4 คุณภาพชีวิตดีที่นักเรียนยังต้องการ @ รร.ห่างไกล

อินทัชเผย มีด้านปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในโรงเรียน พัฒนาทักษะความรู้และเทคโนโลยีที่เหมาะสมต่อการเรียนรู้ของเด็ก ส่งเสริมสุขอนามัย และฝึกทักษะอาชีพให้แก่นักเรียน โรงเรียนหนุนนโยบายรัฐปีที่ 2

หนึ่งใน CSR ของ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) คือการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้นักเรียน และการมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งสนับสนุนนโยบายรัฐด้านการศึกษา “โครงการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของนักเรียนในโรงเรียนที่ด้อยโอกาส” ในครั้งนี้นับเป็นปีที่ 2 ที่จังหวัดเลย โดยเป็นการทำงานของอินทัชและบริษัทในเครือ ซึ่งในปี 2560 สนับสนุนโรงเรียน 19 แห่ง

เอนก พนาอภิชน รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และชลาลักษณ์ บุนนาค ประธานคณะกรรมการความรับผิดชอบต่อสังคมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ได้อธิบายถึงการที่อินทัชเข้าร่วมมือในโครงการนี้ โดยทางภาครัฐจะมีโรงเรียนมาให้เลือกในการเข้าไปทำงาน

ในปีนี้เลือกจังหวัดเลย มีโรงเรียนบ้านวังกกเดื่อ อำเภอวังสะพุง โรงเรียนบ้านวังเลาหัวฝาย อำเภอเอราวัณ และโรงเรียนบ้านสวนปอ อำเภอภูหลวง ซึ่งขาดแคลน 4 คุณภาพชีวิตที่ดีเพื่อให้นักเรียน ครูในโรงเรียนมีอุปกรณ์การเรียนและสื่อการเรียนการสอนที่ดี สามารถนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ได้เหมาะสมกับวัย รวมถึงสนับสนุนการพัฒนาสภาพแวดล้อมในโรงเรียนให้สะอาด น่าอยู่ น่าเรียนมากขึ้น เพื่อให้นักเรียนและบุคลากรในโรงเรียนมีสุขอนามัยที่ดี เรียนรู้อย่างมีความสุข

“อินทัช และบริษัทในเครือสนับสนุนนโยบายของภาครัฐที่มุ่งเน้นปฏิรูประบบการศึกษา เพื่อให้นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลมีโอกาสทางการศึกษาอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพจึงเข้าร่วมโครงการฯเป็นปีที่ 2 หลังจากที่ทีมงานลงพื้นที่ร่วมประชุมกับโรงเรียนและชุมชนแล้ว จึงทราบปัญหาความต้องการของแต่ละโรงเรียนซึ่งค่อนข้างใกล้เคียงกัน ส่วนใหญ่เป็นความจำเป็นพื้นฐานที่ยังขาดอยู่ โดยอินทัช จะเป็นแกนหลักในการสนับสนุนและประสานงานร่วมกับโรงเรียนและชุมชน”

อินทัชและบริษัทในเครือมีความเห็นร่วมกันในการให้ความช่วยเหลือทั้ง 3 โรงเรียนจึงจัดสรรงบประมาณรวมทั้งสิ้นกว่า 3,300,000 บาท เพื่อปรับปรุงและพัฒนา 4 ด้าน คือ
1)ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในโรงเรียน
2)พัฒนาทักษะความรู้และเทคโนโลยีที่เหมาะสมต่อการเรียนรู้ของเด็ก
3)ส่งเสริมสุขอนามัย
4)ฝึกทักษะอาชีพให้แก่นักเรียน
พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ประธานในงานร่วมชมส่วนที่ปรับปรุงต่างๆ ของโรงเรียน กับ เอนก พนาอภิชน และชลาลักษณ์ บุนนาค
-การปรับปรุงอาคารเรียน อุปกรณ์การเรียนการสอน ระบบกรองน้ำดื่มเช็คระบบด้วย IoT

จากการสำรวจโรงเรียนบ้านวังกกเดื่อ อ.วังสะพุง พบว่าอาคารเรียนทั้งระดับประถมและมัธยมศึกษามีสภาพชำรุด ทรุดโทรมหลังคารั่ว มีน้ำซึมเข้ามาเป็นอุปสรรคต่อการเรียน ทั้งยังขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนการสอน จึงสนับสนุนการปรับปรุงอาคารเรียน ห้องน้ำ มอบโต๊ะเก้าอี้สำหรับนักเรียน สื่อการเรียนการสอน และคอมพิวเตอร์

นอกจากนี้ ยังพบว่าน้ำดื่มในโรงเรียนมีหินปูนไม่สามารถบริโภคได้ จึงติดตั้งระบบกรองน้ำดื่มด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ที่ช่วยประหยัดค่าไฟและเป็นพลังงานสะอาดที่ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมติดตั้งระบบ Internet of Things (IoT) เพื่อตรวจสอบปริมาณการผลิตน้ำและการใช้น้ำผ่านทางออนไลน์ โดยสามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์ความต้องการในการใช้น้ำของโรงเรียนและนำไปออกแบบระบบผลิตน้ำให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้งานทำให้ไม่สิ้นเปลืองพลังงานในการผลิต นับเป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการ และวางแผนการใช้น้ำได้เป็นอย่างดี

