Dialogue

10 ‘Climate Risk’ ปี 2025 หายนะที่มาพร้อมโลกเดือด

 

Climate Risk Preparedness ปี 2025 เป็นปีที่ถูกคาดการณ์ว่า โลกยังคงต้องเผชิญความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมต่อเนื่อง จากปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ที่จะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น

สะท้อนให้เห็นผลกระทบจากภาวะโลกเดือด ที่สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ ทำให้​การรักษาสมดุลธรรมชาติ และลดผลกระทบด้านสภาพอากาศจากกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ ​กลายเป็นอีกหนึ่งความพยายามระดับโลก เพื่อสามารถรับมือ ควบคุม แก้ไข หรือช่วยป้องกัน ไม่ให้โลกต้องเผชิญหน้ากับ ‘หายนะ’ ไปมากกว่านี้

ขณะที่ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม มองว่า ​การขับเคลื่อนประเทศให้​เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ควบคู่ไปกับการสร้างภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

พร้อมสรุป 10 ผลกระทบ จากปัญหาโลกเดือด ที่ไม่ควรมองข้าม ในปี 2025 ประกอบไปด้วย

1. รักษาอุณหภูมิโลก ไม่ให้เกิน 1.5°C

เป้าหมาย ‘Keep 1.5 Alive’ ยังคงสำคัญ โดย COP30 ที่เมืองเบเล็ม ประเทศบราซิล ที่จะเกิดขึ้นในปลายปีนี้ จะเน้นการบรรเทาผลกระทบ และความทะเยอทะยานในการลดก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันความเสี่ยงโดยเฉพาะในประเทศที่เป็นเกาะ

2. การลดมลพิษจากพลาสติก

การเจรจาสำคัญที่ปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อปี 2024 ที่ผ่านมา ได้มุ่งเน้นข้อตกลงลดการใช้พลาสติก​โดยครอบคลุมวงจรชีวิตของพลาสติกทั้งหมด พร้อมปรับปรุงระบบรีไซเคิลและส่งเสริมวัสดุที่ย่อยสลายได้ รวมทั้งการจัดหาเงินทุน​เพื่อส่งเสริมทางเลือกที่ยั่งยืน

3. การจัดหาเงินทุน เศรษฐกิจสะอาด

เป้าหมายการเงินใหม่ที่ COP29 เรียกร้องระดมทุน 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ภายในปี 2035 เพื่อสนับสนุนพลังงานหมุนเวียน โครงสร้างพื้นฐานสีเขียว และมาตรการการปรับตัวต่อสภาพอากาศ รวมทั้งการช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาในการจัดการเพื่อเตรียมรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ

4. ปกป้องธรรมชาติ

การจัดประชุม COP30 ที่เลือกในป่าอเมซอน เพื่อย้ำถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ระบบนิเวศและแก้ปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งมีส่วนสำคัญในการลดผลกระทบจาก Climate Change ซึ่งการเจรจาที่กรุงโรมในเดือน ก.พ. ​2025 ​ได้เน้นแก้ปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า ลดผลกระทบจากกิจกรรมมนุษย์ รวมทั้งปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพและฟื้นฟูป่า

5. เหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว

คาดว่าในปีนี้ โลกต้องเผชิญความถี่และความรุนแรงจากเหตุการสภาพอากาศสุดขั้วเพิ่มขึ้น เช่น คลื่นความร้อนและพายุ จึงควรเสริมระบบเตือนภัยล่วงหน้า และการเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติ เพื่อ​เป็นสิ่งสำคัญในการลดผลกระทบ

6. การขาดแคลนน้ำ

ในปีนี้พื้นที่แห้งแล้งหลายแห่งทั่วโลกจะเผชิญกับวิกฤตการขาดแคลนน้ำอย่างน้ำรุนแรง ดังนั้น การจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและการอนุรักษ์เป็นสิ่งจำเป็น รวมไปถึงการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดน้ำ

7. ความมั่นคงทางอาหาร

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลกระทบต่อการเกษตรและการผลิตอาหาร ซึ่งปีนี้​อาจเผชิญ​ความท้าทายเพิ่มขึ้น จากสภาพอากาศสุดขั้ว ดังนั้น การเกษตรยั่งยืน เทคโนโลยีการเกษตรสร้างสรรค์ และความร่วมมือระหว่างประเทศ จะเป็นแนวทางขับเคลื่อนสำคัญเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาความมั่นคงทางอาหารได้

8. มหาสมุทรเป็นกรด

CO2 ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ความเป็นกรดในมหาสมุทรสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตทางทะเล เช่น ปะการัง และสัตว์ทะเลต่างๆ การแก้ไขปัญหานี้มีความสำคัญในการอนุรักษ์ ความหลากหลายทางทะเล และสนับสนุนชุมชนที่พึ่งพาทะเล

9. การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ

แนวทางการอนุรักษ์ในปี 2025 นี้ จะต้องมุ่งเน้นไปที่การปกป้องชนิดพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์ การฟื้นฟูที่อยู่อาศัย และสนับสนุนการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน

10. การย้ายถิ่นฐาน จากสภาพภูมิอากาศ

ผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศ เช่น ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น การขาดแคลนทรัพยากร ทำให้ผู้คนจำเป็นต้องย้ายถิ่นฐาน ดังนั้น การสนับสนุนชุมชนที่ถูกย้ายและการจัดการย้ายถิ่นฐานอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญเพื่อความมั่นคงโลก