DialogueTop Stories

ถอดรหัส ‘วิชชุลดา’ Social Upcycle Artist สร้างอิมแพคที่ยั่งยืน เปลี่ยน ‘ผู้ชม’ ให้กลายเป็น ‘คอมมูนิตี้’ ที่ต้องการสร้างโลกที่ดีกว่า

การขับเคลื่อนของ 'วิชชุลดา' มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ตามแนวทาง Circular Economy ด้วยการมองเห็นทั้ง 'คุณค่า และ 'มูลค่า' ของ 'ขยะ' และเกิดกลไกขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจได้จริง เพื่อสร้างโลกที่ดีขึ้นได้

 ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถทำแพชชั่นให้เป็นอาชีพได้ แต่ คุณเอ๋-วิชชุลดา ปันธนวงศ์ เจ้าของแบรนด์และช่อง Wishulada สามารถทำได้และทำได้อย่างโดดเด่น นี่คือหนึ่งในแบรนด์ไทยที่เกิดขึ้นเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อสังคมในวงกว้าง จากความรักในงานศิลปะและความตระหนักในปัญหาสิ่งแวดล้อม นำไปสู่การก่อตั้ง WISHULADA ที่เปลี่ยนขยะให้กลายเป็นสิ่งมีคุณค่า และสร้างอิมแพคให้โลกใบนี้น่าอยู่ยิ่งขึ้นผ่านงานศิลปะในสไตล์เฉพาะตัว

วิชชุลดาไม่ได้หยุดอยู่แค่การเป็น Social Upcycle Artist หรือศิลปินที่สร้างมูลค่าใหม่ให้กับสิ่งที่ถูกทิ้งร้าง แต่ยังเติบโตต่อในฐานะแบรนด์ผู้สร้างคอนเทนต์และผลิตภัณฑ์บน TikTok Shop ขยายพื้นที่การทำงานจากแกลเลอรีสู่หน้าจอมือถือ ดึงศักยภาพและพลังครีเอทีฟมาสร้างประสบการณ์ให้ผู้ชมนับล้านคนบนแพลตฟอร์ม ทำให้ทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลโลกใบนี้ร่วมกันได้

ไม่เพียงแต่สร้างอิมแพคในระดับท้องถิ่น WISHULADA ยังได้เป็นตัวแทนธุรกิจไทยในเวทีสากล ผ่านโครงการ ASEAN SOAR Together ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง TikTok Shop มูลนิธิอาเซียน และ สภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน ซึ่งถือเป็นเวทีสำคัญที่สนับสนุนแบรนด์จากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เข้าถึงผู้ชมและผู้ซื้อในภูมิภาค ทำให้ผลงานศิลปะและแนวคิดด้านความยั่งยืนของแบรนด์ถูกส่งต่อไปในระดับอินเตอร์ ขยายอิทธิพลและแรงบันดาลใจให้กับผู้คนในวงกว้าง พร้อมย้ำภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะแหล่งธุรกิจสร้างสรรค์ที่ผสานศิลปะและความรับผิดชอบต่อสังคมได้อย่างลงตัว

มองโลกแบบวิชชุลดา “ไม่มีอะไรไร้ค่า แม้แต่ขยะ” ผลักดัน Circular Economy

การสร้างความเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมในระดับมหภาคนั้นไม่ง่ายเลย จากรายงาน From Waste To Wealth จัดทำโดยสภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน และสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน เผยว่าจนถึงวันนี้ภูมิภาคอาเซียนยังคงติดหล่มปัญหาการจัดการขยะ มีขยะพลาสติกกว่าหนึ่งล้านตันทั่วโลกรั่วไหลสู่มหาสมุทรในแต่ละปี และกว่าครึ่งของจำนวนนี้มาจากกลุ่มประเทศเศรษฐกิจในอาเซียน ซึ่งเกิดจากการขยายตัวของเมืองที่รวดเร็วขึ้น และแนวโน้มการบริโภคที่สูงขึ้น

ปัญหาขยะเป็นแรงผลักดันแนวคิด Circular Economy ที่ใช้ในการทำงานจนถึงวันนี้ และพิสูจน์ได้ว่าธุรกิจที่มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยลดปริมาณของเสียให้น้อยที่สุด และทำให้วัสดุสามารถกลับมาใช้ใหม่สามารถขับเคลื่อนกลไกเศรษฐกิจในระบบได้จริง จากการมองเห็น ‘มูลค่าของขยะ’ ที่เกิดขึ้นทุกวันจากระบบธุรกิจ การอุปโภคและบริโภค

