วันที่ 5 มิถุนายนของทุกปี คือ วันสิ่งแวดล้อมโลก (World Environment Day) วันที่ชาวโลกได้ร่วมกันตระหนักถึงความสำคัญของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งปี 2025 นี้ องค์การสหประชาชาติ กำหนดหัวข้อ ‘Beat the Plastic Waste’ หรือ การต่อสู้กับขยะพลาสติก เพื่อเน้นย้ำถึงวิกฤติของปัญหาขยะพลาสติกที่กำลังคุกคามทั้งสิ่งแวดล้อม สัตว์ป่า สุขภาพมนุษย์ และระบบนิเวศทั่วโลก
คุณวิศรา หุ่นธานี ผู้อำนวยการฝ่ายมลพิษ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ได้สรุปข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์สิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ทุกคนตระหนักถึงสถานการณ์ ‘ขยะพลาสติก’ พร้อมข้อมูลด้านสถิติที่น่าสนใจ
ทั้งนี้ พลาสติกถูกสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกสบาย แต่ด้วยคุณสมบัติที่มีความทนทานสูง ทำให้อีกด้านหนึ่ง เมื่อกลายเป็นขยะ จึงก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นระยะเวลายาวนาน
โดยปัจจุบันมีขยะพลาสติกราว 400 ล้านตัน ถูกผลิตขึ้นในแต่ละปี แต่มีเพียง 9% เท่านั้นที่ถูกรีไซเคิลอย่างเหมาะสม ส่วนที่เหลือมักถูกเผาทำลาย ถูกฝังกลบหรือเทกอง รวมถึงหลุดรอดลงสู่ทะเล ซึ่งไม่เพียงทำลายทัศนียภาพ แต่ยังส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเลที่อาจกินเศษพลาสติกเข้าไปโดยไม่รู้ตัว
ขณะที่ไมโครพลาสติก หรือพลาสติกชิ้นเล็กจิ๋ว ที่เกิดจากการแตกตัวของพลาสติกขนาดใหญ่ ยังเริ่มปรากฏในระบบน้ำ อาหาร และแม้แต่ในร่างกายมนุษย์ ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่นักวิทยาศาสตร์ยังคงศึกษาผลกระทบในระยะยาวที่อาจเกิดขึ้น
สำหรับพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (Single-use plastics) เช่น ถุงหูหิ้ว หลอดพลาสติก แก้วน้ำพลาสติกแบบบาง และกล่องโฟม เป็นต้น ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่สะดวกและราคาถูก แต่กลับกลายเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่รุนแรง เนื่องจากย่อยสลายยากและมักหลุดรอดสู่ธรรมชาติ โดยเฉพาะในทะเลและแหล่งน้ำ
ประเด็นเรื่องขยะพลาสติก จึงถูกหยิบยกขึ้นมาให้ความสำคัญในวาระ ‘วันสิ่งแวดล้อมโลก’ ในปี 2025 นี้ ภายใต้ธีม ‘Beat the Plastic Waste’ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การชี้ให้เห็นถึงปัญหา แต่ขยับไปสู่การเรียกร้องให้ทุกคน ‘ลงมือทำ’ ทั้งในระดับบุคคล องค์กร ชุมชน และภาครัฐ
ซึ่งสามารถเริ่มได้ทุกคน จากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมง่าย ๆ เช่น
– ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว
– พกถุงผ้า แก้วน้ำ หรือกล่องอาหารส่วนตัว
– สนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่ใช้บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้หรือรีไซเคิลได้
– แยกขยะที่ต้นทางและสนับสนุนระบบรีไซเคิล
– สนับสนุนให้มีนโยบายควบคุมพลาสติกที่จริงจัง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพฤติกรรมส่วนบุคคลจะสำคัญ แต่การเปลี่ยนแปลงเชิงระบบก็มีบทบาทไม่แพ้กัน ประเทศไทยได้แสดงความมุ่งมั่นในการลดปัญหาขยะพลาสติกอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการดำเนินงานตาม Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561-2573 และการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อให้พลาสติกถูกนำกลับมาใช้ใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ทั้งภาครัฐบาลและภาคธุรกิจจำเป็นต้องเร่งออกมาตรการที่สนับสนุนการลดพลาสติก เช่น ภาษีบรรจุภัณฑ์พลาสติก การส่งเสริมธุรกิจที่มีระบบรีไซเคิลครบวงจร และการลงทุนในวัสดุทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
ข้อมูลสถิติ เกี่ยวกับขยะพลาสติกของประเทศไทย
– จากรายงานของกรมควบคุมมลพิษ ปี 2567 ประเทศไทยมีปริมาณ ขยะพลาสติกประมาณ 2.24 ล้านตันต่อปี แต่สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้เพียง 25.4% เท่านั้น
– ขยะพลาสติกที่หลุดรอดสู่สิ่งแวดล้อมทางทะเลของไทยติดอันดับ หนึ่งในสิบของโลก
– ปีงบประมาณ 2567 กรมควบคุมมลพิษ ใช้งบประมาณกว่า 20 ล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนการจัดระบบการคัดแยกขยะ ณ ต้นทาง ให้สอดคล้องกับระบบกำจัดปลายทาง รวมถึงการจัดการขยะพลาสติกและขยะบรรจุภัณฑ์อย่างเป็นระบบและครบวงจรให้สอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน
สำหรับแนวทางการจัดการขยะพลาสติกอย่างมีประสิทธิภาพ ยังคงอาศัยหลักการพื้นฐาน 3R ได้แก่ Reduce ลดการใช้พลาสติกที่ไม่จำเป็น Reuse การใช้ซ้ำ และ Recycle การหมุนเวียนพลาสติกให้กลับมาใช้ใหม่ได้อย่างมีคุณภาพ
นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมการใช้วัสดุทดแทนที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ เช่น PBS (Polybutylene Succinate) ที่สามารถย่อยสลายได้ในสภาวะที่เหมาะสม รวมทั้งการพัฒนามาตรฐานวัสดุทางเลือกให้มีคุณภาพเทียบเท่าพลาสติกทั่วไป ยังเป็นทางเลือกให้ผู้ผลิตสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์เลือกผลิตให้เหมาะตามหน้าที่การใช้งาน (Function) ของสินค้าและบรรจุภัณฑ์นั้นพร้อมเร่งสื่อสารไปยังผู้บริโภคในเรื่อง Waste Management เพื่อจัดการกับขยะหลังการใช้งานให้ถูกต้อง สอดคล้องกับรูปแบบการจัดการขยะปลายทางของแต่ละท้องถิ่นเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำควบคู่กัน เพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคและการจัดการขยะ
“การแก้ปัญหาขยะพลาสติกไม่ใช่หน้าที่ของภาครัฐเพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิต ผู้บริโภค หรือผู้กำหนดนโยบาย ล้วนเป็นพลังสำคัญในการสร้างโลกที่สะอาดและยั่งยืน และในวันสิ่งแวดล้อมโลกปีนี้ ขอให้เราเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต” คุณวิศรา กล่าวทิ้งท้าย