Top StoriesTrending

CRG วาง 4 กลยุทธ์ดันยอดโต 13% ชู Dilecious Lab เครื่องยนต์สร้าง WOW Factors พร้อมโอกาสเพิ่ม New S-Curve ให้ธุรกิจ

CRG เปิดตัว Delicious Lab ในฐานะหน่วยธุรกิจสำคัญที่จะเป็นพื้นฐานเพื่อสร้างการเติบโตให้ธุรกิจได้อย่างยั่งยืน และสะท้อนการให้ความสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ CRG ทุกมิติไม่ว่าจะเป็นในแง่ของคุณภาพ (Quality) ความคุ้มค่า  (Premium Affordable) และนวัตกรรม (Innovation) 

ซีอาร์จี ประกาศแผนยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนธุรกิจปี 2568 วาง 4 กลยุทธ์ มุ่งสู่เเป้าหมาย ‘เติบโต – ขับเคลื่อน – เสริมสร้าง – ยั่งยืน’ พร้อมเปิดตัว Delicious Lab ยกระดับหน่วย R&D นวัตกรรม สู่เครื่องยนต์สร้าง WoW Factors และเพิ่ม New S-Curve ให้​ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งอย่างยั่งยืน

คุณณัฐ วงศ์พานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (CRG) หรือซีอาร์จึ เปิดเผยทิศทางขับเคลื่อนธุรกิจในปี 2568 โดยทุกแบรนด์ในเครือเป็นพลังในการขับเคลื่อน โดยเฉพาะกลุ่ม Top Brands ที่สามารถสร้างยอดขายและกำไรให้ธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความท้าทายจากหลากหลายสถานการณ์ทั้งการแข่งขันในตลาด และภาวะเศรษฐกิจโลก รวมทั้งพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แต่ยังคงสามารถเติบโตได้ที่ 9% ด้วยยอดขาย 15,800 ล้านบาท จากจำนวนสาขารวมกว่า 1,300 แห่ง และสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้กว่า 2 แสนครั้งในแต่ละวัน  โดยมี 2 แบรนด์ใหม่เพิ่มเติมเข้ามาในพอร์ตโฟลิโอ ได้แก่  NAMA Japanese and Seafood Buffet และ Katsu Midori Sushi รวมทั้ง​การปรับโฉม Katsuya Flagship @ Central World เป็นต้น ที่ล้วนเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญช่วยเพิ่มการเติบโตให้ธุรกิจ

ฉายเทรนด์ธุรกิจอาหาร พร้อมวาง 4 กลยุทธ์ เติบโต

สำหรับ​ภาพรวมอุตสาหกรรมอาหารในประเทศไทยในปีนี้  จะถูกขับเคลื่อนผ่าน 8 เทรนด์สำคัญ คือ ​​

1. ภาพรวมตลาดธุรกิจร้านอาหารในปีนี้ ​คาดจะเติบโต​ราว 5 – 7% มูลค่ารวม 572,000 ล้านบาท

2. แบรนด์ร้านอาหารหน้าใหม่ยังคงตบเท้าเข้าสู่ตลาดอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะอยู่รอดในตลาดหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งและการบริหารจัดการในระยะยาว

3. การวางแผนรับมือกับความท้าทายในอุตสาหกรรมอาหาร ที่ต้องแข่งขันกับแบรนด์เกิดใหม่ และแบรนด์จากต่างประเทศ

4. แนวโน้มความนิยมสินค้าหรือการบริการในระดับพรีเมี่ยมที่เพิ่มสูงขึ้น ลูกค้ายอมจ่ายแพงเพื่อแลกกับคุณภาพที่ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็น วัตถุดิบ หรือ แพคเกจจิ้ง

5. วงจรของแบรนด์สินค้าจะมีอายุที่สั้นลง เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เบื่อง่าย เปิดใจทดลองอาหารหรือการบริการใหม่อยู่ตลอดเวลา

6. แบรนด์ต้องปรับตัวให้เข้ากับทุกสถานการณ์ ทันกระแส และวางแผนการสื่อสารได้อย่างถูกต้องเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในทุกแพลตฟอร์ม

7. ทางรอดของแบรนด์คือ การพัฒนาแบบไม่หยุดนิ่ง ปรับเปลี่ยนรูปแบบใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา

8. ความ​​​ท้าทายในเรื่องการบริหารจัดการ ทั้งในส่วนค่าแรงพนักงาน ต้นทุนวัตถุดิบ ที่มีแนวโน้มขยับตัวสูงขึ้นกว่าปีก่อน

ทั้งนี้ CRG วาง​แนวทางขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อผลักดันการเติบโต โดยตั้งเป้าเติบโตเพิ่มขึ้น 13% โดยมียอดขาย 17,900 ล้านบาท  ภายใต้งบลงทุนราว 1,200 ล้านบาท โดยงบส่วนใหญ่ราว 800 ล้านบาท จะใช้สำหรับการขยายสาขาใหม่เพิ่มเติมในปีนี้ 120 -140 สาขา พร้อมทั้งการรีโนเวทสาขาราว 200 ล้านบาท โดยเฉพาะการปรับปรุงสาขาในกลุ่ม Top Brand เพื่อสามารถดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการได้เพิ่มากขึ้น รวมทั้งยังมีแผนพัฒนาแบรนด์ใหม่เข้ามาเติมในพอร์ตโฟลิโออีกราว 2-3 แบรนด์  ส่วนงบอีก 200 ล้านบาท จะใช้สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพส่วนงานต่างๆ เช่น ไอที เป็นต้น

สำหรับกลยุทธ์เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตได้อย่างยั่งยืน ได้วาง 4 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่

1. GROW : วางแผนต่อยอดธุรกิจ สร้างการเติบโตจากธุรกิจเดิมที่มีอยู่ พร้อมขยายสาขาในแบรนด์ที่มีกำไร อาทิ เคเอฟซี , มิสเตอร์ โดนัท,​​ อานตี้ แอนส์, โอโตยะ, คัตสึยะ, ส้มตำนัว,​ สลัดแฟคทอรี่ , ชินคันเซ็น ซูชิ​, นักล่าหมูกระทะ​ และสร้างแบรนด์ดิ้ง ตลอดจนไม่หยุดนิ่งคิดค้นพัฒนา ให้ความสำคัญในเรื่องการพัฒนาสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยทีม “Delicious lab ซึ่งในปี 67 ที่ผ่านมาได้พัฒนาสินค้าใหม่ ออกจำหน่ายกว่า 500 เมนู คิดเป็นสัดส่วน 15% ของยอดขาย ​ซึ่งบุคลากรในทีมมีความหลากหลาย ทั้งด้านประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญ ประกอบด้วย แม่ครัวที่ประสบการณ์มากกว่า 20 ปี และเด็กรุ่นใหม่ที่จบด้าน Food science และคหกรรม มีทักษะสูงในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ มี passion กับการกิน (Foodie) ซึ่งความแตกต่างในกลุ่มช่วงอายุ ทำให้เราสามารถพัฒนาสินค้าที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย โดยเน้นการพัฒนาสินค้าที่มีรสชาติอร่อย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และกระแสการบริโภคใหม่ ๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ

2. DRIVE : ขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย ภายใต้ 3C Actions ได้แก่ Cost บริหารจัดการต้นทุน และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด Capex เน้นการลงทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุด และ Cash Flow การบริหารกระแสเงินสด ตลอดจน การลงทุน ให้มีความคล่องตัวมากขึ้น พร้อมนำเทคโนโลยีมาใช้บริหารจัดการร้านอาหารมากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและบริการ เช่น Self-ordering kiosk, Service robot, Tablet orderin

3. BUILD : เติมเต็มความแข็งแกร่ง ร่วมพัฒนาธุรกิจ และให้ความสำคัญในกลุ่ม JV Partner โดยตั้งเป้าขยายมากกว่า 25 สาขา พร้อมเฟ้นหาแบรนด์ที่มีศักยภาพในการเติบโต เพื่อเสริมความแกร่งให้พอร์ตโฟลิโอ ซึ่งตามแผนงานบริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มอีก 2 – 3 แบรนด์ในปีนี้ ในกลุ่มชาบู และปิ้งย่าง ภายใต้ CRG Ecosystem ให้พันธมิตรร่วมกันเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน

4. SUSTAIN : ผลักดันความยั่งยืนทุกมิติ : หนึ่งในพันธกิจสำคัญด้านความยั่งยืนด้วย “CRG” STRATEGY

– CARE for People & Partner การดูแลบุคลากร และ พันธมิตรด้านธุรกิจ พร้อมเปิดกว้างรับความหลากหลาย สร้างความเท่าเทียม และสร้างสมดุลในการทำงานเพื่อให้พนักงานมีความสุข มีความผูกพันกับองค์กร ตลอดจนการสร้างประโยชน์ทางธุรกิจร่วมกับพันธมิตรอย่างมีธรรมาภิบาล

– REDUCE Greenhouse Gases ให้ความสำคัญในเรื่องสิ่งแวดล้อม ด้วยการประหยัดพลังงาน และการใช้พลังงานทดแทน โดยตั้งเป้าลดการใช้พลังงานลง 2% ซึ่งในปี 2567 ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ ขยายการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 3 แห่ง ไปยังสาขาของแบรนด์เคเอฟซี และ แบรนด์สลัดแฟคทอรี่ รวมปัจจุบันมีการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 16 แห่ง สามารถผลิตไฟฟ้าได้  963,512.59 กิโลวัตต์ชั่วโมง คิดเป็นร้อยละ 0.96 ของการใช้พลังงานทั้งหมด สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 481.66 tCO2e ถือได้ว่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานหมุนเวียน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างแนวทางการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับเป้าหมายด้าน ESG และสนับสนุนเป้าหมายด้าน Net Zero ขององค์กร

– GREEN Waste & Environment ลดปริมาณขยะอาหารที่เกิดจากการใช้วัตถุดิบในกระบวนการผลิตอาหาร ดำเนินงานต่อเนื่องในโครงการ CRG Food Waste : Journey to Zero ร่วมมือกับ เซ็นทรัลพัฒนา     ในโครงการ “ไม่เทรวม” และ CRG Surplus Food โครงการส่งมอบอาหารคุณภาพดีส่วนเกินจากการจำหน่าย ให้กับ มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (ประเทศไทย) หรือ เอสโอเอส ประเทศไทย และมูลนิธิ วีวี แชร์ เพื่อไปบริจาคให้กับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือด้านอาหาร ผู้ยากไร้ กลุ่มเปราะบาง โดยบริจาคโดนัทจากแบรนด์มิสเตอร์ โดนัท

ชู Delicious Lab สร้าง​ Wow Factors พร้อม New S-Curve ให้ธุรกิจ 

อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของ CRG  ในปีนี้ คือ การเปิดตัว  Delicious Lab ในฐานะหน่วยธุรกิจสำคัญที่จะเป็นพื้นฐานเพื่อสร้างการเติบโตให้ธุรกิจของ CRG ได้อย่างยั่งยืน และสะท้อนการให้ความสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ CRG ทุกมิติไม่ว่าจะเป็นในแง่ของคุณภาพ (Quality) ความคุ้มค่า  (Premium Affordable) และนวัตกรรม (Innovation)

“ซีอาร์จีมีหน่วย Food Innovation และ R&D มามากกว่าสิบปี แต่เราต้องการยกระดับและให้ความสำคัญจากมิติของการเป็นผู้สนับสนุน ให้กลายเป็นอีกหนึ่งพื้นฐานสำคัญของธุรกิจ เป็นเครื่องยนต์ที่ช่วยให้เราสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ให้ตลาดได้อย่างต่อเนื่อง เปรียบได้กับ​กองหลังที่แข็งแกร่งของทีมฟุตบอล เพื่อให้กองหน้าบุกไปทำประตูได้ตามเป้าหมาย และทำให้ลูกค้ารับรู้ได้ถึงการใส่ใจในการพัฒนาสินค้าทุกรายการ ที่มาจากการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้ในทุกมิติอย่างแท้จริง ซึ่งจะช่วยเพิ่ม​ศักยภาพในการเติบโตทั้งในแง่ของการเพิ่มจำนวนลูกค้า ผ่านการเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ และการเติบโตจากสาขาเดิม โดยตั้งเป้าเพิ่ม Same Store Growth ในปีนี้มากขึ้นกว่าเท่าตัวจาก 2% ในปีที่ผ่านมา เป็น 4-5% ในปีนี้ รวม​ถึงศักยภาพในการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ได้อย่างแม่นยำ สามารถได้​ใจกลุ่มเป้าหมายของแต่ละแบรนด์ได้เพิ่มมากขึ้น”​ คุณณัฐ กล่าว

ด้าน คุณกณพ ศรีอาวุธ  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่าย Food Innovation บริษัท เซ็นทรัล    เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด ในฐานะผู้นำทีม Delicious Lab ด้วยคอนเซ็ปต์Where Innovation Meets Taste : ผสานนวัตกรรม สู่รสชาติที่เหนือกว่า” กล่าวเสริมว่า ทางทีมทำหน้าที่พัฒนาสินค้าจากการสำรวจตลาด ศึกษาลูกค้า วิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้ได้อินไซต์ในการนำมาตอบโจทย์ความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคปัจจุบันมากขึ้น โดยเฉพาะการผสมผสานระหว่าง Scince และ Art เพื่อสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งรสชาติที่อร่อย คุณภาพ ความคุ้มค่า และยังต้องมีหน้าตาที่สวยงาม เพื่อ​​สอดคล้องกับ​ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค​​ปัจจุบันที่นิยมใช้โซเชียลมีเดีย ในการแชร์ประสบการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะการรับประทานอาหารที่อร่อยเป็นความสุขของคนทุกเจนเนอเรชั่น และค่าใช้จ่ายในการรับประทานอาหารยังถือเป็นค่าใช้จ่าย Top 3 ของคนไทยอีกด้วย

“การขับเคลื่อน Delicious Lab จะให้ความสำคัญกับ 3 Keys ทั้งในเรื่องของ คุณภาพ  เพราะคุณภาพ = ความอร่อย โดยเฉพาะการเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพ ซึ่งเป็นจุดแข็งสำคัญของรสชาติที่ดี รวมทั้ง ความคุ้มค่า โดยเฉพาะการเติมความพรีเมียม ลงในสินค้าในราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้ขยายฐานไปสู่ลูกค้าในกลุ่มพรีเมียมเพิ่มขึ้นได้เพราะ​ลูกค้าจะรับรู้ถึงความคุ้มค่า การใช้วัตถุดิบพรีเมี่ยม หรือนำเข้า แต่ราคาเข้าถึงได้ง่าย และสุดท้ายในมิติด้าน นวัตกรรม เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำในการสร้างสิ่งใหม่ให้ธุรกิจ สร้างให้เกิด WoW Factors  ไม่ว่าจะเป็นการครีเอทเมนูใหม่ๆ รวมทั้ง​​รูปแบบและประสบการณ์ใหม่ๆ จากการรับประทาน ซึ่งเป็นโอกาสในการสร้าง New S-curve ให้ธุรกิจ​​ซึ่ง​​มีโอกาสเติบโตกลายเป็น  Core Product ใหม่ให้ธุรกิจได้ในอนาคต รวมทั้งการโปรโมชั่นที่ชูวัตถุดิบพิเศษ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าอยู่เสมอ” คุณกณพ กล่าวทื้งท้าย