Top StoriesTrending

แคนนอน เปิดตัวเครื่องพิมพ์สำนักงาน ‘imageFORCE ​​Series’ ตอบโจทย์องค์กรยุคไฮบริด ชูมาตรฐาน Made in Thailand ตอกย้ำ ​’โรงงานปราจีน’ ฐานผลิตยั่งยืน

แคนนอน เดินเกมรุกตลาด-อุตสาหกรรมการพิมพ์ไทย เปิดตัวเครื่องพิมพ์ imageFORCE Series 4 รุ่นใหม่ สร้างมาตรฐานงานพิมพ์คุณภาพสูง-ปลอดภัย–ยั่งยืน รับเทรนด์องค์กรยุคไฮบริด ย้ำแชมป์เบอร์หนึ่งแห่งภูมิภาคเอเชีย

บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด (Canon) ขยายไลน์อัพสินค้าใหม่กลุ่มเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่นสำหรับสำนักงาน imageFORCE Series 4 รุ่นใหม่ โดยใช้ฐานการผลิตของประเทศไทยในโรงงานปราจีนบุรี  ซึ่งเป็นฐานผลิตหลักของเครื่องพิมพ์ในกลุ่มสำนักงาน โดยราว 90% ของผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ของทั้งโลกใช้ฐานการผลิตที่นี่ ซึ่ง​ปัจจุบันมีการผลิตเครื่องพิมพ์​สำนักงานรวม 29 รุ่น

มร. ฮิโรชิ โยโกตะ ประธานบริษัทและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า  แคนนอนตอกย้ำ​​ผู้นำด้านเทคโนโลยีการพิมพ์อย่างแท้จริง มุ่งพัฒนาทั้งฟีเจอร์และเทคโนโลยีการพิมพ์ที่ทันสมัย และตอบโจทย์การทำงานของธุรกิจในปัจจุบันได้รอบด้าน โดยเฉพาะการพัฒนา imageFORCE Series 4 รุ่นใหม่นี้ ที่เข้าใจความต้องการในโลกการทำงานยุคใหม่ และมีส่วนช่วยยกระดับศักยภาพการทำงานให้ผู้ประกอบการไทย​ พร้อมทั้งขับเคลื่อนเป้าหมายสำคัญของแคนนอน ในการทรานส์ฟอร์ม Positioning ของแบรนด์ จากภาพของการเป็นผู้ให้บริการเครื่องถ่ายเอกสาร หรือเครื่องพิมพ์ สู่ผู้ให้บริการโซลูชั่นสำหรับองค์กรได้อย่างครบวงจร (From Copier to Solutions Provider) เพื่อตอบโจทย์การทำงานในยุคไฮบริดได้มากขึ้น

สำหรับเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน 4 รุ่นใหม่ ที่แคนนอนได้ส่งมาทำตลาดเพิ่มเติม ได้แก่ เครื่องพิมพ์ซีรี่ส์ imageFORCE ​ เพื่อเข้ามาเติมเต็มพอร์ตโฟลิโอได้ครบทุกเซ็กต์เม้น โดยเป็นรุ่นที่มาพร้อมระบบอัจฉริยะ AI เพื่อประสิทธิภาพการทำงาน รวมทั้งการรักษาความปลอดภัย คุณภาพในการเชื่อมต่อรวมถึงการใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยได้​นำร่องเปิดตัวก่อน 3 รุ่น คือ รุ่นเรือธง imageFORCE C7165 รวมทั้งเครื่องพิมพ์สี imageFORCE C5100  และขาวดำ imageFORCE 6100 เพื่อตอบโจทย์การพิมพ์ในทุกรูปแบบ พร้อมทั้งจะเปิดตัวในช่วงเดือน พ.ย. ของปีนี้อีก 1 รุ่น คือ imageFORCE C3150 เพื่อเข้ามาเติมเต็มช่องว่างในตลาดในกลุ่ม Mid range สำหรับออฟฟิศขนาดกลาง ที่ต้องการงานพิมพ์ความเร็วสูง​มากขึ้น ​

“แคนนอนมีเป้าหมายในการพัฒนานวัตกรรมที่ดีที่สุดสู่ผู้คนทั่วโลก ผ่านการจัดตั้งศูนย์การผลิตระดับโลกในประเทศไทย ซึ่งมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพสูงสุดโดยอาศัยทักษะฝีมือแรงงานไทยที่มีความเชี่ยวชาญเทียบเท่าสากล โรงงานแคนนอนในประเทศไทยดำเนินการผลิตโดยใช้เทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกควบคู่กับความเชี่ยวชาญด้านการผลิตขั้นสูง โดยแรงงานท้องถิ่นที่มีความสามารถสูง เพื่อมุ่งเน้นกระบวนการผลิตที่ถูกต้อง แม่นยำ และได้มาตรฐานสากล พร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมความยั่งยืน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด”

มร.​มาโกโตะ นากามูระ ประธานบริษัท แคนนอน ปราจีนบุรี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ โรงงานปราจีนบุรี กล่าวว่า การพัฒนาเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่ทั้ง 4 รุ่นนี้ สามารถตอบโจทย์ปัจจัยสำคัญที่กลุ่มองค์กรให้ความสำคัญได้อย่างครบถ้วน ทั้งความน่าเชื่อถือในคุณภาพการพิมพ์  (Reliability) ​ความมั่นคงปลอดภัยด้านข้อมูล ​(Security) การเชื่อมต่อที่ครอบคลุม (Connectivity)  และตอบโจทย์การขับเคลื่อนเรื่องของความยั่งยืน (Sustainability) พร้อมช่วยตอกย้ำคุณภาพและมาตรฐานระดับโลกของโรงงานแคนนอนปราจีน ​ในฐานะศูนย์กลางการผลิตเทคโนโลยีระดับโลก ซึ่งถือเป็นฐานการผลิตสำคัญเพื่อใช้ส่งออกไปทั่วโลก ตอกย้ำคุณภาพสินค้า Made in Thailand ​ที่ให้ความสำคัญใน​การส่งมอบนวัตกรรมคุณภาพสูงอย่างยั่งยืนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ​ทั้งระบบการผลิตด้วยระบบอัตโนมัติที่ทันสมัยและใช้วัสดุรีไซเคิลกว่า 30%

“โรงงานแคนนอนปราจีนบุรีมีการผลิตด้วยระบบอัตโนมัติที่ทันสมัยและใช้วัสดุรีไซเคิลกว่า 30% นอกจากนี้เรายังคงยึดหลักความละเอียดและแม่นยำในการผลิตควบคู่กับการดูแลพนักงาน เพราะเราเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดเริ่มต้นจากสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี ปัจจุบัน โรงงานแคนนอนปราจีนบุรี ในประเทศไทยผลิตเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน รุ่น imageRUNNER และ imageRUNNER Advance DX ทั้งหมด 20 รุ่น และกำลังผลิตเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน ในกลุ่ม imageFORCE Series ใหม่เพิ่มเติมอีก 9 รุ่นภายในปี 2568”

คุณพงศพร กรอบสนิท ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ส่วนงานบิสซิเนส อิมเมจจิ้ง โซลูชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า ​องค์กรยุคใหม่ให้ความสำคัญกับความร่วมมือในสำนักงาน ความปลอดภัยของข้อมูล ความยั่งยืน และการนำ AI มาใช้มากขึ้น แคนนอนจึง​เร่งปรับตัวเพื่อส่งมอบโซลูชันที่ตอบโจทย์ทุกมิติ  ​โดยเฉพาะความต้องการสำคัญทั้งการมีเทคโนโลยีที่ทั้งชาญฉลาดและยั่งยืน สะท้อนจากราย​​งาน Quocirca : Print Industry Trends 2025 ที่ระบุว่า 69% ของลูกค้าคาดหวังให้ซัพพลายเออร์หรือพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจมีส่วนร่วมลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ขณะที่​องค์กรต่างๆ ทั่วโลกมีแผนลงทุนเพิ่มในเทคโนโลยี AI และ Machine Learning ภายใต้ความมั่นใจเรื่องคุณภาพและความปลอดภัย

การเปิดตัว imageFORCE Series​ ช่วยตอกย้ำความเป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชียของแคนนอน โดยเฉพาะการพัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการองค์กรยุคใหม่ โดยเชื่อว่าการเปิดตัวครั้งนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแรงให้แคนนอนสามารถเติบโตเพิ่มขึ้นในภาพรวมได้ 10% เช่นเดียวกับการเติบโตของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์ที่คาดว่าจะเติบโตได้ 10% เช่นเดียวกัน พร้อมทั้งสามารถ​​รักษาส่วนแบ่งตลาดกลุ่มเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน ในกลุ่มเครื่องถ่ายเอกสารขาวดำ ได้ถึง 28% กลุ่มเครื่องถ่ายเอกสารสีกว่า 20% ตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับ 1 ของภูมิภาคเอเชีย ในตลาดเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน – เลเซอร์ A3 และ A4 ต่อเนื่องถึง 7 ปีซ้อน​

‘ความปลอดภัย-ความยั่งยืน’ ปัจจัยสำคัญขับเคลื่อนตลาด

คุณพงศพร ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ​ตลาดเครื่องถ่ายเอกสารสีมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2568 คาดว่าจะมียอดจำหน่ายสูงถึง 25,000 เครื่อง เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ถึง 127%  ​โดยพบว่าแนวโน้มตลาดในอนาคต ยังคงให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความปลอดภัยหลัก โดยพบว่า การพิมพ์ยังคงมีบทบาทสำคัญในการสื่อสาร โดยพบว่า ผู้ใช้งาน 60% มองว่าการพิมพ์ด้วยกระดาษช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างอิมแพ็คใน​​​การสื่อสารกับลูกค้าได้ดีกว่า  รวมทั้ง 57% ที่เชื่อว่าการนำเสนอข้อมูลสำคัญยังคงต้องนำเสนอในรูปแบบสิ่งพิมพ์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

ดังน้ัน ตลาดจะยังคงขับเคลื่อนด้วยอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูง ปลอดภัย และตอบโจทย์ในเรื่องของสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายสำคัญของ​แคนนอน ที่นอกจากมุ่งการ​ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ และสร้างความเชื่อมั่นได้แล้ว ยังต้องมองเรื่องของความยั่งยืนควบคู่กันด้วย  โดยเฉพาะฐานการผลิตสำคัญในโรงงานปราจีนบุรีแห่งนี้ ที่ได้รับการรับรองฉลากเขียว สำหรับการผลิตสินค้าในกลุ่มเครื่องพิมพ์สำนักงาน ที่มีความเป็นมิตรทั้ง​ต่อผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการพัฒนาฟังก์ชันต่างๆ ของเครื่องพิมพ์ก็คำนึงถึงประสิทธิภาพสูงสุด และนำ AI มาใช้เพือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ช่วย​ลดระยะ Downtime ของระบบ ​ทำให้มีการซ่อมบำรุงน้อยลง และช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการเดินทางของทีมซ่อมบำรุงได้อีกทางหนึ่ง​

“ปัจจุบันเครื่องพิมพ์รุ่นล่าสุดอย่าง imageFORCE Series สามารถพัฒนาให้ใช้พลาสติกรีไซเคิลในการผลิตได้สูงสุดถึง 30% ​มากที่สุดในช่วง5-6 ปี ตั้งแต่​เริ่มพัฒนาการใช้พลาสติกรีไซเคิลในการผลิต​โดยมีแผนเพิ่มสัดส่วนให้มากขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า รวมถึงการใช้วัสดุรีไซเคิลกลุ่มอื่นๆ เช่น เหล็ก หรือกระดาษ รวมทั้ง​ลดปริมาณขยะในกระบวนการผลิต และบรรจุภัณฑ์ในการขนส่ง อย่าง​กล่องกระดาษ พาเลทไม้ หรือฟิล์มพลาสติกสำหรับห่อสินค้า โดยใช้นวัตกรรมออกแบบกล่องกระดาษ ให้สามารถลดขนาดและปกป้องสินค้าไปได้พร้อมกัน ทำให้ลดการใช้โฟมกันกระแทกภายในกล่อง รวมทั้งลดขนาดของกล่องและทำให้น้ำหนักเบาลงได้ หรือโครงสร้างตัวเครื่อง (แซสซี) ที่ใช้นวัตกรรมในกระบวนการผลิตที่ลดการใช้น๊อตหรือสกรู  ทำให้ช่วยลดน้ำหนักเครื่องและขนส่งได้สะดวกขึ้น  พร้อมลดการปล่อยคาร์บอนในภาพรวมได้มากขึ้น รวมไปถึงการนำ​บรรจุภัณฑ์บางประเภทกลับมาใช้ซ้ำ ​เพื่อลดการผลิตของใหม่ รวมทั้งลดปริมาณขยะให้น้อยลงด้วย ประกอบกับการพยายามใช้วัตถุดิบ หรือชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆ ภายในประเทศให้มากขึ้น เพื่อช่วยทั้งลดการขนส่ง ประกอบกับยังเพิ่มความมั่นคงในระบบการผลิต พร้อมทั้งตอกย้ำคุณภาพของสินค้า Made in Thailand ที่ได้รับการยอมรับระดับสากลอีกด้วย​ ” 

แคนนอน ให้ความสำคัญในการลดการปลดปล่อยคาร์บอนภายในธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อสามารถบรรลุแผนในการลดคาร์บอนตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ให้ลดลงเฉลี่ย 3% ต่อปี ​นับจากฐานในปี 2551 เป็นต้นมา พร้อม​ตั้งเป้าลดก๊าซเรือนกระจกลง 50% ภายในปี 2573 และมุ่งสู่ Net zero​ โดยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ตลอดวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ให้เป็นศูนย์ภายในปี 2593 ​โดยล่าสุด บริษัทสามารถลดการปลดปล่อยคาร์บอนลงได้แล้ว 940 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO2e) เทียบเท่าการใช้พลังงานไฟฟ้าของครัวเรือน 268 ครัวเรือน ​หรือการ​ปล่อยคาร์บอนจากการเดินทางโดยรถยนต์ตลอดทั้ง​ปี ของรถจำนวน 204 คัน​ หรือไฟล้ท์บินโตเกียว -นิวยอร์ก ถึง 470 รอบ รวมทั้งเทียบเท่ากับการดูดซับคาร์บอนของต้นไม้ 67,100 ต้น