แม้จะมีโมเดลในการทำ International Banking มายาวนานหลายสิบปีไม่ต่างกับการรุกธุรกิจการเงินในประเทศไทยที่ดำเนินการมากว่า 80 ปีแล้ว แต่ที่ผ่านมา ธุรกิจต่างประเทศของ ธนาคารกรุงเทพ มักจะทำเพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มคอปอเรท หรือการค้าขายระหว่างประเทศเป็นหลัก ทำให้การเพิ่ม Value Added หรือการเพิ่มบริการต่างๆ ให้ลูกค้าเป็นไปได้ค่อนข้างจำกัด
ขณะที่ Big Move ล่าสุดในฟาก International Banking ของ BBL คือการขยายฐานลูกค้ามาสู่กลุ่มรีเทล เหมือนที่มีให้บริการในประเทศไทย เพื่อทำความรู้จักและเข้าใจลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น โดยเลือกประเทศที่มีศักยภาพสูงอย่าง ‘อินโดนีเซีย’ ด้วยการเข้าไปซื้อกิจการ ‘ธนาคารเพอร์มาตา’ ตั้งแต่ปี 2563 พร้อมควบรวมเข้ากับธนาคารกรุงเทพที่ให้บริการในอินโดนีเซีย 3 แห่ง ได้แก่ สาขาจาการ์ตา สาขาสุรายาบา และสาขาเมดาน ภายใต้ชื่อ ‘ธนาคารเพอร์มาตา’ ซึ่งเป็นภาษาอินโดนีเซียที่แปลว่า อัญมณี หรือเพชรพลอย เพื่อสร้างความใกล้ชิดและคุ้นเคยกับชาวอินโดนีเซียได้มากกว่า
พร้อมได้ปรับเปลี่ยนโลโกมาเป็นสัญลักษณ์ดอกบัวหลวง ของธนาคารกรุงเทพเหมือนที่ใช้อยู่ในประเทศไทย เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการเป็นกลุ่มธุรกิจภายใต้ครอบครัวเดียวกัน
โฟกัส ‘อินโดนีเซีย -อาเซียน’ ตลาดแห่งอนาคต
ทั้งนี้ หากจะโฟกัสให้เห็นศักยภาพของอินโดนีเซียนั้น ถือได้ว่าเป็นตลาดสำคัญทั้งจากขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 16 ของโลก และเป็นอันดับต้นๆ ของภูมิภาคทั้งเอเชียและอาเซียน พร้อมทั้งคาดว่าจะเป็นโลเกชั่นที่จะกลายเป็นตลาดแห่งอนาคต โดยเชื่อว่าในช่วง 5 ปีจากนี้ จะเติบโตกลายเป็นเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก
รวมทั้งจำนวนประชากรที่มีกว่า 280 ล้านคน มากเป็นอันดับ 4 ของโลก และส่วนใหญ่เป็นวัยหนุ่มสาวที่เป็นกำลังสำคัญในการสร้างการเติบโตให้ประเทศ ขณะที่มีการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบกับมีเสถียรภาพและความเชื่อมั่นที่ดี รวมทั้งยังเป็นประเทศสมาชิกในกลุ่มผู้นำเศรษฐกิจโลกอย่าง BRICS และ G20 จึงเป็นโอกาสที่ดีทั้งของธนาคารและภาคธุรกิจที่ต้องการขยายการลงทุนเข้ามาในอินโดนีเซีย
ขณะที่ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 มีมูลค่าการลงทุนจากประเทศไทยในอินโดนีเซียสูงถึง 225 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และตลอดปี 2560-2565 นักลงทุนไทยมีการลงทุนรวม 1.52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในกว่า 1,400 โครงการทั่วประเทศอินโดนีเซีย จึงนับเป็นคู่ค้าที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของไทย โดยปีที่ผ่านมาประเทศไทยส่งออกสินค้าไปยังอินโดนีเซียมูลค่า 10.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ไทยเป็นจุดหมายส่งออกใหญ่อันดับ 4 ของอินโดนีเซีย โดยมีมูลค่าส่งออกถึง 7.22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
เร่งยุทธศาสตร์ Connecting ASEAN
คุณชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารกรุงเทพ ในฐานะ ‘ธนาคารชั้นนำระดับภูมิภาค’ และธนาคารต่างชาติแห่งแรกของอาเซียนที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารในอินโดนีเซีย ตั้งแต่ปี 2511 เนื่องจากเล็งเห็นศักยภาพทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซียในระยะยาว ก่อนจะเข้าซื้อเพอร์มาตาในปี 2563 เพื่อขยายโอกาสธุรกิจและการเติบโตในอนาคต
ซึ่งภายหลังจากเพอร์มาตาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในพอร์ตของกลุ่มธนาคารต่างประเทศก็มีการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี และยังมีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้นได้อีกมาก จากภารกิจหลักของธนาคารในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ Connecting ASEAN หรือการเชื่อมโยงอาเซียน เพื่อ Synergy ความแข็งแกร่งด้านเครือข่ายของเพอร์มาตาในตลาด Local รวมทั้ง BBL ที่มีความแข็งแรงในตลาดต่างประเทศ และมี Network กระจายใน 14 เขตเศรษฐกิจทั่วโลก เพื่อตอกย้ำบทบาทในการเป็น Regional Banking หรือธนาคารแห่งภูมิภาคได้อย่างแท้จริง
“หลังการเข้าซื้อกิจการ BBL จะมุ่งสนับสนุนและเพิ่มโอกาสเติบโตให้เพอร์มาตา ผ่านการจัดตั้งหน่วยงานบริการที่ชื่อว่า ฝ่ายพัฒนาและที่ปรึกษาธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business Development and Advisory Directorate) เพื่อเป็นศูนย์การรองรับลูกค้าในเครือข่ายของธนาคาร ทั้งในกลุ่มอาเซียน จีน ฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการเข้ามาลงทุนในอินโดนีเซีย และลูกค้าในอินโดนีเซียที่ต้องการไปลงทุนประเทศอื่นในภูมิภาค โดยมุ่งเสริมสร้างศักยภาพในการพัฒนาธุรกิจระหว่างประเทศ จัดหาเงินทุนสำหรับโครงการและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เช่น กลุ่มโครงการโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สอดคล้องกับหลัก ESG ตามการผลักดันของรัฐบาลอินโดนีเซีย”
ด้าน คุณเมลิสา รุสลิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพอร์มาตา กล่าวว่า ประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูง พร้อมด้วยทรัพยากรและแรงงาน โดยปัจจุบันรัฐบาลได้ดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ Golden Indonesia ที่เน้นขับเคลื่อนโครงการเศรษฐกิจสีเขียว การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และโครงการด้านเทคโนโลยีดิจิทัล มุ่งสู่การเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลกภายในปี 2588
จากยุทธศาสตร์นี้ ธนาคารเพอร์มาตา ได้เล็งเห็นโอกาสสำคัญและผลักดันลูกค้าและพันธมิตรในภูมิภาคเพื่อคว้าโอกาสต่างๆที่จะเกิดขึ้น ผ่านบริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงินอย่างครบวงจร สำหรับกลุ่มลูกค้าบุคคลและกลุ่มลูกค้าธุรกิจ โดยมีทั้งบริการการเงินทั่วไปและระบบการเงินอิสลาม (Sharia)
“นโยบายของรัฐบาลอินโดนีเซียในขณะนี้ สอดคล้องกับการดำเนินงานของธนาคารเพอร์มาตาภายใต้การสนับสนุนของธนาคารกรุงเทพ เพื่ออำนวยความสะดวกลูกค้าในหลายด้าน เช่น บริการ Asia Same Day Payment ซึ่งให้บริการโอนเงินแก่ลูกค้านำเข้าและส่งออกได้ภายในวันเดียวแบบเรียลไทม์ระหว่างไทยกับอินโดนีเซียผ่านคิวอาร์โค้ด รวมทั้งเร่งผลักดันลูกค้าเปลี่ยนผ่านไปสู่ธุรกิจสีเขียว โดยสนับสนุนสินเชื่อต่างๆ พร้อมทั้งดูแลและให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ครบทุกมิติ”
มุ่งเติบโตอย่างบูรณาการผ่าน ‘One Family One Team’
ภายหลังธนาคารกรุงเทพรวมสาขาในอินโดนีเซียเข้ากับธนาคารเพอร์มาตา ส่งผลให้ธนาคารเพอร์มาตาเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีอัตราส่วนเงินกองทุนแข็งแกร่งที่สุดในอินโดนีเซีย และเป็น 1 ใน 10 ธนาคารที่มีสินทรัพย์รวมใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซียโดยมีเครือข่ายสาขาให้บริการ 240 สาขา กระจายอยู่ใน 82 เมืองสำคัญทั่วประเทศ และมีฐานลูกค้ารวมกว่า 6.2 ล้านราย
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่และเลขานุการบริษัท และ คุณไชยฤทธิ์ อนุชิตวรวงศ์ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวร่วมกันว่า ทั้ง BBL และเพอร์มาตา มุ่งขับเคลื่อนแผนงานอย่างบูรณาการ หลังควบรวมกิจการ ด้วยแนวคิด ‘One Family One Team’ เพื่อสามารถบรรลุเป้าหมายในการผนวกระบบการทำงาน วิธีคิด วัฒนธรรมองค์กร ไปจนถึงแลกเปลี่ยนนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการและมอบประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมายได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ ในโมบายแบงกิ้ง หรืออินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง ไปจนถึงโซลูชันทางการเงินสำหรับภาคธุรกิจ และโครงสร้างพื้นฐานในการให้บริการทางการเงินของการทำธุรกรรมทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ เป็นต้น
อีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญ คือ การมุ่งสู่ Top 3 ธนาคารแห่งภูมิภาค หรือ Regional Banking จากฐานการให้บริการที่หลากหลายและครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาค เพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจในอาเซียนที่มีแนวโน้มขยับเป็นตลาดอันดับ 4 ของโลก โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว การมีฐานจากประเทศที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาขึ้นจะช่วยรักษาผลประกอบการภาพรวมให้เติบโตได้ต่อเนื่อง
“การมีเพอร์มาตา ยังทำให้ BBL สามารถเพิ่มบริการใหม่ หรือให้บริการที่ครบวงจรแก่ลูกค้าได้มากขึ้น ผ่านโครงสร้างการให้บริการของเพอร์มาตาที่มีครบทั้งลูกค้ากลุ่มธุรกิจ ลูกค้าองค์กร และลูกค้าบุคคล รวมทั้งมีแพลตฟอร์มการให้บริการที่รองรับการทำธุรกรรมลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะการมีฐานลูกค้าบุคคลในต่างประเทศเป็นครั้งแรก ทำให้ธนาคารสามารถให้บริการเงินฝาก และสามารถเข้าถึงแหล่งเงินที่มีต้นทุนที่ต่ำลงเพื่อนำไปต่อยอดการให้บริการหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และเข้าถึงลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากกลุ่ม International Banking ได้มากขึ้น จากก่อนหน้าที่มีสัดส่วนกำไรไม่มากนัก จากรูปแบบการให้บริการที่จำกัดและมีต้นทุนการเงินที่ค่อนข้างสูง”
ส่งผลให้ปีที่ผ่านมาเพอร์มาตามีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้วยสัดส่วนสินเชื่อ 12% ในพอร์ตสินเชื่อธนาคารกรุงเทพ พร้อมทั้งช่วยเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อในต่างประเทศให้เพิ่มจาก 17% เป็น 25% (ข้อมูล ณ ธันวาคม 2567) ขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 38% หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 6 พันล้านบาท ซึ่งในอนาคตเชื่อว่าจะขยับขึ้นแตะหลักหมื่นล้านบาทได้อย่างแน่นอน