บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล (บีคอน วีซี) บริษัท เงินร่วมทุนของธนาคารกสิกรไทย ร่วมกับ Solar United Network Group (SUN Group) ผู้นำพลังงานสะอาดแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จากอินโดนีเซีย ปิดดีลระดมทุน Series A จำนวน 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ต่อยอดความสำเร็จให้กับ ION Energy (ION) สตาร์ทอัพพลังงานโซลาร์สัญชาติไทย พร้อมผนึกความแข็งแกร่งของฐานลูกค้าธนาคารกสิกรไทย ขยายบริการอย่างครอบคลุมเพื่อให้ลูกค้าทั้งรายย่อยและธุรกิจสามารถเข้าถึงพลังงานสะอาดแบบครบวงจรในราคาที่เหมาะสมพร้อมมาตรฐานคุณภาพ
นายธนพงษ์ ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด (บีคอน วีซี) กล่าวว่า จากที่ บีคอน วีซีได้จัดตั้ง Beacon Impact Fund เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 เพื่อลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพที่มีแนวคิดดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนบนหลักการของ ESG ที่สร้างผลกระทบเชิงบวกในมิติต่าง ๆ สามารถวัดผลได้ พร้อมศักยภาพที่จะขยายผลไปในวงกว้าง
ล่าสุด ION Energy ถือเป็นบริษัทสตาร์ทอัพไทยรายแรกที่ บีคอน วีซีได้ลงทุนผ่าน Beacon Impact Fund โดยเล็งเห็นว่าเงินลงทุนในครั้งนี้ จะช่วยสนับสนุน ION ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบโจทย์กับกลุ่มลูกค้าในวงกว้าง ซึ่งทำให้ผู้อยู่อาศัยรายย่อย และกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี สามารถเข้าถึงระบบพลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจรได้ในราคาที่เหมาะสมพร้อมมาตรฐานคุณภาพ และเป็นโอกาสที่ธนาคารกสิกรไทย จะสามารถนำความเชี่ยวชาญในการออกแบบผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และมีฐานกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีขนาดใหญ่ในประเทศไทย ต่อยอดกับ ION ที่มีบริการสนับสนุนการเข้าถึงพลังงานสะอาดด้วยต้นทุนที่ต่ำลง รวมทั้งบริการติดตั้งและบริการหลังการขายที่เข้าถึงง่ายผ่านระบบ Mobile Application และแพลตฟอร์มออนไลน์
บีคอน วีซีมองว่าเทคโนโลยีที่ ION กำลังพัฒนามีความน่าสนใจ และมีศักยภาพที่จะช่วยส่งเสริมให้การเปลี่ยนมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์ของทั้งผู้อยู่อาศัยรายย่อยและกลุ่มธุรกิจ สามารถทำได้ง่าย รวดเร็ว และเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับ Solar Energy Ecosystem ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ด้วยโซลูชันที่ ION สามารถนำเสนอเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค เช่น Solar Monitoring & Payment Platform ที่ผู้ใช้ภาคธุรกิจสามารถติดตามและประมวลผลการทำงานของระบบโซลาร์ที่ใช้งานผ่านอินเวอร์เตอร์จากหลายผู้ผลิตที่ต่างกันมาอยู่บนแพลตฟอร์มเดียว และรองรับการชำระค่าไฟฟ้าที่ผลิตจากระบบโซลาร์สำหรับลูกค้ากลุ่ม PPA ผ่านแพลตฟอร์ม รวมไปถึงแผนการพัฒนาระบบ Home Energy Management System ที่จะช่วยให้ผู้อยู่อาศัยรายย่อยวางแผนการใช้ฟ้าฟ้าในแต่ละเดือนได้ล่วงหน้า และแสดงผลปริมาณการลดคาร์บอนที่เกิดขึ้นจริงแบบเรียลไทม์ ระบบนำร่องการซื้อขายไฟฟ้าโดยไม่ผ่านคนกลาง (Peer To Peer Energy Trading) ที่ได้มีการทดลองใช้ในนิคมอุตสาหกรรม และ ระบบการรวบรวมซื้อขาย Renewable Energy Credit (REC Aggregator) เป็นต้น
นายธนพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า Beacon Impact Fund จะแสวงหาธุรกิจที่มีนวัตกรรมที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับนโยบายของธนาคารกสิกรไทย กับการสร้างการเติบโตอย่างสมดุลทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล และให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนธุรกิจบนหลักการธนาคารแห่งความยั่งยืน (Bank of Sustainability)
นายพีรกานต์ มานะกิจ ประธานอำนวยการ บริษัท ไอออน เอนเนอร์ยี่ จำกัด (ION)เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันที่ต้นทุนพลังงานปรับตัวสูงขึ้นทุกปี รวมถึงความตระหนักถึงการลดการปล่อยคาร์บอนเพื่ออยู่อาศัยอย่างยั่งยืน ส่งผลให้การติดตั้งระบบพลังงานโซลาร์เป็นทางเลือกที่ทุกหน่วยของสังคมเริ่มให้ความสำคัญ ดังนั้น จากแนวโน้มการเติบโตของผู้ใช้บริการที่เพิ่มมากขึ้น ION จึงมีความจำเป็นในการระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจรองรับการเติบโตครั้งนี้ และเป็นที่น่ายินดีที่ล่าสุด ION สามารถระดมทุนรอบ Series A เป็นจำนวน 3ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก บีคอน วีซี บริษัทเงินร่วมทุนของธนาคารกสิกรไทย และ SUN Group ผู้นำด้านพลังงานแสงอาทิตย์อันดับหนึ่งจากอินโดนีเซีย
โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะช่วยให้ ION สามารถพัฒนาบริการให้ครอบคลุมมากขึ้นจากปัจจุบันที่ ให้บริการลูกค้า 2 ประเภท ประกอบด้วย
1. การให้บริการแบบ EPC เป็นการให้บริการในรูปแบบ “รับเหมา” ออกแบบ จัดหา ติดตั้งและบำรุงรักษาระบบโซลาร์ให้กับลูกค้าแบบครบวงจร ด้วยการบริการแบบมืออาชีพ และอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน พร้อมการขออนุญาตกับหน่วยงานรัฐ เหมาะสมสำหรับภาคครัวเรือนและอสังหาริมทรัพย์ รวมไปถึงองค์กรธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยได้มีการเริ่มติดตั้งแล้วมากกว่า 3,500 หลัง คาดการณ์ปริมาณไฟฟ้าจากโซลาร์เทียบเท่าการลดคาร์บอนแล้วกว่า 10,800 ตันคาร์บอนต่อปี
2. Private PPA เป็นการ “ลงทุน” ติดตั้งโซลาร์โซลูชั่นโดย ION ไม่คิดค่าใช้จ่ายให้แก่ลูกค้าธุรกิจผ่านสัญญาซื้อขายไฟฟ้า โดยลูกค้าจะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นแค่ในส่วนของค่าไฟฟ้าที่ใช้จริงในแต่ละเดือนเท่านั้น ซึ่งมีราคาที่ต่ำกว่าการใช้ไฟฟ้าจากการไฟฟ้าขั้นต่ำประมาณ 20-50% (ขึ้นกับขนาดการติดตั้ง) ตอบโจทย์ทั้งลูกค้าเอสเอ็มอีและองค์กรขนาดใหญ่
นาย Hendy Limadi Tohan กรรมการบริษัท โซลาร์ ยูไนเต็ด เน็ตเวิร์ค (SUN Group) กล่าวว่าการร่วมลงทุนใน ION ครั้งนี้ SUN Group มองเห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมโซลาร์ในเมืองไทยและความสามารถของ ION ที่จะเติบโตได้ดี ด้วยจุดแข็งโดยเฉพาะด้านการพัฒนาแพลตฟอร์มพลังงานสะอาดแบบครบวงจรสำหรับลูกค้าทุกกลุ่มตั้งแต่กลุ่มที่เกี่ยวกับการพักอาศัยไปสู่เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมผ่านแอปพลิเคชัน ION ที่สามารถดูแล ติดตาม ผลผลิตระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รวมถึงการชำระค่าไฟฟ้าจากการใช้บริการแบบ PPA ผ่านแพลตฟอร์มได้
โดยที่ผ่านมา กลุ่ม SUN ได้ดำเนินธุรกิจโซลาร์สำหรับที่พักอาศัยและธุรกิจขนาดเล็กถึงกลางในอินโดนีเซียอย่างประสบความสำเร็จ ซึ่งความสำเร็จนี้เกิดขึ้นด้วยเทคโนโลยี ที่สามารถทำให้ Customer Journey ของลูกค้าสะดวกมากขึ้น และมีเป้าหมายที่จะร่วมพัฒนาเทคโนโลยีนี้มาใช้กับ ION โดยเฉพาะในตลาดประเทศไทย
กลุ่ม SUN ยังมีแผนที่จะสร้างแพลตฟอร์มพลังงานสะอาดอย่างครบวงจรสำหรับตลาดโซลาร์ภาคครัวเรือนในประเทศไทย ผ่านการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) กับ ION ซึ่งจะสอดคล้องกับจุดประสงค์ของ ION ที่มีแผนนำเงินลงทุนมาขยายการให้บริการ EPC และPPA (Private Power Purchase Agreements) ต่อไปในอนาคต