ตลาดหลักทรัพย์ฯ วางโรดแม็พ 3 ปี เดิน 4 กลยุทธ์ ทำตลาดทุนให้เป็นเรื่องง่าย พร้อมยกระดับมาตรฐาน หวังแข่งขันได้ เพื่อเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วางวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนตามโรดแม็พ 3 ปี (2566 – 2568) ​คือ  “To Make the Capital Market ‘Work’ for Everyone” ซึ่งหมายถึง การทำให้ตลาดทุนเป็นพื้นที่สำหรับโอกาสและสร้างประโยชน์ให้แก่ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบธุรกิจและนักลงทุน ความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมตลาดทุนของไทยที่ต้องแข่งขันกับนานาชาติ  รวมทั้งสังคม และประเทศชาติ

นับเป็นการมองภาพที่กว้างและลึกมากขึ้นกว่าแค่การตอบโจทย์ให้เพียงธุรกิจและผู้ลงทุน แต่มองอย่างรอบด้านและครอบคลุมทั้ง Ecosystem ของอุตสาหกรรมตลาดทุนตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงปลายน้ำ ​และนำมาสู่การวางกลยุทธ์ เพื่อการขับเคลื่อนอย่างสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ข้างต้น เพื่อใช้เป็นเข็มทิศของ SET ตลอด 3 ปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นในมิติที่เกี่ยวข้องกับการระดมทุนและการลงทุนเพื่อประโยชน์และโอกาสของธุรกิจและผู้ลงทุน การยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้อุตสาหกรรม รวมทั้งการขับเคลื่อนธุรกิจโดยคำนึงถึงความยั่งยืนเป็นแกนกลาง เพื่อสังคมและประเทศชาติ ​

4 กลยุทธ์ ขับเคลื่อนโรดแม็พ 3 ปี

สำหรับทั้ง​ 4 กลยุทธ์ ประกอบด้วย 1.ทำตลาดทุนให้เป็นเรื่องง่าย 2.ยกระดับมาตรฐานเพื่ออุตสาหกรรม 3.ร่วมสร้างโอกาสเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัด และ 4. ยึดหลักความยั่งยืนเป็นแกนขับเคลื่อนในการทำงาน ซึ่งเป็นเหมือนการกำหนดเป้าหมายย่อยๆ ในแต่ละมิติ พร้อมวาง Action Plan เพื่อให้เห็นกรอบในการขับเคลื่อนได้อย่างชัดเจนของแต่ละกลยุทธ์ ​ที่ช่วยทั้งเสริมความแข็งแกร่งของตลาดทุนไทย ลดความเสี่ยงจากปัจจัยที่ไม่แน่นอนรอบด้าน ที่ทั้งธุรกิจ อุตสาหกรรม นักลงทุนต้องเผชิญ รวมท้ังคำนึงถึงผลกระทบด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไปด้วย

คุณภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ​ทั้ง 4 กลยุทธ์ดังกล่าว จะมีส่วนในการสร้างโอกาสที่มากกว่าสำหรับผู้เกี่ยวข้องทุกกลุ่มได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นการขยายโอกาสการระดมทุน และการลงทุนสำหรับผู้ประกอบการและผู้ลงทุน การยกระดับโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมตลาดทุน ​รวมถึงการดูแลสังคม ควบคู่กับสิ่งแวดล้อมเพื่อการเติบโตที่สมดุล และยั่งยืนไปพร้อมกันทั้งธุรกิจ ตลาดทุน เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และประเทศชาติ โดยมิติในการขับเคลื่อนทั้ง  4 กลยุทธ์ ผ่านแนวทางต่อไปนี้

1. ทำตลาดทุนให้เป็นเรื่องง่าย (Make fundraising & investment simple)

เพิ่มโอกาสการระดมทุน  มุ่งส่งเสริมให้ธุรกิจทั้งเล็ก กลาง ใหญ่ เข้ามาใช้ประโยชน์จากตลาดทุนได้ง่ายขึ้นและมากขึ้น โดยเฉพาะการสนับสนุนอุตสาหกรรมใหม่ตั้งแต่กระบวนการให้ข้อมูลและเตรียมความพร้อมให้ธุรกิจที่มีศักยภาพ และจะมุ่งพัฒนาเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ ต่อยอดจาก LiVE Academy และ LiVE Platform เพื่อให้มีความพร้อมในการเข้าถึงแหล่งระดมทุนได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ จะพัฒนาศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลไทย (Thai Digital Assets Exchange: TDX) เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายโทเคนดิจิทัลทั้ง investment token และ utility token ในไตรมาส 3/2566

เพิ่มโอกาสการลงทุน มุ่งเพิ่มความหลากหลายด้วยผลิตภัณฑ์ที่ใช้เงินลงทุนไม่มากสำหรับผู้ลงทุนรายเล็ก รวมทั้งศึกษาการออกผลิตภัณฑ์ลงทุนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (environment-linked) และการขยายเวลาซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อเพิ่มความสะดวกในการลงทุน เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการเปิดบัญชีลงทุนเพื่อสร้างโอกาสการเข้าถึงตลาดทุนที่ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการพัฒนาแพลตฟอร์มของ Settrade เพื่อเป็น Capital Market Super App” ในการเชื่อมต่อโอกาสการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ยกระดับมาตรฐานเพื่ออุตสาหกรรม (Move industry & ecosystem with standard)  ผ่านการพัฒนาระบบซื้อขายใหม่ภายในไตรมาสแรกของปีนี้​ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบนิเวศการลงทุน และรองรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ๆ พร้อมยกระดับความปลอดภัยทางไซเบอร์ร่วมกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม รวมทั้งปรับปรุงกฎเกณฑ์การซื้อขายที่เกี่ยวข้องให้ทันสมัย และให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนไปและระบบซื้อขายใหม่

3. ร่วมสร้างโอกาสเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัด (Match partners for synergy) พัฒนาการเผยแพร่ข้อมูลผ่าน SMART Marketplace เพิ่มข้อมูลและฟังก์ชันที่ใช้ในการวิเคราะห์เพื่อตอบโจทย์การใช้งาน รวมทั้งต่อยอดงานวิจัยแบบ Thematic และ Issue-based เพื่อให้สามารถนำไปใช้ได้จริงในการพัฒนาตลาดทุนด้านต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น  ขณะเดียวกัน จะมีการรวบรวมข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) ของบริษัทจดทะเบียนมาไว้บน ESG Data Platform โดยเริ่มเผยแพร่ข้อมูลได้ในไตรมาส 2/2566 นอกจากนี้ จะพัฒนาการจัดทำ ESG Ratings เพื่อสนับสนุนการออกสินค้า ESG-Linked

4. ยึดหลักความยั่งยืนเป็นแกนขับเคลื่อนการทำงาน (Merge ESG with substance) ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้นำมิติทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธุรกิจ (ESG) ​​มาขับเคลื่อนกระบวนการดำเนินงานทั้งภายในและภายนอกองค์กร ผ่านการทำงานร่วมกับพันธมิตร เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกัน ตามแนวทางต่อไปนี้

ด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) พัฒนาบุคลากรด้าน ESG ในตลาดทุนและสถาบันการศึกษา รวมทั้งส่งเสริมให้มี ESG Champion ด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมผ่าน ESG Academy และพัฒนา Climate Care Platform ให้ครอบคลุมฟังก์ชันการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและการเชื่อมต่อพันธมิตร นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero รวมทั้งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านการใช้ Cloud และการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของ Data Center (Green Data Center)

ด้านสังคม (Social) ส่งเสริมความรู้ทางการเงินแก่วัยเกษียณและกลุ่มผู้มีรายได้น้อย จัดให้มีการวัดระดับความรู้ทางการเงินของคนไทยเพื่อพัฒนาเนื้อหาและช่องทางที่ตอบโจทย์ พร้อมทั้งเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการโดยจะมุ่งเน้นธุรกิจครอบครัว (Family Business) ผ่าน LiVE Platform และกระบวนการพัฒนาธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise: SE) รวมทั้งร่วมกับมหาวิทยาลัยและอาชีวศึกษาสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ขณะเดียวกัน จะมีการเตรียมความพร้อมและพัฒนาทักษะให้แก่บุคลากรของตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการขับเคลื่อนตลาดทุนสู่อนาคต

ด้านธรรมาภิบาลในการขับเคลื่อนธุรกิจ (Governance) เร่งปรับปรุงกฎเกณฑ์การกำกับดูแลให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน พัฒนาเครื่องมือการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพให้สามารถรองรับผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ รวมทั้งประสานการทำงานร่วมกับภาครัฐและหน่วยงานกำกับดูแล นอกจากนี้ จะขยายเครือข่ายความร่วมมือไปยังองค์กรต่าง ๆ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาตลาดทุนในระยะยาว ทั้งนี้ ด้านกระบวนการภายใน ดำเนินการเตรียมพร้อมยกระดับการบริหารความเสี่ยงองค์กร พร้อมนำเทคโนโลยีและข้อมูลเชิงวิเคราะห์มาพัฒนากระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่อง

“ภาคธุรกิจยังคงอยู่ทามกลางหลายปัจจัยเสี่ยง​ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ทั้งเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภค รวมทั้งความผันผวนของการเคลื่อนย้ายเงินทุน และความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของโลกจากภาวะเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ การขับเคลื่อนจากนี้ จึงต้องมองรอบด้านเพื่อให้ทุกภาคส่วนในระบบนิเวศของตลาดทุนไทยสามารถเติบโตไปพร้อมกันได้ ทั้งผู้ประกอบธุรกิจ อุตสาหกรรมตลาดทุน สังคม และประเทศ”

ยังแข็งแกร่งท่ามกลางปัจจัยเสี่ยง

ขณะที่การขับเคลื่อนแผนงานในปีที่ผ่านมา ได้มีการปูแนวทางเพื่อส่งต่อมาสู่ 4 กลยุทธ์ข้างต้น ทั้งการเชื่อมโยงโอกาสในการเข้าถึงการลงทุนจากทุกภาคส่วน การพัฒนานวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ รวมถึงการขับเคลื่อนองค์กรภายใต้แนวทางเพื่อความยั่งยืน เพื่อเพิ่มศักยภาพของตลาดทุนไทยและบุคลากรให้มีความแข็งแกร่งและสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล ​ ซึ่งสะท้อนผ่านผลงานที่ขับเคลื่อนในปีที่ผ่านมา ​ทั้งในเชิงความแข็งแกร่งของตลาด อาทิ ​มูลค่าหุ้น IPO ที่มีการเสนอขายสูงที่สุดในอาเซียน ด้วยมูลค่า 127,836 ล้านบาท และเป็นอันดับ 4 ในเอเชีย โดยมี 9 บริษัทจดทะเบียนอยู่ในอุตสาหกรรมที่เป็น New Economy ช่วยเสริมสร้างความหลากหลายและน่าสนใจให้กับตลาดทุน ขณะเดียวกัน​ ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีสภาพคล่องสูงสุดในอาเซียนต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2555 โดยในปี 2565 มีมูลค่าการซื้อขายหุ้นเฉลี่ย 76,773 ล้านบาทต่อวัน ​พร้อมทั้งการเพิ่มแพลตฟอร์มใหม่อย่าง LiVE Exchange (LiVEx) เพื่อเพิ่มโอกาสให้กลุ่มสตาร์ทอัพเข้ามาระดมทุนได้ ​ขณะที่ในปีนี้คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าหุ้น IPO เพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา รวมทั้งมีมาร์เก็ตแคปเพิ่มขึ้นเช่นกัน

 

นอกจากนี้ ยังได้วางแนวทางปรับปรุงกระบวนการและกลไกการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหลักทรัพย์ ทั้งการพิจารณาลูกค้า พัฒนาศูนย์ข้อมูลลูกค้า รวมถึงการรับหลักทรัพย์ กฎเกณฑ์การซื้อขาย ตรวจสอบข้อมูล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกลไกการดำเนินงานให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ควบคู่ไปกับการยกระดับนวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่น การพัฒนา e-Meeting ระบบการจัดประชุมผู้ถือหุ้นแบบ end-to-end เพื่อรองรับวิถีชีวิตใหม่ (New normal) เพื่อให้บริการแก่บริษัทจดทะเบียน การมีปพลตฟอร์ม​ SMART Marketplace เพิ่มข้อมูล ESG และข้อมูล บจ. และเปิดตัว ESG Data Platform ฐานข้อมูลด้าน ESG เชื่อมโยงความยั่งยืนจากบริษัทจดทะเบียน สู่ผู้ลงทุน และสังคม พร้อมด้วยการขับเคลื่อนกิจกรรมเพื่อส่งเสริมความยั่งยืนอื่นๆ ​เช่น เพิ่มความรู้ทางการเงินให้แก่คนไทย รวมทั้งกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ โดยปัจจุบัน ​มีบริษัทจดทะเบียนของไทย 26 ราย​  ที่อยู่ในดัชนี DJSI มากที่สุดในอาเซียนเป็นปีที่ 9  และมากกว่า 400 แห่ง ร่วมลดโลกร้อนผ่าน Climate Care Collaboration และนำเสนอโครงการ Care the Bear แก่นานาชาติในการประชุม APEC 2022 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ รวมทั้งอาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)

Stay Connected
Latest News

โลตัส ร่วมกับ ททท. จัดงาน “ฟู้ดติดดาว” ยกขบวนร้านมิชลินและสตรีทฟู้ดชื่อดังกว่า 25 ร้านค้า ที่สุดของประเทศไทย! เดินสายออกบูธในโลตัส 5 ภาค เติมเต็มการเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับอาหารและอาหารสดคุณภาพสูง