หากมองผ่านๆ อาจจะเป็นแค่แคมเปญทางการตลาด เพื่อมุ่งหวังเพิ่มยอดขาย ด้วยการชิงโชคมอบรางวัล เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้าในช่วงการจัดแคมเปญเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับแคมเปญชิงโชคทั่วไป
แต่เป้าหมายที่ซ่อนไว้ในแคมเปญ ‘ทาโร รักษ์โลก โชคเด้ง‘ คือ การมีส่วนช่วยสร้าง Positive Impact ด้านการดูแลสภาพอากาศ สร้างทั้งความตระหนักรู้ (Awareness) และการขับเคลื่อน (Action) การแยกขยะ รวมทั้งสร้างความร่วมมือกันอย่างบูรณาการภายในห่วงโซ่ เพื่อสร้างคุณค่าให้ ‘ขยะกำพร้า’ ที่จัดเป็นขยะในกลุ่มที่ไม่นิยมนำไปรีไซเคิล ซึ่งบรรจุภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว (สแน็ค) เป็นหนึ่งในประเภทของขยะที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ ด้วยโครงสร้างทางเคมีที่เป็นแบบหลายชั้น (Multilayer Plastic) เพื่อความสามารถในการถนอมสินค้า
ทำให้ขยะกลุ่มนี้ไม่มีความคุ้มค่าหากนำไปรีไซเคิล จึงมักจบวงจรภายหลังการบริโภคอยู่ที่บ่อฝังกลบหรือเตาเผาขยะ และมีโอกาสที่จะหลุดรอดออกมาสร้างปัญหาให้สิ่งแวดล้อมได้ในอนาคต
คุณวิเชียร พงศธร ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ โดยบริษัท พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายขนมขบเคี้ยวปลาสวรค์ ‘ทาโร’ กล่าวถึง ความมุ่งมั่นในการผสมสานความยั่งยืนในทุกกระบวนของธุรกิจ โดยเฉพาะการมีส่วนช่วยลดผลกระทบในฐานะผู้ผลิต เป็นที่มาของการจัดแคมเปญ ‘ทาโร รักษ์โลก โชคเด้ง’ ชวนคนไทยร่วมส่งคืนซองเปล่าทาโร เพื่อกำจัดอย่างถูกวิธีด้วยการนำไปแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงผลิตพลังงานไฟฟ้า ทดแทนการใช้เชื้อเพลิงถ่านหิน ซึ่งทาโรถือเป็นแบรนด์แรกในกลุ่มสแน็คที่มีนโยบายส่งเสริมการเก็บกลับบรรจุภัณฑ์อย่างจริงจัง
โดยมีพันธมิตรร่วมสนับสนุนการขับเคลื่อนแคมเปญทั้ง บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ในการทำหน้าที่ส่งต่อซองทาโร เพื่อเข้าสู่กระบวนการแยกขยะ และจัดการอย่างถูกต้องด้วยการแปลงขยะเป็นไฟฟ้าพลังงานสะอาดของ บริษัท พีทีจี เอ็นเอนยี จำกัด (มหาชน) รวมทั้งผู้ให้การสนับสนุนของรางวัลในแคมเปญเพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคอย่าง บริษัท สลีค อีวี จำกัด ด้วยการมอบรางวัลรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า SLEEK EV จำนวน 60 คัน รวมทั้งยังมีของรางวัลอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 16 ล้านบาท ทั้ง iPhone 16 Pro จำนวน 60 เครื่อง, iPad Air 11 นิ้ว จำนวน 60 เครื่อง และรางวัลใหญ่ รถยนต์ไฟฟ้า Volvo รุ่น EX30 จำนวน 6 คัน
มุ่งเพิ่ม Awareness + Action แยกขยะ ลดขยะ
แคมเปญ ‘ทาโร รักษ์โลก โชคเด้ง’ ตั้งเป้าหมายช่วยกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมแยกขยะ โดยเฉพาะในกลุ่มซองสแน็ค ซึ่งจัดเป็น ‘ขยะพลาสติก’ ประเภทหนึ่ง ที่ต้องใช้ระยะเวลาในการย่อยสลายเป็นเวลานานหากตกค้างในธรรมชาติ แต่ด้วยโครงสร้างที่เป็นวัสดุหลายชั้น จึงไม่เป็นที่นิยมนำมารีไซเคิล ทาโรจึงมองปลายทางที่เหมาะสมและดีต่อสภาพแวดล้อมด้วยการเปลี่ยนขยะให้เป็นพลังงานสะอาด รวมทั้งยังเป็นการส่งเสริมพฤติกรรมแยกขยะตั้งแต่ต้นทางให้ผู้บริโภค พร้อมทั้งเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยจุดประกายให้แบรนด์อื่นๆ ภายในอุตสาหกรรมเริ่มต้นแสดงความรับผิดชอบในการเก็บกลับบรรจุภัณฑ์อย่างต่อเนื่องในอนาคต
ขณะที่เป้าหมายในระหว่างการจัดแคมเปญ ตั้งแต่ 1 กันยายน 2568 – 31 มกราคม 2569 คาดว่าจะสามารถลดขยะพลาสติกลงได้กว่า 85 ตันต่อเดือน หรือราว 1 พันตันต่อปี พร้อมทั้งสามารถผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิง RDF ได้ 2.4 – 3.0 กิกะวัตต์ชั่วโมง รองรับการไฟฟ้าได้ 667–833 ครัวเรือน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 2,000 ตัน CO₂e
“เราไม่ได้มองเป้าหมายขับเคลื่อนการดูแลบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภคแค่ในระยะเวลา 5 เดือน ช่วงที่มีการจัดแคมเปญ แต่มุ่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก ตั้งแต่พฤติกรรมการแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง การลดปริมาณขยะพลาสติก การรับรู้ถึงประโยชน์ในการบริหารจัดการซองบรรจุภัณฑ์อย่างเป็นระบบ รวมทั้งการต่อยอดการจัดการบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภคได้อย่างถาวรในอนาคต หากมีความร่วมมือจากพันธมิตรทั้งในแง่ของการมีจุดรับคืนบรรจุภัณฑ์ที่สะดวกและใกล้ตัวผู้บริโภค รวมทั้งระบบการขนส่งเพื่อนำเข้าสู่ปลายทางได้อย่างเหมาะสม”
ขับเคลื่อน ‘ความยั่งยืน’ In Process ตั้งเป้า Zero Food Waste
นอกจากการขับเคลื่อนความยั่งยืน ผ่านการแสดงความรับผิดชอบต่อการบริหารจัดการบรรจุภัณฑ์แล้ว ทาโรยังให้ความสำคัญในการลดขยะในกระบวนการผลิต ตามแนวทาง Zero Food Waste ด้วย โดยเฉพาะการบริหารจัดการวัตถุดิบได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้ธุรกิจสร้าง Food Waste และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
“ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการลงทุนและสร้างโปรโตไทป์ ‘Fish Essence‘ ร่วมกับพันธมิตรที่ทำการแปรรูปเนื้อปลาเพื่อส่งให้กระบวนการผลิตของทาโร ซึ่งปัจจุบันบริษัทสามารถนำเนื้อปลามาใช้ในกระบวนการผลิตปลาเส้นได้ราว 40% ขณะที่ 60% ที่เหลือมีทั้ง หัว หาง ก้าง ไส้ และพุงปลา ซึ่งบางชิ้นส่วนของปลาราว30% ยังสามารถนำมาแปรรูปต่อยอดและยังเต็มไปด้วยคุณค่าทางอาหาร ทั้งโปรตีน และมีแคลเซียมสูง จึงสามารถนำไปเป็นวัตถุดิบสำหรับต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มเพื่อสุขภาพ และรองรับเทรนด์ผู้บริโภคในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งยังสามารถเพิ่มปริมาณวัตถุดิบได้มากขึ้นอีก 30% จากราว 40% เป็น 70% ขณะที่อีก 30% ที่เหลือจะต่อยอดในการนำไปผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อส่งต่อให้เกษตรกรนำไปใช้ในการเกษตรเพื่อลดการใช้สารเคมีในการเพาะปลูกลงได้”
การขับเคลื่อน ‘ความยั่งยืน’ ของทาโร รวมทั้งการสื่อสารผ่านแคมเปญครั้งนี้ จะช่วยสร้างภาพลักษณ์การเป็นแบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการเป็นแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม พยายามไม่ให้สินค้าของตัวเองสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการสร้าง Awareness ถึงปลายทางที่เหมาะสมสำหรับผลิตภัณฑ์ที่การรีไซเคิลอาจจะยังไม่ตอบโจทย์ ด้วยการหาโซลูชันและพันธมิตรมาร่วมขับเคลื่อน เพื่อให้สามารถเกิดการ Action ได้จริง และสามารถทำได้อย่างต่อเนื่องแม้ว่าแคมเปญจะสิ้นสุดลงแล้วก็ตาม
สำหรับผู้สนใจเข้าร่วมแคมเปญ ‘ทาโร รักษ์โลก โชคเด้ง’ เพื่อมีส่วนร่วมลดปัญหาขยะพลาสติกได้ง่ายๆ เพียงรวบรวมซองทาโรรสชาติใดก็ได้ ขนาดหรือราคาเดียวกัน รวมมูลค่าตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไปได้ 1 สิทธิ์ ไม่จำกัดสิทธิ์ต่อการส่ง 1 ครั้ง แล้วส่งผ่านไปรษณีย์ไทยทั่วประเทศ พร้อมใช้ Tracking Slip เป็นหลักฐานการร่วมกิจกรรม โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2568 – 31 มกราคม 2569 แล้วมาร่วมลุ้นของรางวัลทุกเดือน