ExperienceTop Stories

TU ผนึกพันธมิตรจัดกิจกรรม ‘เก็บขยะป่าชายเลน’ พร้อมขยายการขับเคลื่อนเชิงรุก เร่งเป้าหมาย ‘ลดปริมาณขยะทะเล’ 1,500 ตัน ภายในปี 2030

กลุ่มบริษัทไทยยูเนี่ยนจาก 11 ประเทศ ใน 4 ทวีป พร้อม​ภาครัฐ เอกชน และท้องถิ่น จ.สมุทรสาคร จัดกิจกรรมเก็บขยะป่าชายเลน เนื่องในวันเก็บขยะชายหาดสากล ขับเคลื่อนภารกิจ ลดขยะพลาสติกในทะเล ภายใต้กลยุทธ์ 'SeaChange 2030'

การลดปริมาณ​ขยะพลาสติกในทะเล (Ocean Plastic Reduction) ให้ได้ 1,500 ตัน ภายในปี 2030 เป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของ Thai Union ตามกลยุทธ์ SeaChange 2030 เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจสู่เป้าหมายความยั่งยืนในทุกมิติ พร้อมตอกย้ำบทบาทในฐานะ​ผู้นำอุตสาหกรรมอาหารทะเลระดับโลก

ล่าสุด กลุ่มบริษัทไทยยูเนี่ยน (Thai Union : TU) ได้ผนึกกำลังทั้งภาครัฐ เอกชน และท้องถิ่น จ.สมุทรสาคร จัดกิจกรรมเก็บขยะในพื้นที่ป่าชายเลน เนื่องในวันเก็บขยะชายหาดสากล (International Coastal Cleanup Day) ณ ศูนย์เรียนรู้และปฏิบัติการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมหาชัยฝั่งตะวันออก ตำบลโคกขาม อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อตอกย้ำการขับเคลื่อนภารกิจลดปริมาณขยะพลาสติกที่ไหลลงสู่แหล่งน้ำและทะเล ​

กิจกรรมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมทั้งสิ้น 200 คน ทั้งพนักงานของกลุ่มบริษัทไทยยูเนี่ยนที่มาจาก 11 ประเทศ ใน 4 ทวีป และพันธมิตรจากหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ สมุทรสาครพัฒนาเมือง (วิสาหกิจเพื่อสังคม) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง องค์การบริหารส่วนตำบลโคกขาม สำนักงานป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรสาคร สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสาคร และวงษ์พาณิชย์อำเภอบ้านแพ้ว พร้อมทั้งอาสาสมัครจากชุมชน โรงเรียน และกลุ่มอาสาในจังหวัดสมุทรสาคร โดยสามารถเก็บขยะได้ทั้งสิ้น 755 กิโลกรัม แบ่งออกเป็น ขยะพลาสติกกว่า 500 กิโลกรัม  ทั้ง​ถุงพลาสติก 302​ กก. ขวดพลาสติก 212  กก. ​โฟม​ 65​ กก. ขวดแก้ว 58 กก. ยางรถยนต์  30 กก. และ รองเท้า 26 กก. เป็นต้น

ทั้งนี้ ขยะที่เก็บได้จะถูกคัดแยกและจดบันทึกโดยเหล่าอาสาสมัครจากไทยยูเนี่ยนตามแนวทางของ International Coastal Cleanup (ICC) อันเป็นมาตรฐานสากลในการเก็บข้อมูลขยะทะเล ขยะที่สามารถรีไซเคิลได้และคัดแยกแล้ว จะนำไปแปรรูปโดย วงษ์พาณิชย์อำเภอบ้านแพ้ว ส่วนขยะที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้จะถูกหน่วยงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องนำไปแปรสภาพเป็นเชื้อเพลิง ภายใต้กระบวนการที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรอบด้าน

ยกระดับการทำงานเชิงรุก ‘ลดขยะพลาสติกในทะเล’

คุณอดัม เบรนนัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนและการสื่อสารองค์กร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า​ ปัจจุบันมีขยะพลาสติกราว 200 ล้านตันลอยอยู่ในมหาสมุทร ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อสิ่งมีชีวิตในท้องทะเลและระบบนิเวศชายฝั่ง แต่เราเชื่อว่าความเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นได้ ภายใต้พันธกิจของไทยยูเนี่ยนในการลดขยะพลาสติกในทะเล ในปีที่ผ่านมาเราสามารถลดขยะพลาสติกจำนวน 234 ตันไม่ให้ปนเปื้อนสู่แม่น้ำลำคลองและมหาสมุทร กิจกรรมเก็บขยะป่าชายเลนในครั้งนี้จึงเป็นอีกก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงพลังของพนักงาน พันธมิตร และชุมชน ในการร่วมสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้จริง​

ด้าน​ คุณปัญจพร คู่สามารถ Head of Corporate Communications และ คุณพรภัสรา เอกกุล ผู้จัดการแผนกฝ่ายการพัฒนาที่ยั่งยืนและกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า ​จัดกิจกรรมในปีนี้​ได้ขับเคลื่อนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยขับเคลื่อนการ​บรรลุเป้าหมาย 1,500 ตัน ซึ่งหลังประกาศกลยุทธ์ SeaChange ในปี 2023 ที่ผ่านมา ปัจจุบันสามารถเก็บขยะทะเลได้รวมกันแล้ว 436 ตัน หรือราว 1 ใน 3 จากเป้าหมาย ซึ่งการขับเคลื่อนจากนี้ TU จะเพิ่มการขับเคลื่อนเชิงรุกมากขึ้น ทั้งการขยายพันธมิตร ขยายพื้นที่การดำเนินการ รวมทั้งการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บขยะได้มากยิ่งขึ้น

“ไทยยูเนี่ยนมุ่งมั่นการทำงานร่วมกับพันธมิตร เพื่อลดปริมาณขยะพลาสติกในทะเลมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจับมือกับกลุ่ม Second Life เพื่อทำงานร่วมกับคนในท้องถิ่นในการจัดเก็บขยะพลาสติกในทะเล โดยนำร่องพื้นที่ระนอง กระบี่ และพังงา และตั้งเป้าเก็บขยะพลาสติกในทะเลปีละ 220 ตัน โดยปีที่ผ่านมาสามารถจัดเก็บได้รวมกันกว่า 100 ตัน นอกจากนี้ ยังเป็นภาคเอกชนไทยรายแรกที่จับมือกับ Seven Clean Seas ​สนับสนุนการติดตั้งเรือดักจับขยะ ‘ฮิปโป’ในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณวัดจากแดง จ.สมุทรปราการ เพื่อลดปริมาณขยะพลาสติกก่อนที่จะ​​ไหลลงสู่ทะเล ซึ่งปีที่ผ่านมาสามารถเก็บขยะได้ 200 กิโลกรัม โดยในปีนี้มีแผนยกระดับมาสู่ปฏิบัติการ River Barier เพื่อวางแนวเก็บขยะบริเวณริมตลิ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มเติม เพื่อสามารถเก็บขยะได้เพิ่มมากขึ้น”​

ส่วน​​​ในปีนี้ TU เพิ่มแผน​ยกระดับการทำงานร่วมกับพันธมิตรเพิ่มเติม เพื่อเก็บขยะพลาสติกได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยร่วมมือกับ ARRI (Aerial Recon & Recovery Initiative) ในการ​นำโดรนมาช่วยบินสำรวจเพื่อเข้าไปจัดเก็บขยะพลาสติกที่เกิดจากการทำประมง เช่น แห อวน หรืออุปกรณ์ประมงต่างๆ  ซึ่งเป็นขยะอีกหนึ่งประเภทที่มักจะถูกทิ้งไว้ในทะเล โดยนำร่องใน จ.สุราษฎร์ธานี พื้นที่เกาะพะงัน และเกาะพลวย พื้นที่ประมาณ 12 ตารางกิโลเมตร โดยใช้เวลาในการปฏิบัติการราว 6 เดือน พร้อม​​ตั้งเป้าเก็บกู้ขยะทะเลในกลุ่มอุปกรณ์ประมงจากโครงการได้ราว 3,000 กิโลกรัม หรือประมาณ 3 ตัน ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการจัดเก็บขยะพลาสติกในทะเลให้ถึง 1,500 ตัน ได้ตามเป้าหมาย

