Top StoriesTrending

CIMB Thai ขับเคลื่อน ‘Sustainability360’ ตั้งเป้า ‘One Stop Solutions’ ช่วยลูกค้าเปลี่ยนผ่านสู่ Net Zero เฟสแรกโฟกัส 3 กลุ่ม High Emission เจาะดีมานด์ 3 หมื่นล้าน

CIMB Thai พัฒนาบริการ 'Sustainability360' ​เพื่อเป็นที่ปรึกษาให้ภาคธุรกิจในการขับเคลื่อน Net Zero Pathways แบบ One Stop Solutions ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตามแนวทาง Sustainable Financing  

ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMB Thai) วิเคราะห์การเปลี่ยนผ่านสู่ Net Zero 2050 ของประเทศไทย ยังมีความท้าทายในระดับสูง โดยเฉพาะหากพิจารณาภาพรวมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG Emisisons) ของประเทศไทย ยังมีทิศทางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น หากต้องการให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ การช่วยภาคธุรกิจในการเปลี่ยนผ่านด้าน Decarbonization จึงมีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่ม High Emissions หรือกลุ่มที่มีการปล่อยก๊ซเรือนกระจกในระดับสูง เพราะหากเปลี่ยนผ่านกลุ่มเหล่านี้ได้สำเร็จจะมีผลในการช่วยลดก๊าซเรือนกระจก (GHG) ​ในภาพรวมของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

CIMB Thai จึงต้องการเข้ามาเป็นหนึ่งทางเลือกเพื่อช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้วยการพัฒนา ‘Sustainability360’ ซึ่งเป็นบริการใหม่​ที่พัฒนาขึ้น​​เพื่อเป็นที่ปรึกษาให้ภาคธุรกิจในการขับเคลื่อน Net Zero Pathways ได้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตามแนวทาง Sustainable Finance

คุณเจสัน ลี ผู้บริหารฝ่ายความยั่งยืน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ( CIMB Thai) กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ปัญหาในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านของภาคธุรกิจไทย มาจาก 2 Pain point สำคัญ ได้แก่ เรื่องของเงินทุน (Capital) และเทคโนโลยี (Technology) ในการเปลี่ยนผ่าน รวมไปถึงการวิเคราะห์และจัดทำแผนการเปลี่ยนผ่านเชิงเทคนิคและการปฏิบัติตามหลัก Taxonomy ​นำมาสู่การพัฒนา​ Sustainability360 ที่มุ่งอำนวยความสะดวกให้ภาคธุรกิจในการระดมทุนและการขอสินเชื่อสีเขียวจากสถาบันการเงิน ภายใต้การให้บริการแบบ One Stop ทั้งการให้คำปรึกษาเชิงเทคนิค การวางกรอบหรือแนวทางในการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อเข้าถึงเงินทุน รวมทั้งเทคโนโลยีในการเปลี่ยนผ่านสู่ Net Zero ไปจนถึงการประเมินปัจจัยต่างๆ ที่ต้องคำนึงถึงในการดำเนินกิจกรรม​หรือ Green Projects ต่างๆ ว่าส่งผลกระทบเชิงลบต่อปัจจัยแวดล้อมในมิติอื่นๆ หรือไม่ รวมทั้งการ​ปฏิบัติตามกฎหมายหรือข้อกำหนดด้านความยั่งยืนทั้งในระดับประเทศ และภูมิภาคต่างๆ ​เพื่อให้ธุรกิจสามารถขับเคลื่อนได้ทั้ง Green Transition โดยที่ยัง​รักษาความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจไว้ได้ด้วย 

“การเพิ่มบริการ Sustainability360 ของ CIMB Thai สามารถตอบโจทย์การสนับสนุนลูกค้าในการจัดทำเอกสารทางเทคนิคสำหรับรูปแบบการออกตราสารหนี้และการขอสินเชื่อ โดยเอกสารดังกล่าวผ่านการรับรองความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญอิสระ (Second Party Opinion: SPO) ที่สอดคล้องกับมาตรฐานและแนวปฏิบัติทั้งในระดับประเทศและระดับสากล รวมทั้งสอดคล้อง​​กับแนวทาง Taxonomy และสนับสนุนโอกาสด้านพลังงานสะอาดจากแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) อย่างใกล้ชิด พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero ตามที่ธนาคารกำหนด เพื่อร่วมขับเคลื่อนภาคธุรกิจไทยสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน บริการ Sustainability360 จึงช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าครบจบในที่เดียวเป็น One Stop Service ในโซลูชันเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน”

ทั้งนี้ CIMB Thai โฟกัสเป้าหมายในเฟสแรกของการให้บริการใน 3 อุตสาหกรรมสำคัญ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจผลิตไฟฟ้า, น้ำมันและก๊าซ รวมทั้งการผลิตปูนซีเมนต์ เ​นื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่มีการปล่อยคาร์บอนสูง (High Emission) และเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องการเงินทุนสนับสนุนในการปรับโครงสร้างการผลิต ไปจนถึงการพัฒนาเทคโนโลยีระดับสูงเพื่อมาใช้ในการลดคาร์บอน ​เช่น เทคโนโลยีดูดกลับคาร์บอน หรือพลังงานสะอาดต่างๆ โดยมองดีมานด์ด้าน​ Green Finance ของอุตสาหกรรมในกลุ่มเป้าหมายนี้เพื่อลดคาร์บอนและเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจ Low Carbon ​จนถึงปี 2026 อยู่ที่ประมาณ​​ 20,000 ล้านบาท ​​ซึ่ง​​​ปัจจุบันกลุ่มลูกค้ามีการระดมทุนผ่านตราสารหนี้และสินเชื่อแล้วราว 50% และคาดว่าดีมานด์จากกลุ่มเป้าหมายจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า​​ 30,000 ล้านบาท  ภายในปี 2030

“ธนาคารฯ มีแผนเพิ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อช่วยการเปลี่ยนผ่านในปีหน้าเพิ่มอีก 1 กลุ่ม ​โดยยังโฟกัสในกลุ่มที่เป็น High Emissions และมีซัพพลายเชนที่ค่อนข้างยาว​ โดยจุดแข็งและความแตกต่างของ CIMB คือความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือเชิงเทคนิค ที่ค่อนข้างมีความซับซ้อนและต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะ ทั้งความเข้าใจด้าน Decarbonization ทั้งในมิตของเทคโนโลยี รวมทั้งการใช้กระบวนการตามธรรมชาติ หรือ Nature-based Solutions การเข้าใจข้อกฎหมายและเงื่อนไขทางการค้าในแต่ละตลาดเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งการทำงานร่วมกับนักบัญชีคาร์บอนทำให้สามารถประเมินปริมาณการปล่อยคาร์บอนฟุตพรินท์ รวมทั้งการรับรองโครงการว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ภายในจุดเดียว ​​พร้อมให้คำแนะนำด้านการเงินเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์การเงินยั่งยืน เพื่อเพิ่มการเข้าถึงแหล่งทุนที่หลากหลาย และเพิ่มประสิทธิภาพในการเปลี่ยนผ่านได้มากยิ่งขึ้น”

คุณเจสัน กล่าวต่อว่า สำหรับการขับเคลื่อน​ Sustainable Finance ของ CIMB Thai ปัจจุบันสามารถขับเคลื่อนได้ราว 4% ของพอร์ตโฟลิโอ จากการสนับสนุนทางการเงินเพื่อช่วยทั้งการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้ง​ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมในมิติต่างๆ ​​เพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนตามกรอบ ESG​  พร้อมตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนเป็น 20%​ ของพอร์ตโฟลิโอ ภายในปี 2030  โดย​​เน้นการทำงานร่วมกับกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในมิติการลดก๊าซเรือนกระจก เนื่องจากสามารถช่วยสร้างให้เกิดอิมแพ็คได้ในการเปลี่ยนผ่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสามารถลดปริมาณคาร์บอนฟุตพรินท์ระดับประเทศได้ ทำให้การขับเคลื่อน Sustainability360 ไม่เพียงช่วยลูกค้าธนาคารเปลี่ยนผ่านได้เท่านั้น แต่ยังช่วยการขับเคลื่อนเป้าหมาย Net Zero 2050 ของประเทศไทย ให้สามารถบรรลุเป้าหมายได้​อย่างมีนัยสำคัญ