ส่อง Journey วัน แบงค็อก ‘Construction to Operation’ อภิมหาโปรเจ็กต์ 1.2 แสนล้าน ต้นแบบกรีนสมาร์ทซิตี้ ที่มอบพื้นที่ครึ่งโครงการ ให้เป็นประโยชน์สาธารณะ

เปิดโฉมให้ผู้คนได้สัมผัสประสบการณ์ต้นแบบ​กรีนสมาร์ทซิตี้ มาตรฐานโลกเป็นครั้งแรกในงาน SX2023 ที่ผ่านมา สำหรับ โครงการวันแบงค็อก (ONE BANGKOK) อภิมหาโปรเจ็กต์มูลค่าการลงทุนกว่า 1.2 แสนล้าน ที่เตรียมเปิดให้บริการเฟสแรกในปีหน้า พร้อมอัพเดทโครงการ​​แบบเจาะลึก โดยเฉพาะแนวคิดการพัฒนา​เพื่อ Set Standard การพัฒนาโครงการ​อสังหาริมทัพย์ให้ยั่งยืนได้แบบทุกมิติ

สำหรับโครงการวัน แบงค็อก ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนแนวคิดเรื่องความยั่งยืนมาตั้งแต่วันแรกที่เริ่ม​วางแผนขับเคลื่อน โดยไม่ได้มองเพียงการสร้างโครงการขนาดใหญ่ แต่มองในมิติการพัฒนาเมือง พัฒนาย่าน หรือพัฒนาชุมชนในพื้นที่กว่า 108 ไร่ หรือกว่า 1.9 ล้านตารางเมตร  โดยมีแกนหลักในการขับเคลื่อนที่เน้นการให้ความสำคัญแก่ผู้คน (People Centric) รวมทั้งการนำเทคโนโลยีมาช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนและดูแลส่ิงแวดล้อมของทั้งโครงการได้อย่างบูรณาการ (Green Smart Living) เพื่อเป็นไปตามแนวทางของการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainability) ได้อย่างแท้จริง ภายใต้แนวคิด ‘The Heart of Bangkok’ สะท้อนการยึดหัวใจของผู้คนเป็นศูนย์กลางในการพัฒนา

โครงการที่รวบรวมความเป็น ‘ที่สุด’ เข้าไว้ด้วยกัน 

วัน แบงค็อก ตั้งเป้าบรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 เช่นเดียวกับเป้าหมายของเฟรเซอร์ จึง ขับเคลื่อนโครงการโดยคำนึงถึงผลกระทบทั้งต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ตลอดทั้ง Journey ของโครงการ ตั้งแต่ Construction ไปถึง Operation ​หรือต้ังแต่การเริ่มวางแผนก่อสร้าง การออกแบบโครงการให้ตอบโจทย์ทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิต การเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน ​การบริหารจัดการภายในไซต์งานก่อสร้าง ไปจนถึงการดูแลระบบต่างๆ ภายหลังโครงการเปิดให้บริการ เพื่อสร้างมาตรฐานโครงการให้ได้รับการยอมรับในระดับ​เวิลด์คลาส พร้อมด้วยความเป็นที่สุดของโครงการ​ในหลากหลายมิติ ประกอบด้วย

– ที่สุดของมาตรฐานการพัฒนาโครงการ : วัน แบงค็อก ได้รับการรับรองมาตรฐาน LEED for Neighborhood Develoopment ซึ่งแตกต่างจาก LEED ทั่วไปที่จะรับรองมาตรฐานเฉพาะในอาคาร แต่เป็นการยกระดับมาตรฐานการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้กับทุกองค์ประกอบภายในโครงการท้ัง 108 ไร่ โดยได้รับการรับรองในระดับ Platinum ซึ่งถือเป็นมาตรฐานในระดับสูงสุด ขณะเดียวกันยังได้รับการรับรองมาตรฐาน WELL ในมิติของการส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้อยู่อาศัยและผู้ใช้อาคารด้วย

– ที่สุดของเทคโนโลยีอัจฉริยะที่สามารถตอบโจทย์ Green Smart Living : ความสามารถในการบริหารจัดการส่วนต่างๆ ภายในโครงการได้อย่างบูรณาการ มาจากการมีระบบอัจฉริยะ Central Utility Plant (CUP) อาคารสาธารณูปโภคล้ำสมัย ที่รวบรวมการทำงานของระบบต่างๆ มาไว้ภายในที่เดียวกัน โดยมีศูนย์บัญชาการกลางที่มีเจ้าหน้าที่ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยการทำงานร่วมกับ AI เช่น ระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบผลิตน้ำเย็น รวมทั้งระบบไฟฟ้า เพื่อสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอด 24 ชั่วโมง ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญในแต่ละเทคโนโลยี เพื่อใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น สามารถรีไซเคิลน้ำได้สูง 75% หรือช่วยประหยัดการใช้น้ำลงได้ 2.7 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี เทียบเท่าสระน้ำโอลิมปิก 1 พันสระ รวมทั้งประหยัดพลังงานภาพรวมลงได้ราว 15% พร้อมด้วยการดูแลรักษาความปลอดภัย หรือบริหารจัดการด้านการจราจรภายในอาคารอย่าง Realtime ซึ่งการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงด้านกายภาพเข้ากับดิจิทัลของโครงการ ยังเป็นโครงการแรกของไทยที่ได้รับรอง WiredScore Platinum ซึ่งถือเป็นมาตรฐานสูงสุดจาก WiredScore อีกด้วย

– ที่สุดของโครงการที่มีพื้นที่สีเขียว และ Open Spaec มากที่สุด : วัน แบงค็อก ยังจัดเป็นโครงการที่มีพื้นที่สีเขียวและ Open Space มากที่สุด เพราะมีสัดส่วนรวมกันมากกว่า 50 ไร่ หรือราว 50% ของพื้นที่รวม 108 ไร่  รวมทั้งการมีพื้นที่สวนสาธารณะ หรือ Linear Park ขนาดกว้างจากทางเท้าถึงหน้าโครงการ 35 -45 เมตร ของทั้ง 2 ฝั่งถนนทั้งวิทยุ และพระราม 4 อยู่ระหว่างสวนลุมพินีและสวนเบญจกิตติ เพื่อใช้เป็นพื้นที่สันทนาการ และพื้นที่สาธารณะ ที่เปิดให้คนทั่วไปสามารถเข้ามาใช้บริการได้  ​

– ที่สุดของการดูแลคุณภาพชีวิตและประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดี : การออกแบบพื้นที่ภายในโครงการวัน แบงค็อก ยังเน้นให้สามารถเดินเชื่อมแต่ละจุดที่อยู่ภายในโครงการได้ภายใน 15 นาที  ให้สอดคล้องกับแนวคิด Walking City ตามเทรนด์ใหม่ในการพัฒนาเมืองที่ใส่ใจเรื่องของคุณภาพชีวิต และยังช่วยลดการใช้รถ ทำให้คุณภาพอากาศภายในโครงการดีขึ้น รวมทั้งการมี Art Loop ระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร รอบโครงการ เพื่อเป็นพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะต่างๆ หรือเป็นพื้นที่เรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์งานต่างๆ สำหรับทุกคน ซึ่งเป็นส่ิงที่คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันยังตอบโจทย์การพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยการใช้งานศิลปะบำบัด หรือทำให้ผ่อนคลายได้ด้วย

– ท่ีสุดของการบริหารจัดการขยะภายในโครงการ : วัน แบงค็อก ใส่ใจการดูแลสิ่งแวดล้อมตั้งแต่วันแรกที่เริ่มต้นโครงการ โดยมีการทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อหาวัสดุที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ในโครงการ เช่น การใช้ซีเมนต์ไฮโดรลิกในการก่อสร้าง หรือการจัดการขยะภายในไซต์งานก่อสร้างเพื่อให้เกิดประโยชน์มากขึ้น เช่น การรีไซเคิลเศษอิฐจากการก่อสร้างมาทำเป็นผนังกั้นเสียงของอุโมงค์ทางเข้าโครงการ หรือนำหัวเสาเข็มมาแปลงเป็นแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป​ รวมทั้งการดูแลจัดการขยะอาหารภายในไซต์งานเพื่อนำไปทำเป็นปุ๋ย เป็นต้น

เตรียมเปิดเฟสแรกกลางปีหน้า

ด้านความคืบหน้าในการก่อสร้างโครงการนั้น ขณะนี้ยังเป็นไปตามแผน โดยจะสามารถเริ่มเปิดให้บริการเฟสแรกได้ในช่วงกลางปีหน้า ซึ่งจะนำร่องก่อนในส่วนของอาคารสำนักงานบางส่วน​ ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มติดต่อผู้เช่า โดยเฉพาะในกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ ทั้งไทยและต่างชาติ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจาก มาตรฐานต่างๆ ที่โครงการได้รับ เป็นหนึ่งในแต้มต่อที่บริษัทขนาดใหญ่คำนึงถึงในการเลือกใช้เป็นที่ตั้งสำนักงาน เนื่องจาก ส่วนใหญ่จะมีเป้าหมายในการขับเคลื่อนเรื่องความยั่งยืน ทำให้แนวคิดการพัฒนาโครงการตามแนวทาง Sustainability เป็นหนึ่งใน Top 5 ของปัจจัยสำคัญที่มีผลในการตัดสินใจของบริษัทต่างๆ ไม่ต่างกับเรื่องของทำเล ราคาค่าเช่า หรือการออกแบบดีไซน์ในการตกแต่งออฟฟิศด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ คาดว่าในช่วงสิ้นปี 2024 ​ จะสามารถเปิดให้บริการโครงการในภาพรวม​ได้ราว 70% ทั้งในส่วนของอาคารสำนักงาน โรงแรม ศูนย์การค้า ที่พักอาศัย หรือในส่วนของพื้นที่จัดแสดง ซึ่งภายหลัง​การเปิดโครงการอย่างสมบูรณ์ได้ครบทั้ง 100% คาดว่าจะสามารถรองรับผู้คนเข้ามาใช้บริการได้ไม่ต่ำกว่า 2 แสนคน ทั้งในส่วนของผู้ที่อยู่ภายในโครงการทั้งส่วนออฟฟิศ โรงแรม และส่วนที่อยู่อาศัยราว 6 หมื่นคน รวมทั้งผู้ที่เข้ามาช้อปปิ้ง หรือเข้ามาร่วมกิจกรรมต่างๆ ภายในศูนย์การค้า และรอบโครงการอยู่ที่ประมาณ 1.4 -1.5 แสนคน

ขณะที่องค์ประกอบทั้งหมดภายในโครงการวัน แบงค็อก ภายใต้พื้นที่ทั้ง 108 ไร่ จะประกอบไปด้วย  1. พื้นที่ในส่วนอาคารสำนักงานรวมกว่า 5 แสนตารางเมตร สำหรับ 5 อาคาร รวมทั้ง Signature Tower เป็นอาคารพรีเมียมเกรด A  2. พื้นที่ศูนย์การค้ากว่า 1.9 แสนตารางเมตร สำหรับ 4 ตึก ที่ครอบคลุมทุกทาร์เก็ต ตั้งแต่ไลฟ์สไตล์มอลล์ ไปจนถึงกลุ่มลักซ์ชัวรี่ 3. โรงแรม 5 แห่ง รวมมากกว่า 1,100 ห้อง 4. เซอร์วิสอพาร์ทเม้น 3 อาคาร และ 5. พื้นที่สำหรับรองรับการจัดแสดงต่างๆ ทั้งนิทรรศการ สัมมนา คอนเสิร์ต ที่สามารถรองรับผู้ชมได้มากกว่า 6 พันคน รวมทั้งพื้นที่สำหรับจอดรถได้ 1.2 หมื่นคัน

Stay Connected
Latest News