“งานของเราไม่ได้จบแค่การสร้างงานศิลปะเท่านั้น เรากำลังส่งเสียงไปถึงทุกคน ให้ได้เห็นปริมาณวัสดุเหลือใช้มากมายจากในชุมชนที่ถูกนำกลับมา upcycle โดยการนำวัสดุเหลือใช้หรือขยะมาดัดแปลงให้กลายเป็น ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมูลค่าสูงขึ้น โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์และไอเดียใหม่ ๆ โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการแปรรูปทางอุตสาหกรรมที่ซับซ้อน เช่น นำขวดน้ำเก่ามาทำเป็นกระถางต้นไม้”

ขยะ 12,800 กก. กลายเป็นงานศิลปะลดคาร์บอน สร้างรายได้ 6.5 ล้านบาท สู่ 7 ชุมชน พิสูจน์ ศิลปะเปลี่ยนโลกได้จริง

“ในเชิงปฏิบัติ การลงมือทำของเราสามารถแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมได้จริง และยังดึงผู้คน คอมมูนิตี้มากมายที่อินกับเรื่องนี้เหมือนกัน มาช่วยกันทำจนสเกลงาน และอิมแพคที่ได้มันค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ​ ไม่ว่าจะเป็น Wire Puller มือพลาสติกยักษ์ที่สร้างจากขยะพลาสติกของแบรนด์ดังที่เก็บมาได้ หรือการคอแลปกับลัคชูรีแบรนด์สร้างโซฟาจากเศษผ้า ผลงานชิ้นต่าง ๆ ทำให้หลายองค์กรสามารถมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนให้เกิดขึ้นได้จริง”

ถึงวันนี้งาน Wishulada ได้รีไซเคิลขยะไปแล้วกว่า 12,800 กิโลกรัม ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ มากกว่า 70,875 กก. คาร์บอนไดออกไซต์เทียบเท่า สร้างรายได้กว่า 6.5 ล้านบาท (ในช่วงปี 2019 – 2024) กระจายสู่ 7 ชุมชนท้องถิ่นที่ทำงานร่วมกัน พิสูจน์ ‘Real Impact, Real Change’

ขับเคลื่อนสังคมด้วยขยะ – ศิลปะที่เป็นจริงได้ในโลกทุนนิยม

“เอ๋เรียนจบจากคณะศิลปกรรม ก็อยากจะใช้งานศิลปะ ความเป็นอาร์ต ความเป็นคราฟท์มาสร้างการเปลี่ยนแปลงในมิติของสังคม ชุมชน จากที่ทำหนึ่งคน ก็ค่อยๆ มีทีมเพิ่มเข้ามา ตอนนี้เราจดเป็น social enterprise ดำเนินกิจกรรมไปพร้อมกับจัดเก็บข้อมูลต่างๆ เช่น จำนวน carbon footprint ที่ลดลงและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากกิจกรรม, อัตราการจ้างงานชุมชน ฯลฯ ส่งรายงานตามรูปแบบบริษัทที่ไม่ปันผลกำไร 100%”

สิ่งที่ถูกนิยามว่า ขยะ กว่า 40 ประเภทต่างเคยผ่านมือทีมงานวิชชุลดามาแล้ว มีทั้งที่อยู่ในรูปแบบ pre-consumer waste หรือวัสดุเหลือใช้จากการผลิต และ post-consumer waste วัสดุที่เหลือจากการใช้งานแล้ว โดยวัสดุทุกประเภทจะถูกนำไปใช้โดยคงสภาพเดิมไว้ให้มากที่สุด ไม่ผ่านการย้อมสีหรือพ่นอะไรลงไปในวัสดุ

เมื่อจบงานก็จะสามารถถอดแยกส่วนและนำวัสดุเหล่านั้นมาหมุนเวียนใช้ซ้ำอีกหลายๆ ครั้ง (upcycle) จนสุดกระบวนการ หากวัสดุหมดความสวยงามไปแล้ว ก็จะนำไป recycle นำวัสดุมาหลอมให้กลายเป็นสิ่งใหม่ เช่น ขวด ฝา ฯลฯ ซึ่งได้รับความยินยอมและเซ็นสัญญาตกลงกับทางแบรนด์ให้สามารถรื้อถอนไปได้ งานเราก็จะอยู่ในระบบ circular economy หมุนเวียนไม่รู้จบ

“อย่างชิ้นงาน installation art ที่ทำจากขวดพลาสติก ใช้กรรไกรตัดให้กลายเป็นดอกไม้เล็กๆ นำเอามาประกอบเป็นหุ่นโดยใช้ลวดยึดทำให้ติดกันเพื่อความคงทนและปลอดภัย ไม่ได้ใช้กาวใดๆ เพราะจะกระทบกับวัสดุเมื่อนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล”

แต่ก็มีบางชิ้นที่ติดตั้งไว้เป็นระยะเวลาหลายปี หนึ่งในผลงานที่เธอภูมิใจนำเสนอคือซีรีส์ “Sustainable Map” แผนที่จากฝาขวดพลาสติกซึ่งเก็บจากแต่ละย่านในกรุงเทพฯ มาเรียงต่อกันเป็นแผนที่ที่สวยงามเหมือนมองลงมาจากท้องฟ้า และต่อยอดให้เป็นแผนที่ที่ใช้งานได้มากขึ้นโดยการติด QR Code ไว้บนแผนที่เพื่อให้ผู้คนสามารถสแกนและเดินทางไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหารท้องถิ่น หรือโรงแรมในย่านนั้นๆ ได้ เป็นการผสานงานศิลปะเข้ากับมิติทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมได้อย่างลงตัว

วิชชุลดาร่วมเดินทางไปพร้อมกับแบรนด์ที่ต้องการเติบโตอยู่ในสังคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดย 90% เป็นลูกค้าต่างชาติ ที่มาพร้อมโจทย์และวัสดุเหลือใช้จากแบรนด์ ก่อนจะนำมาคิดต่อว่าจะทำออกมารูปแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะหรืองานออกแบบดีไซน์ต่างๆ ทำให้มีลายเซ็นของวิชชุลดาและยังสามารถวัดผลสำเร็จได้จริง

ศิลปะที่คิดตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และผลลัพท์ที่วัดผลได้

“เราพยายามทำให้เห็นว่างานศิลปะถูกแทรกอยู่ในทุกมิติ พ่วงด้วยประเด็นสิ่งแวดล้อม เพราะฉะนั้นเราสามารถเข้าได้กับทุกแบรนด์ พิสูจน์ให้เห็นว่าศิลปะมีส่วนช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมได้ และศิลปินสามารถเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ”

คุณเอ๋ให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ในทุกโปรเจกต์ มีการชั่งน้ำหนักและคำนวณว่าในแต่ละชิ้นงานใช้ขยะประเภทใดไปบ้าง จำนวนเท่าไหร่ และใช้คนทำงานไปทั้งหมดกี่คน ก็จะมีสูตรในการคำนวณต่างๆ เพื่อแสดงให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมว่างานของเธอไม่ได้สร้างขยะเพิ่ม แต่กลับช่วยลดขยะ และสร้างมูลค่ากลับคืนสู่สังคม

อีกหนึ่งความท้าทาย คือการถ่ายทอดแนวคิด Circular Economy สร้างความเชื่อมั่นให้กับคนในชุมชนว่าพวกเขาสามารถทำรายได้จากงานที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม และสามารถทำงานร่วมกันกับศิลปินได้ถึงแม้ว่าจะไม่เคยอยู่ในแวดวงศิลปะมาก่อนก็ตาม พร้อมเปิดโอกาสให้ช่วยออกแบบและต่อยอดไอเดียร่วมกับวิชชุลดา นับเป็นการแลกเปลี่ยนและเชื่อมั่นในความคิดสร้างสรรค์ของกันและกัน

ความสำเร็จของวิชชุลดาเกิดจากการทำงานกับชุมชนบนพื้นฐานของความสมัครใจ และการสร้าง ‘งานที่เป็นอาชีพ’ ให้กับพวกเขา อย่างผลงานโซฟาที่ทำจากริมผ้าใช้แล้ว นำมาถักทอใหม่ก็เป็นฝีมือชาวบ้านในสมุทรสาคร ซึ่งนอกจากจะเป็นงานศิลปะที่ช่วยโลกแล้ว ยังเป็นรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับพวกเขาได้ทุกเดือน ทั้งนี้ ชุมชนแต่ละแห่งมีหน่วยตรวจสอบคุณภาพ (QC) ประจำอยู่แล้ว เพื่อรักษามาตรฐานของวิชชุลดา ปัจจุบันวิชชุลดาทำงานร่วมกับชุมชนในสมุทรสาคร ชัยนาท สุรินทร์ นครปฐม และกำลังจะขยายไปที่ชุมชนสระแก้วรวมถึงจังหวัดอื่นๆ อีกมากมาย

ถึงเวลางานศิลปะเพื่อสิ่งแวดล้อมต้องเป็นที่รู้จัก และโตต่อบนโลกโซเชียล

พลังของวิดีโอคอนเทนต์บน TikTok คือคำตอบสำหรับปี 2025 และต่อๆ ไป ด้วยผู้ใช้ที่มากถึง 1 พันล้านคนทั่วโลก และแฮชแท็กที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมเช่น #Sustainability ที่มีมากกว่าเจ็ดแสนครั้ง และ #ClimateChange ที่มียอดวิวถึง 7.8 พันล้านครั้ง ในปี 2024 ระบบอัลกอริทึมที่นำเรื่องราวไปยังผู้ชมหลากหลายช่วงวัย จนเรื่องสิ่งแวดล้อมกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้ชมโดยไม่รู้ตัว

“TikTok คือแพลตฟอร์มที่มากกว่าความสนุก ยังเป็นอีกช่องทางในการสื่อสารประเด็นเชิงสังคม และสิ่งแวดล้อมได้ดี เป็นอะไรที่เราอยากลอง explore กับกลุ่มผู้ชมที่กว้างขึ้น จากการที่ได้ลองทำคลิปวิดีโอสั้น คอนเทนต์เข้าถึงกลุ่มคนดูใหม่ๆ เช่น Gen Z มากขึ้น เมื่อก่อนเราจะมุ่งเน้นไปที่ B2B 90% ตอนนี้ก็เริ่มสนใจ B2C ด้วย เราก็มองว่า เป็นอีกพาร์ทนึงที่ทําให้คนรู้จัก แล้วก็เข้าใจวิชชุลดามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวเบื้องหลังการทำงาน และโปรดักส์ที่เรา on shelf ใน TikTok Shop ทำให้ทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว”

ถอดสมการตลาดวิชชุลดา: ลุย TikTok ยังไงให้ยังมีลายเซนต์วิชชุลดา?

กดสูตร Customer value-driven impact การตลาดที่เทิร์นการบริโภคเป็นพลังขับเคลื่อนสังคม

แม้ว่า TikTok จะเป็นแหล่งรวมเทรนด์และความบันเทิง แต่ผู้ชมในปี 2025 ลึกซึ้งและมองหาอะไรที่มากกว่านั้น แพลตฟอร์มที่ส่ง value content ไปถึงผู้ชมมากขึ้น และยังคงมีความเป็นตัวตนอยู่ในนั้น ตรงกับสูตร “คอนเทนต์” กับ “ผลิตภัณฑ์” ของวิชชุลดา

ในเชิงคอนเทนต์ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายจะเห็นเบื้องหลังการทำงาน วงการ upcycling และลูกค้าเห็นชัดเจนว่าจะได้อะไร จากวิชชุลดา’ และ ‘ให้อะไร กับสังคม’

ในเชิงผลิตภัณฑ์ ทุกสินค้าจากแบรนด์จะมีเพียงชิ้นเดียวบนโลก และมี identity ของมัน ทำให้สินค้ามีเสน่ห์ในตัวเอง รวมถึงการช่วยโลกให้น่าอยู่ขึ้นก็ทำให้สินค้าเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค

เทคนิคเปลี่ยน vision เป็น action : เปลี่ยนผู้ชมเป็น ‘ลูกค้า’ ที่ต้องการสร้างโลกที่ดีกว่า

เปลี่ยนจาก ‘ผู้ตามกระแส’ เป็น ‘ผู้สร้างคุณค่า’

ไม่ตามเทรนด์แบบผิวเผิน เพราะคลิปที่จะปังและสร้าง value ให้แบรนด์ได้จะต้องมีความเป็นตัวเองด้วยอย่างชัดเจน การที่เรากำลังนำเสนอคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์ ให้แรงบันดาลใจ หรือความรู้เฉพาะทางอย่างสม่ำเสมอ จะถูกยกสถานะให้เป็น ‘Content of Value’ ซึ่งหมายถึงการเข้าถึงผู้ชมได้มากขึ้นหลายเท่าตัว

สิ่งที่ ‘เชี่ยวชาญ’ คืออาวุธลับบนแพลตฟอร์ม

ศิลปะจากขยะ’ และ ‘เศรษฐกิจหมุนเวียน’ คือความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวที่จะทำให้วิชชุลดาแตกต่างและโดดเด่นกว่าใคร คุณเอ๋เลือกที่จะไม่โชว์เฉพาะงานที่เสร็จแล้ว แต่เลือกโชว์ วิธีการเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นงานศิลปะ โชว์ผลลัพธ์การลดขยะที่จับต้องได้ และการทำงานกับชุมชนในรูปแบบวิดีโอสั้น ขณะเดียวกันก็ทำให้เป็นเรื่องใกล้ตัว กระตุ้นผู้ชมเพื่อให้รู้สึกอยากเข้ามามีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงนี้

TikTok Shop มากกว่าแพลตฟอร์มการขาย สู่การเป็น Networking Platform แห่งโอกาสที่ทำให้แบรนด์รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเรา สู่การสร้างรายได้ที่ยั่งยืน

นอกเหนือจากการนำเสนอผลงานศิลปะเพื่อสิ่งแวดล้อม คุณเอ๋ยังสร้างสรรค์วิดีโอคอนเทนต์หลากหลายมิติเพื่อให้ผู้ชมเข้าใจบทบาทการขับเคลื่อน Social Enterprise ที่ใช้กลไกการตลาดเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก (Value-Driven Marketing) โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาสังคม มากกว่าการมุ่งเน้นผลกำไรสูงสุดเพียงอย่างเดียว และค่อยๆ เปลี่ยนผู้ชมให้กลายเป็นผู้บริโภคที่มีจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น

“เอ๋สร้างคลิปสั้นเล่าเรื่องราวของเราผ่านทุกขั้นตอนการสร้างสรรค์ผลงาน เมื่อลูกค้าเข้ามาดูและได้รู้ที่มาที่ไป เข้าใจคอนเซปต์การทำงาน และเห็นผลลัพธ์ที่วัดได้อย่างชัดเจน พวกเขาจึงเกิดความเชื่อมั่นในแนวทางการช่วยโลกผ่านงานศิลปะมากขึ้น ส่งผลให้วิชชุลดาได้รับโอกาสในการทำงานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นงานนิทรรศการ งาน product design หรืองาน art installation ทุกผลงานล้วนส่งต่อพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น”

TikTok Shop เสริมพลังแบรนด์ไทยสู่เวทีโลก ผ่านแคมเปญ ASEAN SOAR

วิชชุลดาคว้าตำแหน่งในท็อปลิสต์ของ ASEAN SOAR (South East Asia Opportunity And Reach) แคมเปญระดับภูมิภาคที่ TikTok Shop จัดขึ้นเพื่อยกย่องแบรนด์ที่สร้างแรงบันดาลใจและพิสูจน์ศักยภาพในการเติบโตสู่ตลาดโลกผ่านอีคอมเมิร์ซ โดยมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน และเปลี่ยนความภาคภูมิใจในผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นให้เป็นโอกาสทางธุรกิจระหว่างประเทศ

ในฐานะตัวแทนประเทศไทย วิชชุลดาโดดเด่นด้วย หัวใจ ของการ ‘สร้างสรรค์’ และ ‘ให้คืนสังคม’  บนแพลตฟอร์ม TikTok Shop และยังพิสูจน์ให้เห็นว่าธุรกิจท้องถิ่นไทยสามารถขยายฐานลูกค้าไปทั่วโลกได้จริงผ่านพลังของอีคอมเมิร์ซ และการเข้าถึงจากผู้บริโภคทั่วทุกมุมโลก

TikTok Shop ไม่เพียงช่วยเสริมสร้างตำแหน่งของวิชชุลดาในฐานะแบรนด์เพื่อสังคมเท่านั้น แต่ยังมีส่วนยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางแห่งนวัตกรรมและการประกอบการที่ยั่งยืนในอาเซียน ความสำเร็จของวิชชุลดาเป็นต้นแบบที่แสดงให้เห็นว่า ศิลปะเพื่อสิ่งแวดล้อมและโซลูชัน on-app อีคอมเมิร์ซบน TikTok สามารถผสานกันเพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน ทั้งในด้านรายได้และความรับผิดชอบต่อสังคมโลก