ศ.วิทวัส รุ่งเรืองผล ภาควิชาการตลาด มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ กรรมการการบริหารสมาคมการตลาด แห่งประเทศไทย ให้ความเห็นต่อกรณีปรากฏการณ์คนดังเข้าไปไลฟ์สดขายสินค้าในช่องเจนนี่ จนมียอดขายล้นหลามในเวลาอันสั้น
นอกจากความเสี่ยงในเรื่องของการยกเลิกการสั่งซื้อแล้วอีกประเด็นหนึ่งที่เป็นความเสี่ยงที่เริ่มมีการพูดถึงคือเรื่องของความล่อแหลมที่อาจผิดกฎหมายว่าด้วยการขายตรงและการตลาดแบบตรง ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
กฎหมายนี้ สาระสำคัญคือ
1. การขายของออนไลน์ ถือว่าเข้าข่าย การตลาดแบบตรง ตามกฎหมายต้องยื่นเอกสารเพื่อขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) (อ้างอิง พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2560)
2. ถ้าไม่อยากมีปัญหา ต้องเข้าใจข้อยกเว้นตามกฎหมาย คือ ถ้าผู้ขายไม่ได้จดทะเบียนนิติบุคคล เช่น เป็นบุคคลธรรมดา แล้วยอดรายได้ต่อปี ต่ำกว่า 1.8 ล้านต่อปี (ยอดขายรวมทั้งปีทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์)
หรือ ถ้าเป็นนิติบุคคลที่เป็น SMEs ถ้าเป็นผู้ผลิตเอง รายได้ต่อปี ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ ต้องไม่เกิน 500 ล้าน
แต่ถ้าเป็นการซื้อมาจำหน่าย โดยไม่ได้มีโรงงานผลิตของตนเอง รายได้ต่อปี ต้องไม่เกิน 300 ล้าน (ต้องจดทะเบียนนิติบุคคล และ มีการยื่นงบการเงินปีล่าสุดกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จึงจะเข้าข่ายได้รับการยกเว้น)
(อ้างอิงจากกฎกระทรวงกำหนดการซื้อขายสินค้าหรือบริการ โดยวิธีการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ถือว่าเป็นตลาดแบบตรง พศ.อ2561 ของ สคบ. ที่ให้ข้อยกเว้นกับนิติบุคคลที่ขึ้นทะเบียน ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อม. และ ประกาศของ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจกขนาดกลางและขยาอย่อม (สสว.) ที่ ว่า “ผู้ประกอบการ SMEs ที่มีการจดทะเบียนนิติบุคคล และยังดำเนินกิจการอยู่ ให้ถือว่าขึ้นทะเบียน กับสสว.)
ถ้าไม่เข้าข่ายที่ได้รับการยกเว้น ผิดแล้วเป็นอย่างไร
สำหรับนิติบุคคลที่มีรายได้ หรือ จำนวนพนักงานเกินนิยามของ SMEs หากดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการขายของออนไลน์ ท่านต้องติดต่อขอขึ้นทะเบียนขออนุญาตกับ สคบ.
หากถูกตรวจสอบขึ้นมา จะโดนปรับ โดยค่าปรับ สำหรับความผิดครั้งแรก จะปรับ 2/3 ของ 100,000 บาท ถ้าเป็นนิติบุคคล จะโดนสองเท่า (2/3*100,000) x 2 โดยสามารถเข้าไปดูได้ว่ามีบริษัทใดบ้างที่จดทะเบียนกับ สคบ. ได้ในเวบไซด์ของ สคบ.