‘ป่าชุมชน’ ไม่ใช่เพียงแค่พื้นที่ป่าหรือพื้นที่สีเขียวที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงชุมชนเท่านั้น แต่ยังถือเป็นศูนย์รวมของผู้คนภายในชุมชน และมีส่วนช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ จากการเป็นแหล่งอาหารและทรัพยากรในพื้นที่ ไปจนถึงการเชื่อมโยงวิถีชีวิต วัฒนธรรมประเพณี การสร้างความรักความสามัคคีของผู้คนในชุมชน รวมทั้งการต่อยอดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศให้กับชุมชนได้ด้วย
ป่าชุมชนยังเป็นกลไกสำคัญในการช่วยแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศ ในฐานะเครื่องมือทางธรรมชาติที่ช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจก ช่วยอนุรักษ์แหล่งต้นน้ำลำธาร พร้อมทั้งการเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งยังถือเป็นการสร้างแนวกันไฟตามธรรมชาติเพื่อป้องกันการเกิดไฟป่า ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการเกิดมลพิษและปัญหาฝุ่น PM2.5
การเข้าไปมีส่วนดูแลป่าชุมชน จึงถือเป็นอีกหนึ่งพันธกิจของ ‘เบทาโกร’ ในฐานะผู้นำด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรมอาหาร ที่ให้ความสำคัญทั้งการผลิตอาหารคุณภาพอย่างเพียงพอต่อการบริโภค ปลอดภัย รวมทั้งลดผลกระทบต่อโลก จึงได้เริ่มขับเคลื่อนโครงการ ‘เบทาโกรใส่ใจ รักษ์ป่าชุมชน’ ภายใต้แนวคิด ‘เบทาโกร ใส่ใจ’ (BETAGRO Saijai) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเบทาโกร เพื่อสร้างความยั่งยืนด้านอาหาร ผ่านแนวทางการทำงานที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนความยั่งยืนหลัก 5 ด้าน ได้แก่
1. คุณภาพและความปลอดภัยด้านอาหาร (Food Quality and Safety) 2. การจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Management) 3. การพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน (Sustainable Packaging) 4. อาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน (Occupational Health and Safety) เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพนักงาน และ 5. การพัฒนาชุมชน (Community Development) ที่เน้นการมีส่วนร่วมและเติบโตร่วมกันอย่างแท้จริง

คุณไพฑูรย์ จิรานันตรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่ กลุ่มงานพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตและซัพพลายเชน บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการเดินหน้าโครงการ ‘เบทาโกรใส่ใจ รักษ์ป่าชุมชน’ ว่า เบทาโกรตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาว พร้อมมุ่งมั่นมีส่วนในการช่วยบรรเทาปัญหาให้เบาบางลง จึงได้ขับเคลื่อนโครงการ ‘เบทาโกรใส่ใจ รักษ์ป่าชุมชน’ ภายใต้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชน ภายใต้กลไกการสนับสนุนตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อพัฒนาชุมชนและสังคม (BOI-CSR) โดยสนับสนุนอุปกรณ์จัดการไฟป่าที่จำเป็น มูลค่ารวมกว่า 5.5 ล้านบาท เช่น เครื่องเป่าลมดับไฟ ถังฉีดน้ำ และชุดปฏิบัติการ เป็นต้น

ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมความสามารถให้ชุมชนสามารถรับมือกับไฟป่าได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย ครอบคลุม 10 ป่าชุมชนใน 7 จังหวัด ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงสำคัญของการเกิดไฟป่าและปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ประกอบด้วย
1. จังหวัดลำพูน: ป่าชุมชนบ้านป่าดำ และป่าชุมชนบ้านดงห้วยเย็น
2. จังหวัดพิษณุโลก: ป่าชุมชนบ้านศรีเจริญ, ป่าชุมชนบ้านเขาน้อย และป่าชุมชนบ้านป่าแดง
3. จังหวัดสระบุรี: ป่าชุมชนเขาน้อยจอมสวรรค์
4. จังหวัดลพบุรี: ป่าชุมชนบ้านเขาสลัดได
5. จังหวัดปราจีนบุรี: ป่าชุมชนบ้านโนนกลาง
6. จังหวัดมหาสารคาม: ป่าชุมชนบ้านโคกคึมชาด
7. จังหวัดนครราชสีมา: ป่าชุมชนตำบลหนองบุญนาก

นอกจากสนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันไฟป่าแล้ว เบทาโกรยังได้เข้าไปส่งเสริมการอนุรักษ์พัฒนาพื้นที่ เพื่อเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ (biodiversity) ของระบบนิเวศในป่าชุมชน อันเป็นที่อยู่อาศัยของพืชพรรณและสัตว์ท้องถิ่นหลากหลายชนิด รวมทั้งส่งเสริมให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ป่าอย่างยั่งยืน และช่วยต่อยอดการดูแลสิ่งแวดล้อมสู่การสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านโครงการสำคัญต่าง ๆ อาทิ
– โครงการ ‘งานเสวนาป่าชุมชน’ เวทีสร้างความเข้าใจและวางแผนร่วมกันระหว่างภาครัฐ เอกชน และชุมชน เพื่อบริหารจัดการป่าอย่างเหมาะสมตามบริบทของแต่ละพื้นที่ รวมถึงฟื้นฟูระบบนิเวศและอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพของป่าชุมชน

– โครงการ ‘ส่งเสริมอาชีพผู้พิการ’ อบรมอาชีพมากกว่า 9 สาขา พร้อมสนับสนุนการจ้างงานผู้พิการกว่า 67 คน เช่น โครงการ “โมเดลปลูกผักคนพิการ” ที่ควบคุมด้วย IoT ผ่านสมาร์ตโฟน โดยเบทาโกรโดยร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านหนองนกกระเรียน
– โครงการ ‘ผลิตภัณฑ์ชุมชนสู่ฟาร์มและโรงงาน’ ส่งเสริมอาชีพผ่านการรับซื้อผลิตภัณฑ์ชุมชน เช่น ผัก ผลไม้ และของแปรรูป นำไปแจกจ่ายให้พนักงานในฟาร์มและโรงงาน สร้างรายได้กลับคืนสู่ชุมชนรวมกว่า 3.26 ล้านบาท

“เบทาโกรเชื่อว่าความยั่งยืนที่แท้จริงไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่ต้องอาศัยการร่วมมือกันของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นผู้คนในชุมชน องค์กร รวมถึงบุคลากรในแต่ละพื้นที่ เพราะเราเชื่อว่า ‘การร่วมสร้าง’ จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืนมากกว่า ‘การให้’ เพียงอย่างเดียว“ คุณไพฑูรย์ กล่าว
การขับเคลื่อนของเบทาโกร สะท้อนความมุ่งมั่นในการเดินหน้ายกระดับอุตสาหกรรมอาหารของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตอย่างสมดุล ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำการเป็นบริษัทอาหารครบวงจรชั้นนำของไทยที่มุ่งมั่นเพิ่มคุณค่าชีวิตทุกคน ด้วยอาหารที่ดีกว่า เพื่อชีวิตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน รวมทั้งการเข้าไปมีส่วนพัฒนาชุมชน ซึ่งถือเป็น 1 ใน 5 แกนหลักในการขับเคลื่อน เพื่อให้เกิดการพัฒนาได้แบบองค์รวม และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต และส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีให้ผู้คนในชุมชนได้อย่างต่อเนื่อง เพราะการมีชุมชนและสังคมที่เข้มแข็ง เป็นรากฐานสำคัญที่จะส่งผลให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต