Top StoriesTrending

ซูกิชิ เปิดโปรเจ็กต์ใหญ่รอบ 25 ปี ส่ง ‘กิมจิสไตล์ไทย’ บุกโลก ชูจุดเด่น ‘Localization + Sustainability’ ผนึกพลังนักศึกษาทั่วประเทศ ร่วมดีไซน์บรรจุภัณฑ์ ให้ตอบโจทย์ทั้งฟังก์ชั่น และยั่งยืน

ซูกิชิ ต่อยอดจุดแข็ง ในฐานะผู้นำตลาดกิมจิพร้อมทาน ผ่านโปรเจ็กต์พัฒนาบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน เตรียมบุกตลาดต่างประเทศ พร้อมขยับแบรนด์แข่งใน​ระดับโกลบอล

มุ่งมั่นทำตลาดมากว่า 25 ปี จาก SME ที่นำร่องด้วยร้านอาหารสไตล์เกาหลีและอาหารญี่ปุ่น ภายใต้ชื่อ ซูกิชิ (SUkishi) ซึ่งมาจาก Suki + Sushi  จนปัจจุบันเติบโตเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการอาหารและเครื่องดื่มที่ครอบคลุมในหลากหลายแบรนด์ และแคททิกอรี่ รวมทั้งเป้าหมายในการขยับไปสู่การเป็น Global Players ด้วยการชูจุดแข็งด้าน Localize

พร้อมความพยายามครั้งใหม่ กับการเดินหน้าโปรเจ็กต์ใหญ่ในรอบ 25 ปี ด้วยการผนึกกำลังกันของ 6 พันธมิตรผู้เชี่ยวชาญในระบบนิเวศ ทั้งบริษัท ซูกิชิ  อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด ,​สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) , เมืองนวัตกรรมแห่งอาหาร (Foodinnopolis) , มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ , มหาวิทยาลัยแม่โจ้​ และ​มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เพื่อจัดการประกวดบรรจุภัณฑ์ในโครงการ ‘PACK TO THE FUTURE THAILAND CHAMPIONSHIP 2025’ การแข่งขันออกแบบบรรจุภัณฑ์ เพื่อสังคมที่ยั่งยืน ชิงแชมป์ประเทศไทย 2568 โดยดึงพลังนักศึกษาทั่วประเทศร่วมออกแบบบรรจุภัณฑ์ เพื่อใช้สำหรับการบรรจุผลิตภัณฑ์เด่นของซูกิชิอย่าง ‘กิมจิ’ เพื่อเตรียมความพร้อมในการนำผลิตภัณฑ์กิมจิ ในสไตล์ Localization ของประเทศไทย เพื่อขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มเติมมากขึ้น

สำหรับการแข่งขันออกแบบบรรจุภัณฑ์ เพื่อสังคมที่ยั่งยืน ชิงแชมป์ประเทศไทย 2568 ครั้งนี้ แบ่งประเภทการประกวดออกเป็น 2 รายการ คือ 1. บรรจุภัณฑ์บริสุทธิ์ จุดประกายโลก (Green Packaging Inspiring to The World) สำหรับการออกแบบบรรจุภัณฑ์ในรูปแบบ Boxset  และ 2. ส่งต่อความสุขไม่รู้จบ (The Happiness Forward) สำหรับผลิตภัณฑ์ในรูปแบบชิ้นเดี่ยว โดยผู้ชนะในแต่ละประเภทจะได้รับเงินรางวัล พร้อมนำผลงานการออกแบบไปผลิตและจำหน่ายจริงภายใต้ลิขสิทธิ์ในเครือ Sukishi รวมมูลค่าเงินรางวัลทุกประเภท 120,000 บาท

โดยเกณฑ์การตัดสินจะคำนึงถึงการใช้นวัตกรรมที่สร้างสรรค์ออกแบบ ผสมผสานกับเทรนด์ของทั้งผู้บริโภครุ่นใหม่ รวมทั้งเทรนด์ในอุตสาหกรรมอาหารอย่างความยั่งยืน ผ่านการขับเคลื่อนจาก4 มิติ ทั้งด้านนวัตกรรม การศึกษา ภาคอุตสาหกรรม และมิติทางสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อมุ่งส่งเสริมให้กลุ่มนักศึกษาและคนรุ่นใหม่ ​สร้างสรรค์​พัฒนานวัตกรรมใหม่ด้านการออกแบบ ร่วมกับภาคอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้ตอบโจทย์การขับเคลื่อนเรื่องความยั่งยืน ผ่านการเลือกใช้วัสดุที่ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถย่อยสลายได้ เพื่อช่วยลดปริมาณขยะ ตอกย้ำการเติบโตอย่างสมดุลร่วมกันของทั้งธุรกิจ ควบคู่ไปกับการดูแลผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม  หรือ ESG

คุณนพดล จิรวราพันธ์ ประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซูกิชิ  อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า  การขับเคลื่อนของซูกิชิครั้งนี้ นับเป็นโครงการใหญ่ของบริษัทในรอบ 25 ปี เพื่อต้องการเป็นเวทีพัฒนาศักยภาพการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในเวทีโลก ทั้งการพัฒนาสินค้าท้องถิ่นของประเทศไทย รวมทั้งยกระดับการขับเคลื่อนเรื่องความยั่งยืน ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญพื้นฐาน ที่ผู้ประกอบในปัจจุบันต้องคำนึงถึง โดยเฉพาะหากจะยกระดับไปสู่การแข่งขันในตลาดโลก ​

“บริษัทจะนำผลงานของผู้ชนะในโครงการนี้ ไปต่อยอดสำหรับบรรจุภัณฑ์กิมจิสไตล์ไทย (Kimchi Localization) เพื่อเตรียมเปิดตัวแนะนำในงานไทยเฟ็กต์ปีหน้า ซึ่งเป็นงานอาหารและเครื่องดื่มระดับภูมิภาค ซึ่งบริษัทเตรียมเปิดตัวกิมจิสไตล์คนไทย เพื่อขยายโอกาสให้กลุ่มเกษตรกร และวัตถุดิบในกลุ่มผักผลไม้ของไทย ขยายโอกาสเติบโตในตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น กิมจิผักกูด กิมจิป๋วยเล้ง กิมจิมะม่วง กิมจิไหลบัว กิมจิผักโขมไทย กิมจิผักบุ้ง กิมจิกระท้อน กิมจิดอกปลั่ง เป็นต้น” ​

​แนวคิดการขยายตลาดสู่ Global ของซูกิชิในครั้งนี้ จึงโดดเด่นและตอบโจทย์​เทรนด์สำคัญในธุรกิจอาหาร  ทั้งการต่อยอดวัตถุดิบพื้นบ้าน ผสมผสานกับเมนูที่​ตลาดคุ้นเคย รวมทั้งการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับลักษณะผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท ทั้งเพื่อการรักษาคุณภาพ การรักษารสชาติ ความสวยงาม ความปลอดภัย  ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างครบถ้วน รวมทั้งตอบโจทย์ต้นทุนการผลิต​ในทางธุรกิจให้เพื่อสามารถเข้าถึงได้จริง

ทั้งนี้ ซูกิชิ ถือเป็นผู้นำในตลาดกิมจิสำเร็จรูป ที่จำหน่ายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด โดยมีส่วนแบ่งตลาดในปี 2564 ที่ราว 42%  และมีปริมาณการผลิตที่ราว 20 -30 ตันต่อเดือน เพื่อจำหน่ายให้กับร้านอาหาร และในช่องทางค้าปลีก ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์เรือธงของซูกิชิ ด้วยยอดขายราว 90% ของกลุ่มธุรกิจ​รีเทล ซึ่งคิดเป็น 10% ของบริษัท ขณะที่รายได้หลักราว 90% ยังมาจากกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร โดยปัจจุบันบริษัทมี​ผลิตภัณฑ์กิมจิที่ทำตลาดอยู่แล้วจาก 5 วัตถุดิบ ประกอบด้วย​กิมจิผักกาดขาว กิมจิมะละกอ กิมจิกะหล่ำ กิมจิหัวไชเท้า และกิมจิแตงกวา ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ จะช่วยตอกย้ำความเป็นผู้นำในการพัฒนาผลิตภัณฑ์กิมจิสำเร็จรูปของซูกิชิที่ได้รับการยอมรับทั้งตลาดในประเทศไทย รวมทั้งในตลาดโลกด้วย ซึ่งปัจจุบันซูกิชิ ทำตลาดต่างประเทศทั้งในตลาดอาเซียนอย่าง CLMV รวมทั้งมีแผนขยายตลาดเพิ่มเติมทั้งในเอเชีย ยุโรปและตะวันออกกลาง เป็นต้น

ตั้งเป้า 2 ปี บรรลุเป้าหมาย​ Zero Food Waste 

คุณนพดล กล่าวเพิ่มเติมว่า ซูกิชิ​มุ่งมั่น​ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน​มาโดยตลอด นับตั้งแต่วันแรก ที่เริ่มสร้างครัวกลางภายใต้การดูแลของบริษัทชั้นนำของ​ญี่ปุ่นอย่างโอบายาชิ เพื่อให้โรงงานได้รับมาตรฐาน ISO22000 ซึ่งเป็นมาตรฐานการบริหารจัดการในธุรกิจอาหาร เพื่อผลิตอาหารได้อย่างปลอดภัยและยั่งยืน รวมทั้งการมุ่งดูแล​ตลอดทั้งซัพพลายเชน ตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบ การบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การบริหารจัดการของเสียในกระบวนการผลิต โดยปัจจุบันสามารถลด Food Waste ในธุรกิจให้เหลือได้ราว 1% โดยมีแผนขับเคลื่อนสู่ Zero Food Waste ภายในปี 2570

“บริษัทส่งเสริมการลด Food Waste ผ่านการสร้าง Value Added โดยเฉพาะการต่อยอดไปสู่ By Product ที่นอกจากลดการสูญเสีย ยังช่วยสร้างโอกาสใหม่ให้ธุรกิจ เช่น การนำอาหารที่เหลือจากการตัดแต่ง เพื่อส่งให้ร้านอาหารภายในเครือ ไปพัฒนาต่อ เช่น หนังปลาแซลมอนนอร์เวย์ ที่ไปผลิตเป็นหนังปลาทอดกรอบ สำหรับร้านอาหารบุฟเฟต์ในเครืออย่างสุกี้คิงส์ ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดี หรือการ​ต่อยอดไปยัง​กลุ่ม Pet Food ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจที่เติบโตดีและน่าสนใจ ซึ่งบริษัทเตรียมเปิดตัวเพิ่มเติมในเร็วๆ นี้”

นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญในการใช้พลังงานทดแทน ด้วยการติดตั้งโซลาร์เซลล์ในครัวกลาง รวมทั้งที่สำนักงานใหญ่ ทำให้สามารถลดการใช้พลังงานลงได้กว่า 5.32 แสนหน่วยในแต่ละปี ซึ่งช่วยลดการปลดปล่อยคาร์บอนลงได้กว่า 258 ตันคาร์บอนต่อปี หรือเทียบเท่าการปลูกต้นไม้กว่า  2.7 หมื่นต้นต่อปี รวมทั้ง​​มีแผนลงทุนเพิ่มเติมอีก 30 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักรพร้อมทั้งลดการใช้พลังงานได้มากขึ้น  ขณะเดียวกันจะเพิ่มไลน์ผลิตสินค้าฮาลาล เพื่อรองรับการทำตลาดในกลุ่มตะวันออกกลาง อินโดนีเซีย และมาเลเซีย โดยคาดว่าจะช่วยเพิ่มกำลังผลิตภาพรวมได้ราว 25% ภายใต้งบลงทุนอีกราว​ 10 ล้านบาท

สำหรับการขยายสาขาเพิ่มเติมในปีนี้ ซูกิชิตั้งเป้ามีสาขาใหม่อีก 3-4 แห่ง จากจำนวนสาขารวมในปัจจุบัน 70 แห่ง รวมท้ังจะเปิดรับแฟรนไชส์รายใหม่เพิ่มเติม ​พร้อมทั้งการมีแบรนด์ใหม่เพิ่มมากขึ้น โดยตั้งเป้าจะเติบโตเพิ่มขึ้นในปีนี้ราว 5% จากช่วงครึ่งปีแรกที่สามารถเติบโตได้ที่ 3% ท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน ทั้งการแข่งขัน ภาวะเศรษฐกิจ กำลังซื้อ รวมทั้งการปรับตัวขึ้นของวัตถุดิบที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด แต่เชื่อว่าจะสามารถเติบโตต่อเนื่องได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

“ความยั่งยืนเป็นพื้นฐานสำคัญของการขับเคลื่อนธุรกิจในปัจจุบัน โดยเฉพาะในธุรกิจอาหารที่นอกจาก มาตรฐาน #QSC ทั้งคุณภาพ ความปลอดภัย ความสะอาดแล้ว เรื่องความยั่งยืนเป็นอีกหนึ่งพื้นฐานที่ไม่สามารถละเลยได้ เพราะผู้บริโภคในปัจจุบันโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ให้ความสำคัญต่อแบรนด์ หรือธุรกิจที่ขับเคลื่อนในเรื่องนี้มากขึ้น และลึกซึ้งขึ้น รวมทั้งยังเป็นอีกหนึ่งกติกาสำคัญสำหรับการขยับไปในระดับโลกด้วยเช่นกัน”​ คุณนพดล กล่าวทิ้งท้าย