-ร้านคาร์แคร์ฝึกอาชีพเพื่อสร้างรายได้เสริม

จัดทำโครงการร้านคาร์แคร์ เพื่อช่วยฝึกทักษะอาชีพในชั่วโมงกิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ โดยมีวิทยากรในท้องถิ่นมาให้ความรู้ด้านงานบริการล้าง อัด ฉีด เบื้องต้นนักเรียน 12 คนที่เข้าร่วมโครงการสามารถมีทักษะอาชีพเพิ่มเติม และสร้างรายได้ในอนาคต ซึ่งนักเรียนที่ฝึกฝนอาชีพส่วนนี้เล่าว่า “ถือได้ว่าเป็นการฝึกอาชีพติดตัวสำหรับตัวเอง”

ทั้งนี้ ทางโรงเรียนมีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนชุมชนใกล้เคียงนำรถมาใช้บริการผ่านทางเว็บไซต์ และเฟซบุ๊คของโรงเรียนอีกด้วย

-สร้างถนนคอนกรีตในโรงเรียน ช่วยลดปัญหาโรคระบบทางเดินหายใจของนักเรียน

ถนนภายในโรงเรียนบ้านวังเลาหัวฝาย อ.เอราวัณ เป็นถนนดินเมื่อถึงฤดูร้อนจะมีฝุ่นละอองจำนวนมากก่อให้เกิดมลภาวะที่ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจของนักเรียนและครู พอถึงฤดูฝนพื้นถนนจะเป็นโคลน สัญจรลำบาก การจัดสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กระยะทาง 383 เมตร จึงเป็นสิ่งจำเป็นและตรงกับความต้องการของทั้งครู นักเรียน รวมถึงชาวชุมชนเป็นอย่างยิ่ง หลังจากการก่อสร้างแล้วเสร็จพบว่าช่วยลดปัญหามลภาวะ นักเรียนและครูมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นสามารถเดินทางไปกลับโรงเรียนได้อย่างสะดวกปลอดภัย

เด็กหญิงสุนิสา ชินตู้ นักเรียนโรงเรียนบ้านวังเลาหัวฝาย กล่าวว่า “เห็นโรงเรียนอื่นมีถนนคอนกรีตก็อยากมีบ้าง เพราะเวลาฝนตกมาถนนเปียก รองเท้าก็เปียกแฉะ ไม่อยากจะเดิน พอถนนแห้งฝุ่นก็เยอะ ทำเวร กวาดพื้นก็ลำบาก พอมีถนนคอนกรีตดีใจมาก เพราะน้องๆ ได้มาใช้ มาเดินเล่น ไม่ต้องเลอะ มีความสุขมาก”

-สนับสนุนสื่อการเรียนการสอนตามแนวคิดมอนเตสซอรี่ และปรับปรุงสนามเด็กเล่น

คุณครูนงนาฏ เพ็ชรล้ำ ครูโรงเรียนบ้านสวนปอ อ.ภูหลวง เปิดเผยความรู้สึกว่า “เด็กๆ ในช่วงปฐมวัย เป็นวัยเริ่มต้นของชีวิตและพัฒนาการทุกด้าน การส่งเสริมศักยภาพของเด็กในวัยนี้จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง พออินทัชเข้ามาช่วย เราได้สื่อที่พร้อม ตามแนวคิดมอนเตสซอรี่ที่คำนึงถึงความคิดของเด็กเป็นสำคัญนักเรียนของเราสามารถเรียนรู้ได้เท่าๆ กับเด็กในเมือง ส่วนสนามเด็กเล่นที่ได้มาช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย เด็กๆ ได้ออกกำลังกาย ผ่อนคลาย ได้เล่นกับเพื่อน ร่าเริงแจ่มใส รู้จักช่วยเหลือกัน ทำให้เค้ามีความสุข”

พร้อมกันนี้ บริษัทในกลุ่มอินทัช ประกอบด้วยบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) และบริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมสนับสนุนสื่อการเรียนที่นำเทคโนโลยีมาใช้ ซึ่งจะช่วยเปิดโลกทัศน์การเรียนรู้ของนักเรียนเพิ่มเติม โดยเอไอเอส มอบชุดอุปกรณ์สานรัก สานความรู้พร้อมโทรทัศน์ 3 ชุด คอมพิวเตอร์ 30 เครื่อง และถังสำรองน้ำพร้อมฐาน 6 ถัง ไทยคม มอบชุดรับสัญญาณดาวเทียมพร้อมเครื่องรับโทรทัศน์ หนังสือและชั้นวาง และปรับปรุงสหกรณ์โรงเรียนบ้านวังกกเดื่อ ส่วนซีเอส ล็อกซอินโฟ จัดมุมสื่อนวัตกรรม(ซีดีชุดความรู้)สร้างสรรค์การเรียนรู้ในห้องสมุด เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างสนุกและเพลิดเพลินมากขึ้น

เพราะการศึกษาเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาเยาวชน โรงเรียนเป็นสถานศึกษาที่บ่มเพาะให้เขาเหล่านั้นเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพเป็นกำลังสำคัญของประเทศ

เอนกกล่าวในท้ายที่สุดว่า“การสนับสนุนสาธารณูปโภคพื้นฐานที่จำเป็นและมีความเหมาะสมกับวัยจะช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีแก่เด็กและเยาวชนให้มีความพร้อมและเติบโตเป็นอนาคตที่ดีของสังคมและประเทศต่อไป”

Stay Connected
Latest News