลักสูตรนานาชาติ) วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กล่าวว่า นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่ปัจจุบันนี้ ภาคธุรกิจต่างตื่นตัว ปรับตัว และยกระดับคุณภาพองค์กรเพื่อตอบรับกระแสการพัฒนาอย่างยั่งยืน และนำแนวคิด ESG มาเป็นนโยบายหลักขององค์กร แต่การจะขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายได้นั้น ต้องส่งเสริมให้พนักงานซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญขององค์กรมีความรู้ความเข้าใจเรื่องความยั่งยืนของธุรกิจ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องปลูกฝัง Sustainable DNA หรือ DNA แห่งความยั่งยืนให้อยู่ในจิตสำนึก วิธีคิดวิธีปฏิบัติ จนกลายเป็นนิสัยที่ติดตัวไปใช้ในการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันของพนักงานทุกคน ควบคู่ไปกับการสร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อม (Ecosystem) ที่เอื้อให้เกิด Sustainable DNA ผ่านการโฟกัสตามแนวทาง  GREAT เพื่อเติม  5 ทักษะ​ องค์ประกอบสำคัญของ Sustainble DNA ที่พนักงานจำเป็นต้องมี

GREAT รหัส​สร้าง Sustainable DNA  ให้ผู้ประกอบการ 

Growth Mindset – เพราะโลกทุกวันนี้เต็มไปด้วยการแข่งขัน แค่หยุดนิ่งก็อาจเท่ากับถอยหลัง ผู้มี Sustainablity DNA จึงจำเป็นต้องมี Growth Mindset ซึ่งก็คือแนวคิดที่เชื่อว่าเราทุกคนต่างมีศักยภาพในตนเอง และเชื่อว่าทักษะ ความรู้ ความสามารถของตนเองนั้นสามารถพัฒนาได้อย่างไม่สิ้นสุดหากตั้งใจ ใฝ่เรียนรู้ และพยายามฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการมีทัศนคติที่ดีและคิดบวกตลอดเวลา มองการณ์ไกล กล้าเผชิญปัญหา มองอุปสรรคเป็นความท้าทาย มองความผิดพลาดเป็นบทเรียน ไม่ยึดติดกับกรอบเดิมๆ มองหาโอกาสใหม่ๆ ที่จะเติบโตและก้าวไปข้างหน้า เพื่อค้นหาสิ่งที่ดีกว่า และเชื่อมั่นว่าหนทางข้างหน้าต้องดีกว่าเดิม

Responsibility – หมดยุคที่ธุรกิจจะมุ่งแสดงหาผลกำไรเพียงอย่างเดียวโดยไม่สนใจสังคมและสิ่งแวดล้อม ผู้มี Sustainablity DNA จึงจำเป็นต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบที่ควรมีทั้งต่อลูกค้า สังคม และสิ่งแวดล้อม และทำด้วยจิตสำนึกรับผิดชอบอย่างแท้จริง ไม่ใช่ทำตามกระแสฉาบฉวย หรือแค่สร้างภาพลักษณ์ ความรับผิดชอบต่อลูกค้า เช่น พร้อมดูแล ให้คำปรึกษา ช่วยแก้ปัญหา และยินดีรับข้อเสนอแนะหรือข้อร้องเรียนต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์และความพึงพอใจสูงสุดจากการใช้สินค้าและบริการ ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะทำอะไรต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สังคมรอบข้าง และสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก และพร้อมที่จะหลีกเลี่ยงการกระทำที่อาจก่อให้เกิดกระทบนั้นๆ หรือหากเลี่ยงไม่ได้ก็พยายามให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด เมื่อมีความผิดพลาดเกิดขึ้นก็ไม่แก้ตัวแต่พร้อมแก้ไขให้ดีขึ้น รวมไปถึงการมีจิตอาสา มีจิตสำนึกเพื่อส่วนรวม พร้อมร่วมทำกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นสาธารณประโยชน์

Environment Care –  ผู้มี Sustainablity DNA จำเป็นต้องมีความตระหนักรู้และเข้าใจความรุนแรงของปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้ และมีจิตสำนึกที่จะร่วมดูแล อนุรักษ์ และลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะทำกิจกรรมใดๆ ก็คำนึงถึง “ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” โดยเริ่มจากเรื่องง่ายๆ ใกล้ๆ ตัว ด้วยการรู้จักใช้ทรัพยากรอย่างชาญฉลาด ใช้อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด เช่น ลดการใช้พลาสติก ประหยัดน้ำ ประหยัดไฟ ลดการใช้พลังงาน ใช้ทรัพยากรต่างๆ เท่าที่จำเป็น เลือกใช้วัสดุที่รีไซเคิลได้หรือสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ แยกขยะเป็นนิสัย และเลือกใช้สินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

Adaptibility  ในโลกที่ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้มี Sustainablity DNA จำเป็นต้องมี ความคิดที่ยืดหยุ่น มีความเข้าใจและมีทัศนคติที่ดีต่อการเปลี่ยนแปลง ไม่ยึดติดกับความเคยชินเดิมๆ พร้อมเปิดใจเรียนรู้ ยอมรับสิ่งใหม่ มีความสามารถในการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา และไม่ว่าจะเจอกับวิกฤตปัญหาใดก็สามารถรับมือและเอาตัวรอดได้ในทุกๆ สถานการณ์

Technology Skill – และทักษะสุดท้ายที่ผู้มี Sustainability DNA จำเป็นต้องมี คือ การมี Technology Skill หรือทักษะในการบริหารจัดการ รู้จักวิธีการใช้ และเลือกใช้เทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญของการพัฒนาในทุกมิติทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และเป็นพื้นฐานของการพัฒนาในโลกอนาคต

CMMU ออกแบบหลักสูตร เติม Sustainable DNA ให้​สังคม

รศ.ดร. ณัฐวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า CMMU ในฐานะภาคการศึกษามีความพยายามอย่างยิ่งที่จะปูรากฐานด้านความยั่งยืน และผลักดันการบริหารธุรกิจย่างยั่งยืนตามกรอบ ESG ด้วยการสร้างบุคลากรที่มี Sustainable DNA ให้กับสังคม เพื่อเป็นฟันเฟืองในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ภาคธุรกิจไทยก้าวข้ามทุกอุปสรรคปัญหา พิชิตความท้าทาย ปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงได้ และบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน CMMU จึงได้บรรจุสาขา Managing For Sustainability (MFS) ไว้หลักสูตรนานาชาติ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เรียนจากทั่วโลกสามารถเรียนได้โดยไร้ข้อจำกัดทางภาษา

โดยมีโครงสร้างหลักของหลักสูตรที่ตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืนอย่างครบวงจร ทั้ง

1. Sustainable Leadership in Action การสร้างความเป็นผู้นำ ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการกระตุ้น ปลูกฝัง และเป็นแบบอย่างให้บุคลากรในองค์กรหันมาสนใจเรื่องความยั่งยืน

2. Sustainability Strategy การวางกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน รวมไปถึงการใช้เครื่องมือทางธุรกิจและการเงินเพื่อความยั่งยืน ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดกรอบทิศทางการพัฒนาองค์กร

3. Sustainable Logistics and Supply Chain Management การจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย

เราตั้งใจออกแบบหลักสูตรที่ไม่ใช่แค่เพื่อตอบโจทย์ทางธุรกิจ แต่ยังอยู่บนพื้นฐานความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เราเน้นการสอนที่ไม่ใช่มุ่งสร้างแต่คนเก่ง แต่ยังมุ่งปลูกฝังให้ทุกคนมี Sustainable DNA ที่มีสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมทั้งวิธีการคิดและการปฏิบัติ มีความพร้อมปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลง เพื่อพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืน

นอกจากนี้  โครงสร้าง​หลักสูตรที่ตอบโจทย์การพัฒนาองค์กรและธุรกิจอย่างยั่งยืนอย่างครบวงจร ควรประกอบด้วย

– Sustainable Leadership in Action กลุ่มวิชาที่ให้ความสำคัญต่อการสร้าง mindset  สำหรับภาวะผู้นำแห่งความยั่งยืนในบริบทโลกยุคใหม่ ที่เข้าใจ และ ประยุกต์แนวคิดธุรกิจยั่งยืนได้ รวมทั้งเป็นบุคคลต้นแบบแห่งความยั่งยืนสำหรับบุคลากรอื่นๆในองค์กร

– Sustainability Strategy กลุ่มวิชาที่เน้น skillset เพื่อออกแบบและพัฒนากลยุทธ์ด้านความยั่งยืน เช่น นโยบายด้านคาร์บอน การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ หรือ การตรวจทานประเด็นสิทธิมนุษยชน และ แรงงาน นอกจากนี้ในกลุ่มวิชานี้จะรวมถึงการใช้เครื่องมือทางธุรกิจและการเงินเพื่อจัดการประเด็นความยั่งยืน ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดกรอบทิศทางการพัฒนาองค์กร

– Sustainable Logistics and Supply Chain Management กลุ่มวิชาที่เน้นแนวทางการจัดการห่วงโซ่อุปทานที่นำไปสู่การประหยัดพลังงานและต้นทุน การสร้างประสิทธิภาพ และ การนำกรอบ GRI and SDGs มาใช้ในการพัฒนากระบวนการแห่งความยั่งยืน

ไม่เพียงเท่านั้น CMMU ยังมีการนำประเด็นด้านความยั่งยืนสอดแทรกเข้าไปในทุกหลักสูตรการเรียนการสอน เพื่อให้ผู้เรียนทุกคนสามารถนำศาสตร์ด้านความยั่งยืนไปประยุกต์ใช้กับสาขาวิชาที่เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และกลายเป็นนักบริหารที่ใส่ใจปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมบริหารธุรกิจไปสู่ความยั่งยืน

Stay Connected
Latest News