ชุมชนบ้านมดตะนอยจับมือเอสซีจี จัดการขยะชายฝั่งทะเลตั้งเป้าปลอดขยะ 100%ปี2565

ชุมชนบ้านมดตะนอย เป็นชุมชนเล็ก ๆ ติดกับทะเล ตั้งอยู่ที่ต.ลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง ถือเป็นหมู่บ้านตัวอย่างที่คนในชุมชนรวมตัวกันเพื่อจัดการกับขยะที่มีมากมายในหมู่บ้านอย่างมีประสิทธิภาพ เดิมเคยเป็นหมู่บ้านที่เคยถูกคนพูดถึงว่า “ชุมชนนี้มีขยะเยอะจัง” จากความร่วมมือร่วมใจกันในชุมชนอย่างจริงจังจนกลายเป็นหมู่บ้านปลอดโฟม


แม้ปัญหาเรื่องโฟมจะหมดไป แต่ขยะประเภทถุงพลาสติกยังเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ยาก ในปี 2561 ชุมชนบ้านมดตะนอย ร่วมกับเอสซีจี และเครือข่าย ผลักดันการจัดการขยะทะเลชายฝั่งในพื้นที่ชุมชนบ้านมดตะนอย ด้วยแนวทาง SCG Circular way “ใช้ให้คุ้ม แยกให้เป็น ทิ้งให้ถูก” โดยตั้งเป้าก้าวสู่ชุมชนต้นแบบปลอดขยะ 100% ในปี 2565 นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรมปลูกหญ้าทะเลและป่าโกงกาง เพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อน และวางบ้านปลาเป็นแหล่งอนุบาลสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล เพื่อดูแลรักษาระบบนิเวศชายฝั่งทะเลอย่างครบวงจรและยั่งยืน

 

ศาณิต เกษสุวรรณ ที่ปรึกษาธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี

 

ล่าสุด เอสซีจีได้จัดกิจกรรม ‘Save Mariam’s Family ฟื้นคืนระบบนิเวศ ลดต้นเหตุขยะทะเล’ ที่ชุมชนมดตะนอย เพื่อช่วยสร้างความเข้าใจเรื่องการจัดการขยะและผลกระทบของขยะที่มีต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงเป็นเวทีที่จะได้ระดมความคิดเพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาการจัดการขยะจากทุกภาคส่วน

ศาณิต เกษสุวรรณ ที่ปรึกษาธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี เปิดเผยว่า “เอสซีจีเชื่อว่า การบริหารจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และเป็นหน้าที่ของทุกคน จึงได้มุ่งส่งเสริมและสนับสนุนตั้งแต่ระดับชุมชนให้มีความตระหนักรู้และการจัดการขยะที่ถูกต้องตามแนวทาง “ใช้ให้คุ้ม แยกให้เป็น ทิ้งให้ถูก” เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ตามแนวทาง SCG Circular way ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยชุมชนบ้านมดตะนอยเป็นชุมชนหนึ่งที่ได้ร่วมกับเอสซีจีในการดูแลระบบนิเวศชายฝั่งทะเล และนับเป็นชุมชนชายฝั่งที่ตื่นตัวและเริ่มจัดการขยะด้วยตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนได้รับการรับรองจากกรมอนามัยให้เป็นหมู่บ้านปลอดโฟม ประจำปี 2559”

 

รองเท้าแตะ คือส่วนหนึ่งของขยะที่เก็บได้จากชายหาด

 

ด้าน ณัฐวัฒน์ ทะเลลึก ผู้ใหญ่บ้านมดตะนอย เล่าถึงสาเหตุที่ชุมชนมดตะนอยให้ความสำคัญกับเรื่องปัญหาขยะว่า “เมื่อปี 2557 ได้มีการตรวจสุขภาพของคนในชุมชนและพบว่ามีผู้ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม ทำให้ชุมชนเริ่มสนใจหาสาเหตุของการเกิดโรค โดยมีข้อสันนิษฐานว่า ปัจจัยการเกิดโรคน่าจะมาจากการใช้โฟมบรรจุอาหารเป็นระยะเวลานาน จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ชุมชนหันมาช่วยกันรณรงค์เลิกใช้โฟมอย่างจริงจัง และด้วยการที่เราเป็นชุมชนชายฝั่งทำให้ตระหนักดีว่า ขยะมีแหล่งที่มาทั้งจากกิจกรรมบนฝั่ง เช่น ขยะจากชุมชน ขยะบริเวณท่าเรือและการท่องเที่ยวบริเวณชายหาด และขยะจากกิจกรรมในทะเล เช่น การขนส่งทางทะเล การประมง และการท่องเที่ยวทางทะเล จึงได้เริ่มขยายแนวคิดไปสู่เรื่องการจัดการขยะชุมชนผ่านการรณรงค์ให้ลด ละ เลิก การใช้ถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง”

นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้แต่ละครัวเรือนคัดแยกขยะเป็น 4 ประเภท เพื่อนำไปสร้างมูลค่าและใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ ได้แก่

 

 

ขยะทั่วไป เช่น นำเศษอวนมาทำถุงคัดแยกขยะแทนถุงดำ นำลูกมะพร้าวที่เหลือทิ้งมาทำเป็นกระถางต้นไม้ นำยางรถยนต์เก่ามาทำเป็นกระถางปลูกพืชผักสวนครัว ทำให้เกิดการส่งเสริมอาชีพการปลูกพืชผักสวนครัวในชุมชน
ขยะอินทรีย์ เช่น เปลือกปู เปลือกกุ้ง ได้นำไปทำเป็นน้ำหมักชีวภาพ
ขยะรีไซเคิล เช่น ขวดพลาสติก ขวดแก้ว เศษกระดาษ จะนำไปแปรรูปเป็นของใช้ เช่น หลอดกาแฟนำไปทำไส้หมอนให้ผู้สูงอายุ พลาสติกที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้จะนำไปใส่ขวดน้ำเพื่อทำ Eco-Brick ส่งให้กลุ่ม Trash Hero
ขยะอันตราย จะนำไปส่งให้ อบต.เกาะลิบง เพื่อกำจัดอย่างถูกวิธี

รวมถึงชุมชนยังได้ต่อยอดสู่การพัฒนา ‘อวนดักขยะ’ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาชุมชนเพื่อจัดการขยะไม่ให้ไหลลงคลองต้นทางก่อนไหลลงสู่ทะเล โดยจะใช้สำหรับการตักเก็บขยะช่วงน้ำขึ้นและเก็บกวาดขยะใต้ถุนช่วงน้ำลง

 

 

จากความร่วมมือดังกล่าวทำให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม คือ ชุมชนสามารถลดขยะโฟมให้เป็นศูนย์ ลดขยะทั่วไปได้ 53 % ลดขยะอินทรีย์ได้ 82% ลดขยะรีไซเคิลได้ 54% ลดขยะอันตรายได้ 34%และลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งได้ประมาณ 30% โดยชุมชนได้ตั้งเป้าว่าภายในปี 2565 บ้านมดตะนอยจะเป็นชุมชนปลอดขยะร้อยละ 100 และพร้อมที่จะเป็นผู้แบ่งปันความรู้ แนวคิด และการปฏิบัติด้านการจัดการขยะให้ผู้สนใจต่อไป

ด้าน ลือชัย เจริญทรัพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า “จังหวัดตรังได้ประกาศเป้าหมาย ‘การขับเคลื่อนตรังสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ทำความดีด้วยหัวใจ ลดภัยสิ่งแวดล้อม’ โดยได้ร่วมกับเครือข่ายทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาชน ผู้ประกอบการร้านค้าและการท่องเที่ยว ขับเคลื่อนให้จังหวัดตรังก้าวสู่เป้าหมายการเป็นเมืองปลอดโฟมบรรจุอาหาร และการลดขยะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ผ่านการส่งเสริมการผลิตและการใช้ผลิตภัณฑ์ทดแทนโฟมและพลาสติก รวมถึงการจัดการขยะเพื่อนำกลับไปใช้ใหม่ ซึ่งชุมชนบ้านมดตะนอยเป็นความภาคภูมิใจของคนตรัง และเป็นชุมชนต้นแบบที่แสดงให้เห็นว่าการป้องกันและแก้ไขปัญหาขยะทะเลเป็นเรื่องของทุกคนที่สามารถทำได้ทันที อีกทั้งยังมีการดูแลรักษาระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพทะเลอย่างครบวงจร ซึ่งเป็นไปตามนโยบายและแผนการสนับสนุนของจังหวัดตรังที่ต้องการให้ชุมชนชายฝั่งมีความเข้มแข็ง สามารถดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ด้วยตนเองอย่างยั่งยืน”

 

ลือชัย เจริญทรัพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง

นอกจากนี้ เอสซีจียังได้ร่วมกับชุมชนบ้านมดตะนอย หน่วยงานจากภาครัฐ ดูแลระบบนิเวศและอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่ง ด้วยการปลูกหญ้าทะเลที่เพาะพันธุ์ขึ้นเองจากภูมิปัญญาชุมชน ผนวกกับองค์ความรู้ที่ได้มาจากการศึกษาดูงานที่มูลนิธิอันดามัน กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงปลากระชังบ้านพรุจูด อ.สิเกา จ.ตรัง และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง ตั้งแต่ปี 2559 จำนวน 21,000 ต้น ในพื้นที่ 18 ไร่ และปลูกป่าโกงกางอีก 3,700 ต้น ในพื้นที่ 28 ไร่ เพื่อลดภาวะโลกร้อน และช่วยให้ระบบนิเวศชายฝั่งกลับสู่ความอุดมสมบูรณ์


รวมถึงวางบ้านปลาที่หล่อขึ้นจากนวัตกรรมปูนเอสซีจีที่มีคุณสมบัติแข็งแรง ทนทาน และทนต่อซัลเฟตและคลอไรด์จากน้ำทะเล (ปูนคนใต้) จำนวน 670 หลัง ตั้งแต่ปี 2560 เพื่อใช้เป็นแหล่งอนุบาลสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล เพื่อดูแลรักษาระบบนิเวศชายฝั่งทะเลอย่างครบวงจรและยั่งยืน

Stay Connected
Latest News

ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค และสเปลล์ เดินหน้าองค์กรสู่ความยั่งยืนทุกมิติ ประกาศความสำเร็จ ติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป รวมกว่า 56,000 ตร.ม. ร่วมลดการใช้พลังงานของประเทศ พร้อมสร้างคุณค่าต่อชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม