แอทแทค รีแบรนด์ตอบโจทย์อินไซต์ผู้บริโภคยุคใหม่ พร้อมลดสารเคมี ลดพลาสติก ปรับสูตรให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

แอทแทครีแบรนด์เชื่อมโยงกลุ่มคนรุ่นใหม่ ​ย้ำวิสัยทัศน์ Life Value สะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับคุณค่าของชีวิตและผู้คนมากขึ้น พร้อมสื่อสารผ่านแนวคิด ‘Brighten Your Day with True Cleanliness’ ทำให้การซักผ้าเหลือเพียงขั้นตอนเดียว ด้วยเทคโนโลยี Micro wash พร้อมสนับสนุนแนวคิด ESG (Environment / Social / Governance) ส่งเสริมการลดใช้พลาสติกและเคมีในอุตสาหกรรม และทำให้ชีวิตผู้คนดีขึ้นอย่างยั่งยืน

พร้อมขับเคลื่อนกลยุทธ์การตลาด Drive by New Product Value และ Drive by Presenter & Friends of Attack  พลิกแง่มุมการสื่อสารผ่านกลุ่มคนรุ่นใหม่ สะท้อนให้เห็นว่าแบรนด์ไม่หยุดนิ่งแต่ปรับตัวตามไลฟ์สไตล์ผู้คนที่เปลี่ยนไป มีเวลาน้อยในการทำงานบ้าน แต่ยังอยากได้ผลลัพธ์ด้านความสะอาดที่ดีเยี่ยม จึงพลิกโฉมตัวเองเพื่อเป็นตัวช่วยในการประหยัดเวลาและทำให้ชีวิตของผู้บริโภคสะดวกสบายยิ่งขึ้น

คุณยูจิ ชิมิซึ  ประธานกรรมการ บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แอทแทคสูตรใหม่ได้พัฒนาเทคโนโลยีไมโครวอช (Microwash) ที่ช่วยลดขั้นตอนการซัก ไม่ต้องแช่ ไม่ต้องขยี้ “แค่กดซัก” ปุ่มเดียว ก็ยังคงได้รับผลลัพธ์ความสะอาดอันยอดเยี่ยม ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์และคุณค่าผ่านโลโก้ใหม่ ​สะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับคุณค่าของชีวิต (Life Value) ของผู้คนมากขึ้น

ทั้งนี้ แอทแทค เป็นแบรนด์ที่ให้ความสำคัญการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จากการวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภคมาโดยตลอด  ซึ่งจากกาารวิจัยศึกษาตลาดผู้บริโภคทั้งในระดับเอเชียและภูมิภาคอย่างลึกซึ้ง ทำให้ทางแบรนด์มองเห็นอินไซต์ของกลุ่มเป้าหมายทั้งกลุ่มคุณแม่ยุคใหม่ (Working Mom) หรือคู่รักยุคใหม่ (DINKs) ที่ต้องทำงานนอกบ้าน รวมทั้ง​กลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ไม่อยากเสียเวลาในการทำงานบ้านมากนัก ​​คนกลุ่มนี้จึงมองหาตัวเลือกที่สามารถช่วยประหยัดเวลา ไม่เปลืองแรง แต่ยังสามารถให้ผลลัพธ์ที่สะอาดและดีเยี่ยม เพื่อให้มีเวลาสำหรับไป​ทำอย่างอื่นได้มากขึ้น​

“การปรับสูตรใหม่ มีจุดเด่นด้วย เทคโนโลยีไมโครวอช (Microwash) การผสานสารทำความสะอาดคู่เอนไซม์สูตรเข้มข้น สามารถซอกซอน สลายคราบฝั่งแน่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ช่วยสลายคราบสิ่งสกปรกบนเนื้อผ้า ให้ผ้าสะอาดง่ายในขั้นตอนเดียว ไม่ต้องแช่ ไม่ต้องขยี้ แค่โยนเข้าเครื่องซักก็จบ จึงประหยัดเวลาในการซัก ทั้งยังช่วยลดกลิ่นอับอีกด้วย มาพร้อม 4 กลิ่นใหม่ ได้แก่ คลีนแอดวานซ์, ชาร์มมิ่ง โรมานซ์, เลดี้ อิลิแกนท์ และรีแลกซิง โบทานิค โดยสูตรใหม่นี้ถูกพัฒนาให้ใช้ได้ทั้งสำหรับเครื่องซักผ้าฝาบนและฝาหน้า ช่วยให้ใช้ชีวิตง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีการปรับสูตรสินค้าใหม่โดยลดปริมาณการใช้สารเคมีลงและใช้เอนไซม์จากธรรมชาติที่ย่อยสลายได้ โดยมีแหล่งกำเนิดมาจากน้ำมันปาล์ม และการปรับบรรจุภัณฑ์ให้สามารถลดการใช้พลาสติกลงได้ถึง 38 ตันต่อปี” 

สำหรับการปรับโฉมครั้งยิ่งใหญ่ของแอทแทคในครั้งนี้ ​มีเป้าหมายเป็นแบรนด์ Top of Mind โดยได้วางแผนการตลาดที่คำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปทั้งทาง Online และ Offline โดยฝั่ง Offline ​เน้นการทดลองใช้สินค้า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ผ่านการแจกผลิตภัณฑ์ตัวอย่าง โดยมี หมาก ปริญ ซึ่งมีคาแรคเตอร์สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ และเป็นตัวแทนของกลุ่มคนรุ่นใหม่ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์เพื่อช่วยสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย  พร้อมสร้างการรับรู้​ผ่านสื่อ Out of home ​ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมถึงสร้างคอมมูนิตี้​ Friends of Attack เพื่อสื่อสารกับกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น ผ่านตัวแทนอย่าง คริส พีรวัส และ เต ตะวัน  ขณะที่ฝั่ง Online เน้นการทำโปรโมชั่นและกิจกรรมส่งเสริมการขายที่สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้สื่อออนไลน์ของผู้บริโภคอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ตลาดผลิตภัณฑ์ซักผ้าเริ่มกลับมาเติบโตขึ้นเนื่องจากผู้บริโภคกลับมาใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ หลังผ่านวิกฤตโรคระบาด 2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ตลาดรวมผลิตภัณฑ์ซักผ้าในปี 2022 โตขึ้น 9% เมื่อเทียบกับปี 2021 โดยมีมูลค่า 18,300 ล้านบาท พร้อมคาดการณ์มูลค่าจะเติบโตไปถึง 19,500 ล้านบาท ในปี 2025

โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นและเติบโตต่อเนื่องทุกปี ยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ซักผ้าชนิดน้ำ เนื่องจากสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั้งในแง่  Emotional เช่น การมีกลิ่นหอม และด้าน Functional เรื่องความสะอาด ความสะดวก และช่วยประหยัดเวลาในการซัก อีกทั้งผู้บริโภคยังให้ความสนใจและตื่นเต้นกับการทดลองสูตรใหม่ๆ อยู่เสมอ ทำให้มูลค่าตลาดรวมของผลิตภัณฑ์ซักผ้าชนิดน้ำปี 2022 ที่ผ่านมาสูงถึง  7,000 ล้านบาท หรือเติบโต 20% จากปี  2021 โดยคาดว่าตลาดยังมีการแข่งขันที่คึกคักต่อเนื่องและเป็นกลุ่มที่มีการแข่งขันสูงที่สุด ขณะที่การรรีแบรนด์ครั้งนี้ของแอทแทค จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น พร้อมตั้งเป้ายอดขายสิ้นปีนี้ไว้ที่ 3,220 ล้านบาท เติบโต 12% จากปีก่อนหน้า และสามารถขึ้นสู่แบรนด์อันดับ 2 ในตลาดผลิตภัณฑ์ซักผ้าแบบน้ำได้ ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า

Stay Connected
Latest News