Top StoriesTrending

กลุ่มธุรกิจ TCP ​แนะขับเคลื่อน ‘E+ESG’ แม้วิกฤตรอบด้าน แต่ธุรกิจยังต้อง ‘ยั่งยืน’ เพราะคือพื้นฐานของ​การเติบโต ในยุคที่ทุกคนต้อง​ปรับตัวเพื่อรอด

ESG ยังถือเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทุกธุรกิจไม่ควรทิ้ง แม้ต้องเผชิญวิกฤตรอบด้าน เพราะเรื่อง​ 'ความยั่งยืน' ไม่ใช่แค่เป้าหมายหรือกลยุทธ์ แต่​เป็นพื้นฐาน และกลไกสำคัญในการเติบโตของโลกธุรกิจยุคใหม่ โดยเฉพาะ​​แนวคิด E+ESG ที่ต้องให้ความสำคัญต่อความมั่นคงของธุรกิจควบคู่ไปด้วย

ปีนี้ถือเป็นปีที่ธุรกิจต้องเผชิญ​หลากหลายความเสี่ยงที่หนักและมากกว่าที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดการชะลอตัวของตลาดทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น​เงื่อนไขจากภาษีการค้าระหว่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและระมัดระวังการใช้จ่ายของผู้บริโภค รวมทั้งปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ และการพัฒนาของเทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI ที่เข้ามาดิสรัปธุรกิจเพิ่มมากขึ้น

กลุ่มธุรกิจ TCP ​ผู้นำในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม ที่แม้จะได้ชื่อว่าเป็นบริษัทใหญ่ระดับประเทศ และทำตลาดอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก ก็ต้องมีการปรับตัว ทั้งการ Re-balancing และ Re-Invention เพื่อสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

คุณสราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP กล่าวบนเวที  ‘TCP Sustainability Forum 2025: Sustainable Growth The Future of Growth’ ในหัวข้อ ‘การก้าวข้ามธุรกิจแบบเดิม : สู่กลยุทธ์ใหม่เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน’ ถึงการปรับตัวของ TCP ในยุคที่ไม่สามารถเติบโตแบบเดิมๆ ได้อีกต่อไป ​ผ่านการขับเคลื่อน 2 แนวทางหลัก คือ

– Re-balancing : ผ่านการปรับสมดุลใหม่ในธุรกิจ เพราะบริบทที่เปลี่ยนแปลง ทำให้ธุรกิจที่เคยวางแผนการขับเคลื่อนในระยะยาว ต้องกลับมาทบทวน​ พร้อมทั้งการประเมินและจัดลำดับความสำคัญใหม่ แผนต่างๆ ที่เคยวางไว้อาจไม่ตอบโจทย์ หรือสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าต้องทำ อาจกลับกลายมาเป็นสิ่งจำเป็นและต้องเร่งทำโดยเร็ว เป็นต้น

– Re -Invention : การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ เช่น การปรับวิธีการทำงาน กระบวนการต่างๆ วิธีคิด วิธีการสื่อสาร หรือช่องทางในการสื่อสาร เพื่อให้ตอบโจทย์บริบท และพฤติกรรมของธุรกิจ และผู้บริโภคในปัจจุบันได้มากขึ้น

และแม้ธุรกิจจะต้องปรับตัวเพื่อรับมือต่อความผันผวน และท้าทายอย่างไร แต่การขับเคลื่อนเรื่องความยั่งยืน ​โดยเฉพาะการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม (ESG) ยังถือเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทุกธุรกิจไม่ควรทิ้ง เพราะเรื่องของความยั่งยืนไม่ใช่แค่เป้าหมาย แต่ถือเป็นพื้นฐาน และกลไกสำคัญในการเติบโตของโลกธุรกิจยุคใหม่ แต่ต้องขับเคลื่อนตามแนวคิด E+ESG  ทำตามกำลังที่มี และต้องมองผลกระทบต่อธุรกิจด้วย รวมทั้งอิมแพ็คที่เกิดขึ้นจากการขับเคลื่อนนั้นคืออะไร

“เรายังมองว่า ESG หรือเรื่องของความยั่งยืนยังคงเป็นสิ่งสำคัญ และไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเลือกว่าควรทำหรือไม่ควรทำ เพราะถ้าหากไม่ทำ โลกใบนี้ก็จะอยู่ไม่ได้ ดังน้ัน เรื่องนี้ยังเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะต้องทำ แต่ต้องยึดหลัก E+ESG โดยต้องคำนึงถึง​ E ในมิติ Economic เข้ามาด้วย เพราะผลตอบแทนทางธุรกิจ ​การเติบโตขององค์กรและ​คนในองค์กร ยังถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเช่นกัน หากแลกทุกอย่างที่มีเพื่อการทำเรื่องของความยั่งยืน ก็ไม่สามารถเรียกว่าเป็นการเติบโตแบบยั่งยืนได้ จึงควรเลือกขับเคลื่อนรูปแบบที่ตอบโจทย์กับกำลังและทรัพยากรที่มี ทำแล้วไม่กระทบธุรกิจ รวมทั้งให้ความสำคัญต่อ Impact ที่จะเกิดขึ้นจากสิ่งที่ทำนั้น ทั้งในแง่การเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่สุดท้ายแล้วธุรกิจเองก็ต้องไปต่อได้ด้วยเช่นกัน จึงต้องเพิ่มมุมมองให้การขับเคลื่อนให้กว้างขึ้นตามแนวทาง E+ESG” 

วาง 3 กลยุทธ์ ‘เติบโตอย่างยั่งยืน’

สำหรับกลุ่มธุรกิจ TCP  มีความเชื่อว่า ​Sustainable Growth​  ไม่ใช่เพียงแค่กลยุทธ์ แต่​เป็นหลักปฏิบัติ เพื่อเพิ่มความ​สามารถในการแข่งขันได้ดีขึ้น ปรับตัวได้ดีขึ้น ตอบสนองผู้บริโภคยุคใหม่ และขยายขอบเขตงานด้านความยั่งยืน ให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นในอนาคต พร้อมทั้งวาง 3 กลยุทธ์ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตในปีนี้ ท่ามกลางความท้าทายและผันผวนรอบด้าน  พร้อมสะท้อนวิสัยทัศน์เชิงรุกของกลุ่มธุรกิจ TCP ที่ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการเติบโตอย่างรวดเร็ว ​แต่เป็นการคิดใหม่​ เพื่อสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ซึ่งประกอบไปด้วย

1. การขยายการเติบโตอย่างหลากหลาย (Growth Diversification) ผ่านการศึกษาและวิเคราะห์แนวโน้มการตลาด และพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่ง​ขยายพอร์ตเครื่องดื่มให้มีความหลากหลาย ​เพื่อสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้หลากหลายกลุ่มมากขึ้น จากปัจจุบันพอร์ตส่วนใหญ่ 80-85% เป็นกลุ่ม  Energy Drink ซึ่งยังคงให้ความสำคัญ เพราะยังเป็นตลาด Top3 ที่มีแนวโน้ม​​เติบโตได้ดีในตลาดโลก ควบคู่กับการขยายสู่เทรนด์ตลาดเครื่องดื่มใหม่ๆ ที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ ​รวมทั้งการขยายไปสู่​ตลาดในหลากหลายประเทศมากขึ้น จากปัจจุบัน ฐานในประเทศไทยยังเป็นหลักที่ราว 70% ส่วนต่างประเทศ 30% ซึ่งในอีก 5 ปี คาดว่าจะเพิ่มตลาดในต่างประเทศให้ได้ 70% ภายใต้การลงทุนอย่างระมัดระวัง ​วิเคราะห์แต่ละตลาดอย่​างรอบด้าน เพื่อสร้างโอกาสในตลาดที่มีการเติบโตในระดับสูง

2. การยกระดับประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขัน (Operational Efficiency & Competitive Excellence) ด้วยการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาเสริมทั้งกระบวนการดำเนินธุรกิจและการขับเคลื่อนด้านความยั่งยืน โดยเฉพาะการส่งเสริมการปรับใช้เทคโนโลยีภายในองค์กร เช่น AI ที่เข้ามามีบทบาทในธุรกิจมากขึ้น ทำให้จำบุคลากรจำเป็นต้องเรียนรู้ เพื่อนำมาช่วยในการทำงานให้เร็วและเพิ่มประสิทธิภาพได้มากขึ้น เพราะแม้เทคโนโลยีจะสำคัญ แต่คนยังคงมีความจำเป็นในขั้นตอนสุดท้าย ขณะที่การเพิ่ม​ศักยภาพ​ด้านการผลิต เพื่อปรับสู่การเป็น Smart Manufacturing เพื่อช่วยลดการใช้พลังงาน และมีระบบการผลิตที่เพิ่มประสิทธิภาพได้มากขึ้น  ไปจนถึงการส่งเสริมการใช้พลังงานสีเขียว ทั้งในการผลิตหรือในการขนส่ง ที่เริ่มใช้ EV ในรถขนาดเล็กแล้ว เป็นต้น

3. การสร้างรากฐานเพื่ออนาคต (Future-Ready Foundation) ด้วยการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรและฝังแนวคิด ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) เพื่อทำให้ความยั่งยืนเป็นแนวคิดหลักในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ และเป็นรากฐานของการเติบโตในระยะยาว โดย​ตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้มุ่งขับเคลื่อนการบูรณาการแนวคิดความยั่งยืนเข้ากับทุกมิติของธุรกิจ ตั้งแต่ห่วงโซ่อุปทาน ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ การบริหารจัดการทรัพยากร และการมีส่วนร่วมกับชุมชน ในหลากหลายโครงกร และมีผลการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้  พร้อมทั้งมีเป้าหมาย​ยกระดับจากการพัฒนา มาเป็นการฟื้นฟู (Regenerative) ผ่าน 2 โครงการใหม่ เพื่อเป็นการพัฒนาในเชิงพื้นที่ เพื่อดูแลทั้งระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ สร้างความแข็งแกร่งในชุมชน รวมทั้งยังสามารถสร้างคาร์บอนเครดิต เพื่อนำมาใช้ในการชดเชยคาร์บอน สนับสนุนการบรรลุเป้าหมายเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050

“สำหรับการขับเคลื่อนด้านความยั่งยืนของกลุ่ม TCP ถือว่ายังทำไปได้ตามแผน ทั้ง 4 มิติ ตามที่ประกาศไว้ ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาผลิตภัณฑ์​หรือเพิ่มสูตรทางเลือกให้ตอบโจทย์เรื่องของสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี การส่งเสริม Circular Economy ที่บรรจุภัณฑ์ทั้ง 100% มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถรีไซเคิลได้ ขณะที่การชดเชยน้ำ สามารถบรรลุเป้าหมายในการคืนน้ำสู่ธรรมชาติให้ได้มากกว่าปริมาณน้ำที่ใช้ในกระบวนการผลิตแล้ว ​ส่วนการมุ่งมั่นเพื่อลดคาร์บอนในธุรกิจ ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และอาจยังคงเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่บริษัทยังให้ความสำคัญในการเดินหน้าศึกษาและร่วมมือกันพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านให้ทั้งคู่ค้า โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้สามารถขับเคลื่อนไปได้พร้อมกัน ได้ทั้งห่วงโซ่ธุรกิจ”​ คุณสราวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย