Top StoriesTrending

WHA Group เดินหน้าสร้างสถิติ All-Time High ต่อเนื่องปีที่ 4 รับ FDI โต ย้ำวิสัยทัศน์ Green กินได้ พร้อมเพิ่มบริการโซลูชั่นวัดคาร์บอนช่วยลูกค้าขับเคลื่อน Net zero

แม้ครึ่งปีแรกเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (WHA Group) ยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ​พร้อมสร้างสถิติเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All-Time High)​ ด้วยรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไร 9,325 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากปีก่อน และกำไรปกติสูงสุด 3,148 ล้านบาท เติบโต 24%

โดยคาดว่าจะสร้าง​​ All-Time High ต่อเนื่องปีที่ 4 ได้สำเร็จ จาก​การเติบโตของเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ซึ่งขยายตัวในช่วงครึ่งปีแรก​กว่า 132% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้เผชิญความท้าทายจากสภาพเศรษฐกิจโลก

คุณจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (WHA Group) กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีแรกประเทศไทยมีการขอรับการส่งเสริมการลงทุนกว่า 1.05 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 139%  โดย FDI ขยายตัว 132% เป็นมูลค่า 7.38 แสนล้านบาท ​​ ส่วนใหญ่มาจากสิงคโปร์ ฮ่องกง จีน สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น เน้นการลงทุนใน Data Center และเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูง สะท้อนบทบาทไทยในฐานะ Digital Hub ของอาเซียน

โดย​พื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ยัง​เป็นศูนย์กลาง​การลงทุนด้วยสัดส่วน 61% ของการขอรับการส่งเสริมการลงทุนทั้งหมด สร้างอานิสสงส์ให้​ WHA Group ทั้งกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน ดิจิทัล และโมบิลิตี้ โดยเฉพาะการเป็นผู้นำด้านนิคมอุตสาหกรรมที่ครึ่งปีแรกสามารถทำยอดขายที่ดินได้ 1,105 ไร่ และโอนกรรมสิทธิ์แล้ว 1,143 ไร่  พร้อม Backlog รอโอน 1,467 ไร่ มูลค่า 7,695 ล้านบาท และ มี หนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) / บันทึกแสดงความเข้าใจ (MOU) อีก 1,427 ไร่ มูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท จากลูกค้าหลากหลายอุตสาหกรรม
ทั้ง อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และ Data Center

เติบโตต่อเนื่องทุกกลุ่มธุรกิจหลัก

ธุรกิจโลจิสติกส์ ขยายตัวต่อเนื่อง ครึ่งปีแรกมีสัญญาพื้นที่ให้เช่าใหม่และสัญญาเช่าใหม่รวมกว่า 123,000 ตารางเมตร มูลค่า 2,153 ล้านบาท โดยมูลค่าต่อตารางเมตรสูงกว่าปีก่อน สะท้อนความต้องการพื้นที่คุณภาพภายในอุตสาหกรรม  ล่าสุดเปิดโครงการ WHA Mega Logistics Center ชลหารพิจิตร กม.4 โปรเจกต์ 2 พื้นที่รวม 300,000 ตารางเมตร โดยมี บริษัท ดับบลิวเอชเอ จีซี โลจิสติกส์ จำกัด (WGCL)  เป็นลูกค้ารายแรกเช่าพื้นที่ 22,000 ตารางเมตร

พร้อมขยายการลงทุนในเวียดนาม โดยโครงการในจังหวัดฮึงเอียน (Hung Yen) แล้วเสร็จตามแผน และอยู่ระหว่างศึกษาพัฒนาแห่งใหม่ที่จังหวัดทัญฮว้า (Thanh Hoa) ส่งผลให้ปีนี้จะมีพื้นที่ภายใต้การบริหารรวมกว่า 3,213,000 ตารางเมตร โดยมีเป้าปล่อยเช่าใหม่ 200,000 ตารางเมตร และแผนขายทรัพย์สินให้กองทรัสต์ WHART ประมาณ 70,000 ตารางเมตร มูลค่า 1,500 ล้านบาท

 – ธุรกิจโมบิลิตี้ ภายใต้แบรนด์ Mobilix ยังคงเดินหน้าสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าแบบ Built-to-Suit ครบวงจรทั้งบริการเช่ารถยนต์ไฟฟ้า (EV Rental Service) ซอฟต์แวร์โซลูชัน (Mobilix Software Solution)  และสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Solutions) ตอบโจทย์ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (Commercial EV) ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

แม้มีการปรับลดเป้าหมายการปล่อยเช่ารถในปีนี้เหลือ 539 คัน จากปัญหาซัพพลายเชน แต่แนวโน้มยังแข็งแกร่ง จากความต้องการของภาคขนส่งที่มุ่งลดคาร์บอน (Decarbonize Transportation) ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญต่อการเติบโตระยะยาว

ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม  หัวใจสำคัญในการรองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ปัจจุบันมีนิคม 16 แห่งในไทยและเวียดนาม โดยช่วง 3 ปีที่ผ่านมา กลุ่มลูกค้าดิจิทัลเทคโนโลยี เช่น Data Center ขยายตัวโดดเด่นคิดเป็น 16% ของฐานลูกค้าทั้งหมด

พร้อมอยู่ระหว่าง​พัฒนาโครงการใหม่ 6 โครงการ รวมกว่า 10,190 ไร่ ไฮไลต์ คือ โครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 5 (WHA ESIE 5) พื้นที่กว่า 6,370 ไร่ ภายใต้แนวคิด Smart Eco Industrial Estate ที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฟสแรกพร้อมส่งมอบในไตรมาส 3 ปีนี้ และคาดโอนแปลงแรกได้ในไตรมาส 1 ปี 2569

ส่วนเวียดนาม ปัจจุบันมี 1 โครงการที่เหงะอาน (Nghe An) และอยู่ระหว่างพัฒนาเพิ่ม 3 โครงการ รวม 3,391 ไร่ ภายในปี 2568-2569 พร้อมลงนาม MOU กับจังหวัดทัญฮว้า (Thanh Hoa) ดานัง (Da Nang) และฮึงเอียน (Hung Yen)  เพื่อรองรับการขยายในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ดินปี 2568 รวม 2,350 ไร่  โดยมีราคาขายเฉลี่ย ต่อไร่เพิ่มขึ้นกว่า 10%

ธุรกิจสาธารณูปโภค กลุ่มธุรกิจน้ำ เติบโตต่อเนื่องจากผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value-added Water) ที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 29% และรายได้ใหม่จากค่าบริการพิเศษ (Excessive Charge) สำหรับลูกค้าที่ใช้น้ำปริมาณมาก เช่น Data Center แม้ว่ายอดขายน้ำอุตสาหกรรมและน้ำดิบรวมจะลดลงเล็กน้อย แต่เวียดนามยังคงเติบโตต่อเนื่องโดยเฉพาะโครงการ Doung River ส่งผลให้บริษัทมีปริมาณการขายน้ำรวม 18.6 ล้านลูกบาศก์เมตร และตั้งเป้าปี 2568 ไว้ที่ 166 ล้านลูกบาศก์เมตร

ส่วนธุรกิจไฟฟ้า เดินหน้าพัฒนาพลังงานหมุนเวียน โดยครึ่งปีแรกมีกำลังการผลิตตามสัญญา (PPA) รวม 991 เมกะวัตต์ ในจำนวนนี้เป็นพลังงานหมุนเวียน 463 เมกะวัตต์ โดยมีโครงการโซลาร์ที่ COD แล้ว 156 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างพัฒนาอีก 285 เมกะวัตต์ ตั้งเป้าสิ้นปีเพิ่มเป็น 1,185 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ ยังเดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์ม RENEX ซื้อขายพลังงานสะอาดแบบ Peer-to-Peer และบริการใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (REC) เพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืนของลูกค้า อีกทั้งพร้อมเตรียมรองรับความต้องการพลังงานสะอาดในปริมาณมากของ Data Center

ธุรกิจดิจิทัล เพิ่มบทบาทสำคัญในการเสริมศักยภาพกลุ่มธุรกิจ ผ่านการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น AI และ IoT โดยมีโครงการ AI Transformation กว่า 12 โครงการ เช่น Drone Inspection Solution และ IoX Platform for Solar พร้อมพัฒนาแพลตฟอร์ม Mobilix Software Solution และแอปพลิเคชัน WHASApp ซึ่งมีผู้ใช้งานแล้วกว่า 1,500 ราย

​ล่าสุดได้เพิ่มฟีเจอร์ CO2 ZERO สำหรับรายงานคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้ตามมาตรฐาน เพื่อต่อยอดจากการใช้งานเองไปสู่การเพิ่มบริการให้กับลูกค้า โดยมี​ลูกค้าใช้บริการแล้ว 15 ราย และอยู่ระหว่างการเวิร์กช็อปและเพิ่มเทรนนิ่ง เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้แพลตฟอร์มได้อย่างยั่งยืน เพื่อช่วย​วางรากฐาน Data Driven ​เพื่อขับเคลื่อน Sustainability ภายในธุรกิจ และบรรลุ Net Zero ได้ตามเป้าหมาย

ขับเคลื่อน ‘ความยั่งยืน’ ทั้งรักษ์โลกและสร้างรายได้

WHA Group ยังให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนความยั่งยืนในธุรกิจต่อเนื่อง เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนในมิติต่างๆ ทั้งการมุ่งสู่ Net zero ตามกรอบ SBTi ทั้งสโคป 1,2 และ 3 ภายในปี 2050 โดยปัจจุบันสามารถนำคาร์บอนที่ลดได้จากธุรกิจพลังงานสะอาดรวมกันกว่า 6.1 หมื่นตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO2e) ชดเชยคาร์บอนฟุตพรินท์ในสโคป 1,2 ของบริษัทที่มี Carbon Emission ทั้งหมดรวมกันราว 2.1 -2.2 หมื่นตัน CO2e ได้ทั้งหมดแล้ว และได้เริ่มต้นเพื่อ​ชดเชยการปลดปล่อยในสโคปที่ 3 แล้ว

ขณะเดียวกัน ได้ขับเคลื่อนการดำเนินงานในมิติอื่นๆ ต่อเนื่อง ทั้งการขับเคลื่อน Circularity ที่ตั้งเป้าหมาย Green Procurement 50% ภายในปี 2030 และเพิ่มเป็น  100% ในปี 2050 รวมทั้งการบริหารจัดการและบำบัดน้ำ 70% ในปี 2030 และเพิ่มเป็น 100% ในปี 2050 รวมทั้งการดูแลความหลากหลายทางธรรมชาติ ทั้งการรักษาสมดุลเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ (No Net Loss) ไปจนถึงการฟื้นฟูเพื่อความอุดมสมบูรณ์ให้ธรรมชาติได้เพิ่มมากขึ้น (Net Positive) ภายในปี 2050 อีกดัวย

ทั้งนี้ WHA Group มุ่งขับเคลื่อนความยั่งยืน ผ่าน 5 ภารกิจ ประกอบด้วย Green Mobility, Water Conservation, Decarbonization, Green Construction และ Waste Reduction by 3R ภายใต้แนวคิด ‘กรีนที่กินได้’ ที่เชื่อว่าความยั่งยืนไม่ใช่ต้นทุน แต่คือการลงทุนเพื่ออนาคต พร้อมบทพิสูจน์ผ่านรายได้ในกลุ่ม Green ที่เริ่มสร้างผลตอบแทนให้บริษัทอย่างจับต้องได้ โดยปี 2024 ที่ผ่านมา ​กลุ่มรถ EV ของ Mobilix ​สร้างรายได้ 132 ล้านบาท พร้อมช่วยลดคาร์บอนได้กว่า 2,800 ตัน CO2e กลุ่มพลังงานที่ผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดได้แล้ว 437 เมกะวัตต์ สร้างรายได้ 493 ล้านบาท พร้อมลดคาร์บอนได้กว่า 6.1 หมื่นตัน รวมทั้งการบำบัดน้ำกว่า 7.6 ล้านลูกบาสก์เมตร สร้างรายได้ 303 ล้านบาท เทียบเท่าได้กับการใช้น้ำของครัวเรือนกว่า 2 แสนคน

โดยตามแผน 5 ปี ​ หรือภายในปี 2029 คาดว่าทั้งรายได้และการลดคาร์บอนจะเติบโตได้ต่อเนื่อง ภายใต้เงินลงทุน 4.8 หมื่นล้านบาท เพื่อผลักดันและเพิ่มสเกลธุรกิจในฟาก Green ให้เติบโตตามเป้าหมาย โดยกลุ่ม Mobilix จะมีรถเพิ่มเป็น 2 หมื่นคัน รายได้จะเพิ่มเป็น 1.1 หมื่นล้านบาท  คาร์บอนลดลงได้ปีละกว่า 2.8 แสนตัน CO2e พร้อมทั้งช่วยลดต้นทุนการลงทุนและดำเนินงานให้​ลูกค้าได้รวมกันกว่า 3.7  หมื่นล้านบาท ขณะที่ส่วน Renewable จะเติบโตเป็น  1,200 เมกะวัตต์ สร้างรายได้ 5,600 ล้านบาท และช่วยลูกค้าประหยัดค่าไฟลงได้ 1,860 ล้านบาท  ขณะที่กลุ่มธุรกิจน้ำ จะเพิ่มเป็น 24 ล้านลูกบาศก์เมตร  เทียบเท่าการใช้งานในครัวเรือนเกือบ 7 แสนคน และคาดว่าจะสร้างรายได้ประมาณ 1,800 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีแผนธุรกิจที่กำลังศึกษาในอนาคต อาทิ CCUS, SMR หรือการต่อยอด Waste Management ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่จะเข้ามาเติมเต็มศักยภาพ และสะท้อนศักยภาพของแนวคิด ‘กรีนกินได้‘ ของ WHA Group และการทำเรื่องกรีนไม่ใช่ต้นทุน แต่เป็นการลงทุนที่สุดท้ายจะสร้างผลตอบแทนคืนให้กับบริษัทได้อย่างคุ้มค่าในที่สุด

“ปีนี้คาดว่ารายได้รวมทั้งปีจะเติบโตอยู่ที่ 2 แสนล้านบาท ​ภายใต้​การลงทุนทั้งปี  1.7 -1.8 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่ราว 1.1 -1.2 หมื่นล้าน อยู่ในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม กลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภค 2,700 ล้านบาท โลจิสติกส์ 1,900 ล้านบาท  โมบิลิตี้ 650 ล้านบาท และดิจิทัล 450 ล้านบาท สะท้อนความมั่นใจของ WHA Group  ต่อประเทศไทย และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่อนาคตที่ดีกว่า แข็งแกร่งกว่า และยั่งยืนกว่า โดยเรามีหน้าที่ในการดึงการลงทุนที่ดี ดึงอนาคตที่ดีเข้ามาให้กับประเทศไทย ได้อย่างต่อเนื่อง โดยความสำเร็จของ WHA Group คือบทพิสูจน์วิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการสร้างระบบนิเวศธุรกิจที่ยั่งยืน พร้อมนำเทรนด์ ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง และร่วมเสริมขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีโลก ภายใต้พันธกิจ WHA: WE SHAPE THE FUTURE” คุณจรีพร กล่าวสรุป