ประกาศ Milestones ​ขับเคลื่อน SeaChange 2030

นอกจาก ภารกิจในการลดปริมาณขยะทะเล 1,500 ตันแล้ว ภายใต้กลยุทธ์ SeaChange 2030  ยังมีอีก 2 เป้าหมายสำคัญทั้ง Ecosystem Restoration และ Corporate Citizenship โดยมุ่งขับเคลื่อนผ่าน​ระบบ​การจัดหาวัตถุดิบ รวมทั้งการผลิตและการกระจายสินค้าไปสู่ผู้บริโภคและชุมชนตลอดห่วงโซ่ ​แบ่งเป็น 11 ภารกิจ ตั้งแต่การมุ่งสู่ Net zero, การทำงานอย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์, การทำประมงอย่างรับผิดชอบ,  เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างรับผิดชอบ, ทำเกษตรอย่างรับผิดชอบ, ฟื้นฟูระบบนิเวศ,  การมีระบบการผลิตที่เป็นเลิศ, พัฒนาบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน, ลดปริมาณขยะพลาสติกในทะเล, การดูแลโภชนาการและสุขภาพ และการเป็นพลเมืองที่ดีของสังคม

โดยในปีที่ผ่านมา สามารถขับเคลื่อนเป้าหมายด้านความยั่งยืนในแต่ละมิติได้อย่างมีพัฒนาการที่ดี​ เช่น

– การทำประมงอย่างรับผิดชอบ โดย 98.9% ของปลาทูน่าที่จัดซื้อ ได้รับการันตีว่ามาจากการแหล่งประมงตามมาตรฐาน MSC หรือโครงการพัฒนาประมง (Fishery Improvement Program; FIPs) ซึ่งเพิ่มขึ้น 14% จากปีก่อนหน้า

– 97% ของห่วงโซ่อุปทานปลาทูน่าของบริษัท สามารถตรวจสอบ on-the-water monitoring ได้ และคาดว่าจะสามารถตรวจสอบได้ทั้ง 100% ​​ภายในสิ้น​ปีนี้ ​โดย​ปีที่ผ่านมาสามารถขับเคลื่อน​เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า  7%

– ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 1 และ 2 ลง 21%

– โรงงานและศูนย์กระจายสินค้าของไทยยูเนี่ยนจำนวน 23 แห่ง จากทั้งหมด 32 แห่ง สามารถบรรลุเป้าหมายเรื่องการทำขยะฝังกลบเป็นศูนย์

– เปิดตัว “โครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในฟาร์มกุ้ง” (Lower Carbon Shrimp Program) ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิตกุ้ง ในขอบเขตที่ 3

– ลดปริมาณขยะพลาสติกในแม่น้ำและมหาสมุทรได้ 234 ตัน

ยังมีความสำเร็จอื่นๆ ​จาก​การพัฒนาศักยภาพในการกระบวนการผลิต เพื่อสร้างอิมแพ็คที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน ที่ตั้งเป้าให้บรรจุภัณฑ์ทั้งหมดสามารถรีไซเคิลได้ 100% โดยการออกแบบบรรจุภัณฑ์กระป๋อง ECOTWIST ที่ใช้นวัตกรรม SmartStrip ด้วยการนำ​กระป๋องมาวางต่อกันในแนวสูงและสามารถบิดออกจากกันได้ โดยไม่ต้องใช้พลาสติก (Shrink Wrap) ทำให้ลดปริมาณการใช้ลงได้มากถึง 65 ตันต่อปี รวมทั้งลดการใช้บรรจุภัณฑ์ลังกระดาษ 300 ตันต่อปี

ขณะที่น้ำหนักกระป๋องดีไซน์ใหม่ที่เล็กและเบาลง​ แต่บรรจุได้ในปริมาณเท่าเดิม ทำให้ลดการใช้​เหล็กได้กว่า 400 ตันต่อปี รวมทั้งช่วยลดปริมาณการใช้วัตถุดิบในส่วนประกอบในกระป๋อง เช่น น้ำมันทานะวัน น้ำแร่ น้ำเกลือ ซึ่งผู้บริโภคไม่นิยมรับประทานอยู่แล้ว​ ทำให้ลดการใช้ทรัพยากรลงได้กว่า 1,500 ตันต่อปี และกระป๋องสามารถนำไปรีไซเคิลได้ง่าย โดยไม่ต้องแยก​ SmartStrip® ออกจากกระป๋อง

ความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนด้านความยั่งยืน รวมทั้งการขยายความร่วมมือกับพันธมมิตรอย่างต่อเนื่อง ​ไม่เพียงตอกย้ำความมุ่งมั่นของไทยยูเนี่ยนในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน แต่ยังเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการผนึกกำลังระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อดูแลปกป้องแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่มีความสำคัญยิ่งต่อระบบเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลก