แกร็บ ประเทศไทย ผู้นำแพลตฟอร์มเรียกรถอันดับ 1 ผนึกสมาคมการค้าเครือข่ายแท็กซี่ไทย พร้อมด้วยพันธมิตรภาครัฐ-เอกชน จัดงาน “แท็กซี่ยุคใหม่ พร้อมใจเปลี่ยน” หนุนคนขับแท็กซี่จาก 5 สหกรณ์ใหญ่ ได้แก่ สหกรณ์แท็กซี่สยาม สหกรณ์มิตรแท้แท็กซี่ สหกรณ์แท็กซี่ภูมิพลัง สหกรณ์แท็กซี่สหมิตร และสหกรณ์แท็กซี่เหลืองทอง
ปรับเปลี่ยนมุมมอง พร้อมเสริมทักษะและความรู้เพื่อเตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัลผ่าน 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่ “เปลี่ยนสู่สิ่งแวดล้อมที่ดีกว่า” ที่เปิดโอกาสให้ได้ทดลองและเรียนรู้เกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้า “เปลี่ยนสู่สุขภาวะที่ดีกว่า” เพื่อชวนให้หันมาดูแลสุขภาพและใส่ใจในเรื่องความปลอดภัยระหว่างการให้บริการ และ “เปลี่ยนสู่การให้บริการที่ดีกว่า” ด้วยการเสริมทักษะด้านดิจิทัล พร้อมแนะนำช่องทางในการสร้างรายได้เสริมและสิทธิประโยชน์บนแพลตฟอร์มแกร็บ
นางสาวเมธิณี อนวัชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจการเดินทางและบริหารคนขับ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “แกร็บดำเนินงานในประเทศไทยมาเป็นเวลากว่า 12 ปี โดยเริ่มต้นจากการให้บริการ GrabTaxi ก่อนที่จะขยายบริการเรียกรถให้มีความหลากหลาย และครอบคลุมทุกความต้องการของผู้ใช้อย่างเช่นปัจจุบัน โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เรามุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสร้างมาตรฐานการให้บริการ ที่มาพร้อมกับความสะดวกและความปลอดภัยให้กับคนขับและผู้โดยสาร รวมถึงเรายังได้ทำงานร่วมกับกลุ่มคนขับแท็กซี่อย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยกันยกระดับขนส่งมวลชนไทยให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งสำหรับในปีนี้ แกร็บ ยังคงเดินหน้าสนับสนุนกลุ่มคนขับแท็กซี่อย่างต่อเนื่อง ด้วยการจับมือกับสมาคมการค้าเครือข่ายแท็กซี่ไทย จัดงาน ‘แท็กซี่ยุคใหม่ พร้อมใจเปลี่ยน’ เพื่อเชิญชวนคนขับแท็กซี่จากสหกรณ์ในเครือข่ายมาร่วมเรียนรู้ทักษะใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมในการก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างมั่นใจ และสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมการเดินทางได้อย่างยั่งยืน”
นายวิฑูรย์ แนวพานิช นายกสมาคมการค้าเครือข่ายแท็กซี่ไทย และประธานเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “ปัจจุบันคนขับแท็กซี่ต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งจากต้นทุนค่าครองชีพ และค่าเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น รวมถึงเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้โดยสารที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทำให้รูปแบบการทำงานของแท็กซี่ไทยจำเป็นต้องเกิดการ ‘เปลี่ยนแปลง’ เพื่อปรับตัวให้ทันต่อสภาพแวดล้อมการทำงานยุคใหม่ ซึ่งถึงแม้ว่าขณะนี้จะมีคนขับแท็กซี่กว่าหลายหมื่นรายที่ใช้แพลตฟอร์ม Grab เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างรายได้ผ่านแอปพลิเคชัน แต่ต้องยอมรับว่ายังมีคนขับแท็กซี่อีกจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่เคยเข้าร่วมแพลตฟอร์มดิจิทัล ดังนั้น ความร่วมมือในครั้งนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญในการเปิดโอกาสให้คนขับแท็กซี่ในสหกรณ์เครือข่ายของสมาคมฯ ได้แก่ สหกรณ์แท็กซี่สยาม สหกรณ์มิตรแท้แท็กซี่ สหกรณ์แท็กซี่ภูมิพลัง สหกรณ์แท็กซี่สหมิตร และสหกรณ์แท็กซี่เหลืองทอง รวมเป็นจำนวนกว่า 80,000 คัน สามารถเข้าใจโลกยุคใหม่ พร้อมเข้าถึงองค์ความรู้ เครื่องมือ และแนวทางที่จำเป็นต่อการยกระดับการให้บริการและการสร้างรายได้ในยุคดิจิทัลต่อไปในอนาคต”
สำหรับไฮไลท์สำคัญของงาน “แท็กซี่ยุคใหม่ พร้อมใจเปลี่ยน” ในครั้งนี้ มุ่งเน้นการส่งเสริม 3 ทักษะสำคัญให้กับกลุ่มคนขับแท็กซี่ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต และมาตรฐานการให้บริการอย่างยั่งยืน ซึ่งประกอบด้วย

– การส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อ “เปลี่ยนสู่สิ่งแวดล้อมที่ดีกว่า” ผ่านการเจาะลึกข้อมูลโครงการ GrabEV ที่ช่วยให้คนขับแท็กซี่เข้าใจถึงประโยชน์ในการเปลี่ยนมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นการลดต้นทุนด้านเชื้อเพลิง และการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมเปิดให้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่จริงยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่างๆ อาทิ รุ่น AION ES รุ่น AION Y Plus และ รุ่น MG EP

– การดูแลสุขภาพและความปลอดภัยในการทำงาน เพื่อ “เปลี่ยนสู่สุขภาวะที่ดีกว่า” ผ่านการเรียนรู้วิธีดูแลรักษาสุขภาพ พร้อมตรวจร่างกายฟรี จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)รวมถึงการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยบนท้องถนน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้อต่อการประกอบอาชีพอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (สสปท.)

– การเสริมทักษะด้านดิจิทัล เพื่อ “เปลี่ยนสู่การให้บริการที่ดีกว่า” ผ่านการส่งเสริมให้คนขับแท็กซี่เห็นประโยชน์จากการใช้เครื่องมือดิจิทัลในการเพิ่มโอกาสในการหารายได้ พร้อมสอนการใช้แอปพลิเคชันแกร็บ เพื่อให้บริการเรียกรถ และแนะนำสิทธิประโยชน์ต่างๆ อาทิ บริการทางการเงิน และประกันอุบัติเหตุ

นายเดือน สุวรรณพุ่ม คนขับภายใต้สหกรณ์แท็กซี่ภูมิพลัง กล่าวว่า “ผมขับแท็กซี่มานานกว่า 38 ปี และเป็นหนึ่งในแท็กซี่กลุ่มแรกที่เปิดใจลองใช้แพลตฟอร์มแกร็บในการช่วยเสริมรายได้ จากแต่ก่อนที่ต้องตระเวนหาผู้โดยสาร ตอนนี้เราสามารถรับงานผ่านแอปได้ ทำให้ผมมีรายได้เพิ่มขึ้น ทำงานได้สะดวกขึ้น การได้มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ช่วยเปิดโลกการทำงานให้กับผมเป็นอย่างมาก ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น วิธีดูแลสุขภาพของตัวเอง และการได้มาลองขับรถไฟฟ้า ที่จะเป็นตัวเลือกในการช่วยประหยัดต้นทุนให้กับคนขับแท็กซี่ได้อย่างมาก ผมเชื่อว่าการทำงานในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา เราจะต้องเรียนรู้และปรับตัวอยู่เสมอ ผมจึงอยากแนะนำให้เพื่อนคนขับแท็กซี่เปิดใจ และลองเปลี่ยนวิธีการทำงานของตัวเองให้ทันยุคสมัยต่อไป”

*แอปเรียกรถยอดนิยมอันดับ 1 ในไทยปี 2024 โดย Kantar






