สานต่อ ‘โครงการสิงห์อาสาสร้างแหล่งน้ำชุมชนอย่างยั่งยืน’ ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง สิงห์อาสา โดยมูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี และ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ร่วมกับ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) มาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 แล้ว
พร้อมการเดินหน้าขยายแหล่งน้ำชุมชนในพื้นที่ภาคอีสานได้แล้วถึง 9 ชุมชน โดยล่าสุดได้เพิ่มเติมโครงการในพื้นที่บ้าน โนนรัง ต.สาวะถี อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น ซึ่งมีพื้นที่ความจุในการรับน้ำได้มากถึง 2-3 ไร่ จึงเป็นเสมือนการเพิ่ม ‘เส้นเลือดใหญ่’ เพื่อรองรับการเป็นพื้นที่ศูนย์กลางด้านเกษตรกรรมของภาคอีสานได้อีกแห่งหนึ่ง และมีส่วนช่วยทำให้คุณภาพชีวิตของเกษตรกรในพื้นที่ดีขึ้น ผ่านโมเดลบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน เพื่อมีน้ำใช้ได้ตลอดทั้งปี รวมทั้งเพิ่มทางเลือกในการปลูกพืชผักหลังฤดูกาลทำนา รวมทั้งเพิ่มแหล่งอาหาร และศูนย์รวมด้านสันทนาการของชุมชน ช่วยเชื่อมโยง สานสัมพันธ์ และสร้างความสามัคคี ความร่วมมือร่วมใจของผู้คนในพื้นที่ได้อีกทางหนึ่งด้วย
ความสำเร็จของโครงการที่ขับเคลื่อนมาได้ถึงปีที่ 6 พร้อมขยายครอบคลุมได้ในหลายพื้นที่ของภาคอีสาน มาจากความแข็งแรงและเป็นหนึ่งเดียวกันแบบ 3 ประสาน ทั้งสิงห์อาสาที่สนับสนุนทั้งงบประมาณ และอำนวยความสะดวกในการขุดบ่อทุกพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง ทางมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ดูแลองค์ความรู้ในการออกแบบ และวิเคราะห์การขุดบ่อให้สอดคล้องและเหมาะสมกับสภาพทางธรณีวิทยาของพื้นที่ รวมทั้งการส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพโดยรอบบ่อ
รวมไปถึงความร่วมมือของชาวบ้านที่อยู่ในแต่ละพื้นที่ ที่ร่วมทั้งแรงกายแรงใจในการดูแลรักษาบ่อน้ำหลังจากการขุดและส่งมอบให้พื้นที่ เพื่อรองรับการใช้น้ำของชุมชนได้ตลอดทั้งปี เพราะเป็นทั้งบ่อกักเก็บน้ำในฤดูฝน ป้องกันน้ำท่วมและช่วยชะลอน้ำในฤดูน้ำหลาก และยังเป็นแหล่งน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งอย่างยั่งยืน
เดินหน้าขยาย ‘เส้นเลือดใหญ่’ เติมเต็มแหล่งน้ำ 9 ชุมชน
โดยนับตั้งแต่เริ่มต้นโครงการในปี 2563 จนถึงปัจจุบัน มีแหล่งน้ำชุมชนสิงห์อาสา ในจังหวัดภาคอีสานแล้วถึง 9 ชุมชน และเป็นโมเดลที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ไม่เพียงมีแหล่งน้ำที่ใช้ได้ตลอดทั้งปี แต่ยังเพิ่มคุณภาพชีวิต ทั้งรายได้เพิ่มมากขึ้น และมีรายจ่ายลดลงจากการต่อยอดน้ำสู่การเกษตร เช่น การปลูกข้าว พืชผัก ผลไม้ และยังเป็นแหล่งอาหารของชุมชน สร้างรายได้เพราะมีปลาในบ่อให้ชาวบ้านจับเป็นอาหารได้ รวมถึงระบบน้ำประปาสามารถใช้งานได้ตลอดทั้งปี
คุณรวินทร์ ชมพูนุชธานินทร์ ผู้อำนวยการกลุ่มประชาสัมพันธ์ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด กล่าวว่า ปีนี้สิงห์อาสาต่อยอดความสำเร็จพร้อมขยายผลกระทบเชิงบวกจากโครงการสิงห์อาสาสร้างแหล่งน้ำชุมชนอย่างยั่งยืน มาสู่ชุมชนในภาคอีสานเป็นชุมชนที่ 9 แล้ว ครอบคลุมทั้งในพื้นที่ จ.ขอนแก่น , จ.มหาสารคาม และ จ.บุรีรัมย์ พร้อมเชื่อมโยงบ่อบริวารเข้ากับแหล่งน้ำกว่า 100 บ่อ เพื่อเติมเต็มและทำงานร่วมกันของบ่อเครือข่ายโดยรอบ ยกระดับสู่โมเดลการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนในพื้นที่ ซึ่งไม่เพียงช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเรื่องการขาดแคลนน้ำเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนระยะยาวด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ อาหาร และสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการปรับตัวเพื่อรับมือต่อปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงที่คาดการณ์ว่าจะยังคงรุนแรงต่อเนื่องไม่มีจุดสิ้นสุด ผ่านการพัฒนาโมเดลเพื่อส่งเสริมให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างยั่งยืน
“ความสำเร็จของโครงการนี้มาจากการมีพันธมิตรที่ตั้งใจจริงเพื่อร่วมกันยกระดับคุณภาพชีวิต และเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ที่มากขึ้นและยั่งยืนจากภาคการเกษตร จากการมีแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งเป็นเสมือน ‘เส้นเลือดใหญ่ ‘ ที่เข้ามาช่วยเติมเต็มน้ำไปยังบ่อเครือข่าย พร้อมเพิ่มความชุ่มชื้นให้พื้นที่โดยรอบ ทำให้เกษตรกรมีทางเลือกในการเพราะปลูกพืชผักที่หลากหลายหรือมีราคาที่ดีขึ้นได้ ทำให้เพิ่มโอกาสที่จะทำให้ผู้คนในชุมชนสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ ”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์มัลลิกา ศรีสุธรรม อาจารย์ประจำสาขาวิชาปฐพีศาสตร์และสิ่งแวดล้อม คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญการพัฒนาแหล่งน้ำในหลายพื้นที่ภาคอีสานอย่างต่อเนื่อง คณะเกษตรฯ มข. และสิงห์อาสา ได้ร่วมกันผลักดันแนวคิด ‘บ่อพ่อ+บ่อแม่‘ มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างต้นแบบระบบโครงข่ายบ่อกักเก็บน้ำที่เชื่อมโยงกัน ช่วยให้ชุมชนมีน้ำใช้เพียงพอทั้งอุปโภค บริโภค และเกษตรกรรม พร้อมลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติทางน้ำ เช่น น้ำหลากและน้ำท่วมในฤดูฝน รวมถึงภัยแล้ง โดยมีตัวอย่างที่เห็นภาพชัดใน ต.ภูเหล็ก อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ที่อดีตเคยเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ง บ่อที่มีอยู่ไม่สามารถกักเก็บน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะตื้นเขิน
จนกระทั่งปี 2563 คณะเกษตรฯ มข. ร่วมกับ สิงห์อาสา เข้าไปดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำชุมชนภายใต้แนวคิด บ่อพ่อ-บ่อแม่ โดยไม่เพียงแค่ขุดบ่อใหม่เท่านั้น แต่ยังปลูกพืชช่วยรักษาความชุ่มชื้น ช่วยพลิกฟื้นพื้นที่ที่เคยแห้งแล้งให้กลับมาเขียวชอุ่ม ชาวบ้านในพื้นที่มีน้ำใช้ตลอดทั้งปี มีปริมาณน้ำเพียงพอต่อการทำการเกษตร สร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวบ้านในด้านอื่นๆ ด้วย
“สิ่งที่เกิดขึ้นช่วยตอกย้ำคำว่า ‘น้ำคือชีวิต’ ว่าไม่ใช่เป็นเพียงวลีสวยงาม แต่เป็นความจริง จากผลลัพธ์ที่ได้จากโครงการแหล่งน้ำชุมชน ที่ไม่เพียงแก้ปัญหาเรื่องน้ำ แต่ยังเพิ่มความรัก ความสามัคคี สร้างกิจกรรมที่ช่วยรักษาประเพณีวัฒนธรรมเชื่อมโยงให้ผู้คนในชุมชนมีกิจกรรมร่วมกัน ขณะเดียวกัน แต่ละโครงการที่ประสบความสำเร็จ ยังสามารถเป็นต้นแบบให้ชมุชนอื่นๆ โดยรอบเข้ามาศึกษา เพื่อนำไปปรับใช้แก้ปัญหาในพื้นที่ของตัวเอง เป็นการส่งต่อองค์ความรู้ และขยายโมเดลความสำเร็จ ให้สามารถขยายผลแนวคิดในการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนไปทั่วทั้งประเทศได้ในอนาคต”
สิงห์อาสายังร่วมกับเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 18 สถาบัน คอยติดตามสถานการณ์ พร้อมเฝ้าระวังภัยพิบัติในจังหวัดภาคอีสาน เพื่อลงพื้นที่ช่วยเหลือและบรรเทาภัยได้อย่างทันท่วงที โดยที่ผ่านมาเมื่อประสบภัยแล้งก็ได้จัดส่งรถน้ำดื่มเคลื่อนที่ แจกจ่ายน้ำสะอาด ติดตั้งแทงค์น้ำขนาดใหญ่ธนาคารน้ำดื่มสิงห์ และจะช่วยสนับสนุนองค์ความรู้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้การสร้างแหล่งน้ำชุมชนขยายพื้นที่ครอบคลุมทั่วทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อให้ชุมชนมีระบบน้ำที่มั่นคง พร้อมรับมือกับสภาวะอากาศแปรปรวนในอนาคต