PR News

ซิลลิค ฟาร์มา เดินหน้าขับเคลื่อนการเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างยั่งยืนในประเทศไทย  

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่เพิ่มสูงขึ้น ควบคู่ไปกับสังคมผู้สูงอายุที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันประเทศไทยยังตั้งเป้าขับเคลื่อนสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี พ.. 2593 คุณพักตร์นลิน บูลกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด เปิดมุมมองการสร้างซัพพลายเชนที่แข็งแกร่ง พันธมิตรและเทคโนโลยีที่เชื่อถือได้ที่จะช่วยยกระดับการเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างยั่งยืน 

ระบบสุขภาพของประเทศไทยกำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ ซึ่งในปี พ.ศ. 2567 โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวานเป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของประเทศ ประกอบกับการมีจำนวนประชากรผู้สูงอายุมากกว่า 14 ล้านคนหรือนับเป็น 20.2% ของประชากรในประเทศไทย* นับเป็นความท้าทายของโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์มาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งในปัจจุบันประเทศไทยยังคงมุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลงทางด้านสภาพภูมิอากาศ โดยตั้งเป้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนให้ได้ภายในปี พ.ศ. 2593** และภาวะการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ.2608*** ซึ่งส่งผลให้ทุกภาคส่วนรวมถึงระบบสุขภาพต้องปรับตัวมุ่งสู่ความยั่งยืนมากขึ้น เพราะฉะนั้นการเข้าถึงยาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็นจึงไม่ได้แสดงถึงศักยภาพทางด้านโลจิสติกส์เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่มียังบทบาทสำคัญในระดับประเทศที่จะช่วยพัฒนาระบบสุขภาพของไทยในอนาคต

ในฐานะผู้ให้บริการด้านสุขภาพแบบครบวงจรในเอเชีย บทบาทของเรา คือ การให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาและเวชภัณฑ์ด้วยการให้บริการสุขภาพที่เชื่อถือได้อย่างปลอดภัย และมีความรับผิดชอบ คุณพักตร์นลิน บูลกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด กล่าวต่อ “เรามุ่งขับเคลื่อนนวัตกรรมศูนย์กระจายสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิที่มีความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ ด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัย พร้อมเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อยกระดับ และเพิ่มความแข็งแกร่งของระบบสุขภาพของประเทศอย่างยั่งยืน

หัวใจสำคัญในการเป็นผู้นำการให้บริการสุขภาพแบบครบวงจร ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงการกระจายสินค้าเท่านั้น ซิลลิค ฟาร์มา ยังช่วยสนับสนุนพันธมิตรตั้งแต่การสนับสนุนการทดลองยาวิจัย การนำเข้าสู่ตลาดเชิงพาณิชย์ ไปจนถึงการกระจายสินค้า โมเดลโซลูชันอุตสาหกรรมแบบครบวงจรเช่นนี้เอื้อให้ผู้ผลิต ร้านค้า และบุคลากรทางการแพทย์สามารถส่งมอบอุปกรณ์ ยา และเวชภัณฑ์ให้กับผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลซึ่งมีสภาพอากาศที่ท้าทายต่อการกระจายสินค้าที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ เพื่อให้ทุกชุมชนเข้าถึงยาและนวัตกรรมที่เชื่อถือได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

การบริหารจัดการห่วงโซ่ความเย็นเป็นหนึ่งในจุดแข็งสำคัญของ ซิลลิค ฟาร์มา ด้วยศักยภาพการดำเนินงานและโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการกระจายยาและเวชภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ซิลลิค ฟาร์มา ได้ส่งมอบวัคซีนมากกว่า 80% ของประเทศไทย รวมถึงชีวเภสัชภัณฑ์ อาทิ ยาต้านมะเร็ง หรือ นวัตกรรมยารักษาโรคเบาหวาน บริษัทจึงมั่นใจว่า สินค้าที่ต้องควบคุมอุณหภูมิสามารถส่งถึงมือผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ล่าสุดซิลลิค ฟาร์มา ได้ลงทุนมากกว่า 130 ล้านบาท เพื่อขยายศูนย์กระจายสินค้าด้านเภสัชภัณฑ์ที่ต้องควบคุมอุณหภูมิระหว่าง 2-8◦C และ -20◦C ที่มาพร้อมด้วยระบบและอุปกรณ์ที่ออกแบบมาโดยคำนึงถึงความยั่งยืนเป็นสำคัญ  ซึ่งสะท้อนถึงพันธกิจหลักและความมุ่งมั่นของซิลลิค ฟาร์มา ในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

เทคโนโลยีถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ซิลลิค ฟาร์มา เป็นผู้นำด้านการให้บริการสุขภาพแบบครบวงจร eZCooler  บรรจุภัณฑ์ควบคุมอุณหภูมิแบบนำกลับมาใช้ซ้ำได้ของซิลลิค ฟาร์มา สามารถคงอุณหภูมิระหว่าง 2-8◦C ได้นานสูงสุดถึง 4 วัน เพื่อคงคุณภาพสูงสุดของผลิตภัณฑ์พร้อมลดผลกระทบจากการปล่อยคาร์บอน ขณะที่ EZ Rx แพลตฟอร์มสั่งซื้อยาและเวชภัณฑ์แบบดิจิทัล ช่วยให้ร้านขายยา ร้านจำหน่ายเวชภัณฑ์ ผู้ค้าปลีก และพันธมิตรอื่น ๆ สามารถจัดซื้อได้สะดวกขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดงานเอกสาร ลดความผิดพลาด ลดการใช้ทรัพยากร และยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนในการดำเนินงานซัพพลายเชนตั้งแต่ขั้นตอนการจัดซื้อไปจนถึงการกระจายสินค้า เพื่อสนับสนุนความยั่งยืนของอุตสาหกรรมสุขภาพอีกด้วย

ระบบห่วงโซ่ความเย็นของเรานั้นเป็นมากกว่าเพียงระบบโลจิสติกส์ แต่ คือ หัวใจสำคัญส่วนหนึ่งของระบบสุขภาพ ซึ่งพันธกิจของซิลลิค ฟาร์มา จะสำเร็จอย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อผู้ป่วยสามารถเข้าถึงวัคซีน ยา และเวชภัณฑ์ได้อย่างทั่วถึง และเชื่อมั่นว่า ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับนั้นปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด” คุณพักตร์นลิน เสริม

นอกเหนือจากธุรกิจยาและเวชภัณฑ์ ซิลลิค ฟาร์มา ยังครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์ด้านเวชศาสตร์ความงาม อุปกรณ์ทางการแพทย์ และผลิตภัณฑ์ดูแลรักษาสุขภาพสัตว์ในช่องทางต่างๆ พร้อมทั้งลงทุนอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาความสามารถในการเป็นพันธมิตรด้านการบริการสำหรับระบบสุขภาพที่ไว้วางใจได้

เป้าหมายของเรา คือ การขยายการเข้าถึงการดูแลรักษาสุขภาพให้เป็นไปได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นหลักการสำคัญในการดำเนินงานของเราคุณพักตร์นลินกล่าวย้ำ “เราไม่ได้มองตัวเองเป็นเพียงพันธมิตรด้านโซลูชันภาคธุรกิจเท่านั้น แต่เรายังเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างระบบสุขภาพของประเทศที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนให้ยา วัคซีน เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และนวัตกรรมต่างๆ สามารถส่งต่อถึงผู้ที่ต้องการได้อย่างแท้จริง

ในฐานะผู้นำด้านการให้บริการสุขภาพแบบครบวงจรของเอเชีย ซิลลิค ฟาร์มา ยังครอบคลุมไปถึงด้านความยั่งยืนและผลกระทบเชิงสังคมด้วย ในระดับภูมิภาค ซิลลิค ฟาร์มาได้รับรางวัล EcoVadis ระดับ Platinum เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับบริษัทที่มีหลักการทำงานด้านความยั่งยืน  และได้รับการประเมินด้านสิ่งแวดล้อมจาก CDP อยู่ในระดับ A ในด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วโลก ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของอุตสาหกรรมการขนส่งทางบก และอยู่ในระดับ A ในด้านการมีส่วนร่วมของซัพพลายเออร์ระดับโลกเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ซึ่งทำให้บริษัทก้าวสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลกสำหรับการดำเนินงานในอุตสาหกรรมสุขภาพอย่างยั่งยืน

โดยปัจจุบัน บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด ยังคงยืนหยัดด้วยมาตรฐานด้านคุณภาพและความปลอดภัยระดับสากลที่ได้รับการยอมรับในอุตสาหกรรมสุขภาพทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นระบบริหารคุณภาพ ISO 9001:2015 ระบบบริหารคุณภาพสำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์ ISO 13485:2016 และระบบบริหารคุณภาพข้อมูลสารสนเทศ ISO 27001:2022 รวมถึงการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านการจัดเก็บและกระจายอย่างเหมาะสมตามมาตรฐาน GSDP, GDP ของศูนย์กระจายสินค้าเครื่องมือแพทย์ และ GDP ตลอดจนแนวปฏิบัติด้านคุณภาพอย่าง GCP และ GMP ตลอดจนมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับการจัดการห่วงโซ่อุปทานและการขนส่งสินค้ามูลค่าสูง ภายใต้กรอบมาตรฐาน TAPA อีกทั้งยังได้รับการรับรองจาก UN Women Thailand กับรางวัล WEPs Award ประจำปี พ.ศ. 2567 ที่ตอกย้ำบทบาทของซิลลิค ฟาร์มา ในการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศในสถานที่ทำงาน ซึ่งเสริมสร้างความมั่นใจให้กับเหล่าพนักงาน และช่วยยกระดับคุณภาพการให้บริการพันธมิตรและผู้ป่วย และรางวัลประเภทศูนย์เรียนรู้สุขภาวะคุณธรรม ประจำปี พ.ศ. 2567 จากรางวัล สุข + ดี อย่างมีพลัง โดยศูนย์คุณธรรมและสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่สะท้อนความมุ่งมั่นของ ซิลลิค ฟาร์มา ในการปลูกฝังค่านิยมด้านจริยธรรมและความดีงามภายในองค์กร เพื่อส่งมอบบริการด้านสุขภาพแบบครบวงจรอย่างมีความรับผิดชอบและซื่อสัตย์

 

นอกจากนั้นแล้ว ซิลลิค ฟาร์มา ยังได้ดำเนินโครงการแปรรูปขยะเป็นพลังงานด้วยการผลิตเชื้อเพลิงจากขยะมูลฝอย (Refuse Derived Fuel: RDF) โดยเป็นการแปรรูปขยะที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ให้กลายเป็นแหล่งพลังงานที่มีคุณค่า พร้อมทั้งดำเนินการรีไซเคิลขยะอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมาก รวมถึงการบริหารจัดการยานพาหนะร่วมอย่างมีระบบ (Shared Fleet Management) และยังมีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในศูนย์กระจายสินค้าอีกด้วย  ซิลลิค ฟาร์มา ยังคงมุ่งมั่นส่งเสริมความยั่งยืนทางด้านการศึกษา โดยสนับสนุนความรู้และความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในสังคม รวมถึงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่า สิ่งเหล่านี้จะสามารถช่วยสร้างสังคมและชุมชนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นได้

คุณพักตร์นลินกล่าวปิดท้าย ระบบการดูแลรักษาสุขภาพไม่ได้เกิดจากปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งเท่านั้น หากแต่เป็นระบบที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์ หน่วยงานกำกับดูแล ผู้คิดค้นนวัตกรรม ไปจนถึงคนในชุมชน กลยุทธ์ของซิลลิค ฟาร์มา คือ การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบสุขภาพ ผ่านซัพพลายเชนที่พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง โซลูชันที่เชื่อถือได้ และการดำเนินงานที่ยั่งยืน ด้วยการร่วมมือกันของทุกภาคส่วน เราจะสามารถยกระดับทั้งการเข้าถึงและมาตรฐานการดำเนินการต่าง ๆ ของระบบสุขภาพให้พร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน