การพัฒนาแบบถดถอยของประเทศไทย ที่ได้ชื่อว่า ‘คนป่วยแห่งเอเชีย’ จาก 3 เช็คลิสต์การเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้ง ความมั่งคั่ง , ความทั่วถึง และความยั่งยืน ที่ปัจจุบันยัง ‘ไม่ประสบความสำเร็จ’ ขณะที่มิติด้านสิ่งแวดล้อมผ่านดัชนี EPI ก็ยังคงต้องเร่งขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
คุณบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ ‘การเติบโตอย่างยั่งยืน: ประเทศไทย อนาคตของการเติบโต’ (Sustainable Growth : Thailand, The Future of Growth) จากเวที TCP Sustainability Forum 2025 โดยระบุว่า เป้าหมายสำคัญของการพัฒนาให้เติบโตอย่างยั่งยืน คือ การเติบโตอย่างสมดุลใน 3 มิติสำคัญ ทั้ง ‘มั่งคั่ง’ ผ่านการผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ , ‘ทั่วถึง’ คือ การกระจายการพัฒนาให้ผู้คนในสังคมได้อย่างครอบคลุมทุกกลุ่ม และ ‘ยั่งยืน’ เพื่อสร้างเสถียรภาพในการเติบโต ทั้งมิติทางเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันด้วย
ทั้งนี้ วิวัฒนาการของโลกตลอดกว่า 2,000 ปีที่ผ่านมา พบว่าอัตราเร่งแบบก้าวกระโดดจะอยู่ในช่วง 200 ปี หลังจากคริสศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมา โดยช่วง ค.ศ. 0 – 1800 โลกสามารถเพิ่ม Productivity ได้ 4 เท่า แต่ช่วง 1800 -2000 สามารถเพิ่มขึ้นได้ถึง 240 เท่า ขณะที่จำนวนประชากร ก็เพิ่มขึ้นได้ถึง 8 เท่า รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพชีวิต อัตราการเสียชีวิตของทารกที่ลดลง รวมทั้งอายุเฉลี่ยของประชากรโลกที่เพิ่มขึ้น เป็นต้น
ขณะที่การขับเคลื่อนการเติบโตของประเทศไทยกลับสวนทาง ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันยัง ‘ไม่ประสบความสำเร็จ’ ในการพัฒนาเศรษฐกิจ ตามดัชนีชี้วัดทั้ง 3 ปัจจัย และอยู่ในสถานะที่ไม่ต่างจากการเป็น ‘คนป่วยแห่งเอเชีย’ ทั้งการถดถอยอย่างต่อเนื่องด้านการเติบโตของเศรษฐกิจ จากช่วงปี 1990 เป็นต้นมา ภาพรวม GDP ของประเทศเคยโตเฉลี่ยที่ 7.5% ก่อนจะลดลงเหลือราว 5% ช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง และลดลงต่อเนื่องมาอยู่ที่ 3.5% หลังวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ จนกระทั่งปัจจุบันหลังเผชิญวิกฤตโควิดเศรษฐกิจประเทศมีอัตราเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ราว 1.5% และสามารถฟื้นตัวเพิ่มขึ้นได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
รวมทั้งการจัด Ranking ของโลก จากดัชนีชี้วัดในมิติต่างๆ ของโลก ที่สะท้อนถึงการพัฒนาในแต่ละด้าน เช่น รายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรในประเทศ (GNI) ความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ประชากร (GINI) ศักยภาพในการดูแลสิ่งแวดล้อม (EPI) การเข้าถึงทรัพยากรเพื่อสร้างความมั่งคั่งได้อย่างเสรี ดัชนีการคอรัปชั่น ด้านการศึกษา และกระบวนกการยุติธรรม เป็นต้น
“ประเทศไทยไม่ติดอยู่ในประเทศ Top50 ของทุกดัชนี และยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายตามดัชนีชี้วัดการพัฒนาต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น รายได้เฉลี่ยประชากร อยู่อันดับ 102 จาก 198 ประเทศ ถือว่าอยู่ในโซนประเทศที่มีรายได้เฉลี่ยประชากรปานกลางไปถึงต่ำ ด้านความเหลื่อมล้ำที่อยู่อันดับ 50 จาก 85 ประเทศ ศักยภาพในการดูแลสิ่งแวดล้อม อันดับที่ 91 จาก 180 ประเทศ ขณะที่ในบางดัชนี เราถดถอยลงไปกว่าช่วง10 ปีก่อนหน้าด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นดัชนีคอรัปชั่น ที่อยู่ในอันดับ 112 จาก 180 ประเทศ จากเดิมอยู่ในอันดับ 83 หรือการพัฒนาด้านการศึกษา ที่อยู่อันดับ 63 จาก 80 ประเทศ จากเดิมอยู่อันดับ 50 หรือแม้แต่ประสิทธิภาพของกระบวนการยุติธรรม หรือหน่วยงานกำกับต่างๆ ที่อยู่อันดับ 82 จาก 142 ประเทศ จากเดิมอยู่ในอันดับ 56 เป็นต้น”
ดัชนี EPI ยังต้องเร่งขับเคลื่อนต่อเนื่อง
หากลงลึกถึงศักยภาพในการขับเคลื่อนมิติการดูแลสิ่งแวดล้อม ตามดัชนี EPI (Environmental Performance Index) ปี 2024 ซึ่งประเมินจาก 3 มิติ ได้แก่ Environmental Health คุณภาพของสิ่งแวดล้อม โดยมีมิติย่อยๆ ในการชี้วัด เช่น คุณภาพอากาศ คุณภาพน้ำ Climate Change ความสามารถในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และ Ecosystem Vitality จากการพิจารณาทั้งระบบนิเวศ ทั้งขยะ น้ำเสีย มลภาวะทางอากาศ พื้นที่ป่า รวมทั้งความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งดัชนี EPI ของประเทศไทยอยู่อันดับ 90 จาก 180 ประเทศ ด้วยคะแนนรวม 45.7 คะแนน ซึ่งอันดับ 1 คือ แอสโตเนีย ได้คะแนน 75.7 คะแนน ไทยยังอยู่ลำดับ 9 ของเอเชียแปซิฟิก ตามหลังญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน และติมอร์เลสเต
“เมื่อพิจารณาศักยภาพการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมในแต่ละมิติของประเทศไทย พบว่าประเทศไทยยังต้องเร่งในหลายจุด โดยเฉพาะ Environmental Health ที่อยู่อันดับ 121 และในดัชนีย่อยก็ยังทำได้ไม่ดี ทั้งเรื่องคุณภาพอากาศ ที่อยู่อันดับ 139 การดูแลแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำ อยู่ลำดับ 121 รวมทั้งการเข้าถึงน้ำดื่มที่สะอาดและปลอดภัย ซึ่งอยู่ในลำดับ 100 ส่วนปัจจัย Ecosystem Vitality อยู่ลำดับ 81 และการชับเคลื่อนเพื่อรับมือสภาพอากาศ Climate Change ที่อยู่อันดับ 65 แต่ในภาพรวมยังต้องมีการขับเคลื่อนและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง”
อย่างไรก็ตาม การพัฒนา EPI ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความมั่งคั่งของแต่ละประเทศเพียงอย่างเดียว เพราะจากดัชนีที่เกิดขึ้น หลายประเทศที่ขับเคลื่อน EPI ได้ดี แม้จะอยู่ในสถานะประเทศด้อยพัฒนา เพราะนอกจากความมั่งคั่งทางการเงินแล้ว ยังมีหลายปัจจัยร่วมด้วย เช่น หน่วยงานกำกับ และข้อกกฏหมายต่างๆ รวมถึงความร่วมมือร่วมใจกันของทุกภาคส่วนในประเทศ ทั้งภาครัฐ และฉันทามติจากภาคประชาชนเพื่อขับเคลื่อนอย่างจริงจังและไปในทิศทางเดียวกัน ขณะที่เครื่องมือสำหรับวัดผลศักยภาพการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ ไม่ได้อยู่ที่ตัวเลขของอันดับที่ได้ แต่อยู่ที่การวางแนวทางในการต่อสู้หรือหาวิธีรับมือเพื่อนำพาประเทศรอดพ้นจากความท้าทายเหล่านี้ไปได้อย่างไร