ExperienceTop Stories

‘บอร์ดยั่งยืนซีพี’ ย้ำโจทย์ ​Carbon Neutral 2030 มุ่ง ‘เป็นกลางทางคาร์บอน’ ​ภายในปี 2573 วาระสำคัญและเร่งด่วน​​ พร้อมผนึกกำลังองค์กรขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย  

ซีพี รวมพลังองค์กร–พันธมิตร ขับเคลื่อนสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนปี 2030 นำเทคโนโลยี–พลังงานหมุนเวียนเสริมแผน พร้อมรับฟังมุมมองผู้ทรงคุณวุฒิ

​​การประชุมคณะกรรมการความยั่งยืน เครือเจริญโภคภัณฑ์ ครั้งล่าสุด ที่มี ​คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นประธานฯ ได้​สรุปเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนขององค์กร ภายในปี 2573  (Carbon Neutral 2030) ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญและเร่งด่วนของทุกกลุ่มธุรกิจในเครือฯ

สำนักบริหารความยั่งยืน ธรรมาภิบาลและสื่อสารองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ จึงได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ (workshop) ภายใต้ชื่อ  ‘C.P.Group Carbon Neutral 2030 ลงมือทำเพื่อเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ Carbon Neutral’ เพื่อติดตามความคืบหน้า​การดำเนินงานตามแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG Reduction) พร้อมรายงานสถานการณ์ครึ่งแรกของปี 2568 จากแต่ละกลุ่มธุรกิจ

เพื่อตอกย้ำว่าการจะบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutral ได้สำเร็จต้องอาศัยการขับเคลื่อนพร้อมกันทั้งองคาพยพ โดยมีผู้บริหารระดับสูงด้านความยั่งยืนจากทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งในไทยและจีน พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมให้ข้อเสนอแนะเพื่อร่วมผลักดันให้เครือเจริญโภคภัณฑ์สามารถบรรลุผลได้ตามเป้าหมาย

ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ ประธานคณะผู้บริหาร ด้านความยั่งยืนองค์กรและการพัฒนากลยุทธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนเป้าหมาย ‘Carbon Neutral 2030’ ถือเป็นโจทย์ที่ท้าทาย และต้องมียุทธศาสตร์ที่ชัดเจนและจริงจัง เพื่อสามารถขับเคลื่อนแผนควบคู่กับการผลักดันให้ธุรกิจยังสามารถเติบโตคู่กันไปด้วย จึงต้องผนึกกำลังในการขับเคลื่อนทั้งองคาพยพ ​

ทั้งนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ให้ความสำคัญต่อประเด็น Climate Resilience  พร้อมกำหนดโรดแมปสำคัญ อาทิ การเพิ่มพลังงาน Solar และพัฒนาระบบกักเก็บพลังงาน (BESS) ลดการปล่อยคาร์บอนจากการขนส่ง พร้อมส่งเสริมพลังงานชีวภาพจาก Biomass และ Biogas เพื่อลดคาร์บอนฟุตพรินท์ได้ครอบคลุม​ทั้ง Scope 1 และ 2 ขณะที่​​ Scope 3 และในส่วนของภาคเกษตร (FLAG) จำเป็นต้องเร่งพัฒนาแผนเพิ่มเติมเพื่อสามารถบรรลุ Net Zero ได้อย่างสมบูรณ์

ซีพีเอฟ เร่งลดคาร์บอนทั้งในและนอกภาคเกษตรอย่างมีระบบ

คุณจีระณี จันทร์รุ่งอุทัย Head of Global Net-Zero บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือ ซีพีเอฟ ฉายภาพ​การเดินหน้าสู่ Net-Zero ด้วย 4 กลยุทธ์อัจฉริยะ ครอบคลุมทั้งซัพพลายเชน ภายใต้มาตรฐาน Science Based Targets (SBTi) และ Net-Zero Standard  พร้อมระบุว่า ซีพีเอฟกำหนดเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งในภาคการเกษตร (FLAG) และนอกภาคการเกษตร (Non-FLAG) อย่างมีระบบ โดยขับเคลื่อนผ่าน 4 กลยุทธ์อัจฉริยะ ได้แก่

C – Carbon Reduction from Sustainable Sourcing : มุ่งจัดหาวัตถุดิบปลอดการตัดไม้ทำลายป่า 100% และตรวจสอบย้อนกลับได้

P – Power Circulation : ใช้พลังงานหมุนเวียนและยานยนต์ไฟฟ้า

 F – Future Generation : นำระบบผลิตและอาคารอัจฉริยะด้วย Automation, AI และ IoT มาลดคาร์บอน

Net-Zero Network :   ร่วมมือกับคู่ค้า ลูกค้า และพันธมิตรเพื่อขยายผลสู่ทั้งอุตสาหกรรม โดยมีมาตรการสำคัญครอบคลุมการเพาะปลูกคาร์บอนต่ำ การเพิ่มพลังงานสะอาด การจัดการของเสีย และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ยั่งยืน เพื่อให้การลดคาร์บอนเกิดขึ้นอย่างครอบคลุมตลอดห่วงโซ่อุปทาน

มร.หลิว อี้หัว (Liu Yihua) และ นางสาวเฟิง หนาน (Feng Nan) ผู้แทนกลุ่มธุรกิจเครือเจริญโภคภัณฑ์ เขตประเทศจีน กล่าวถึงแผนการสู่ Carbon Neutral 2030  ว่า  การดำเนินงานด้านความยั่งยืนในประเทศจีนมีความสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 32% แล้ว พร้อมมุ่งเดินหน้าสู่ Carbon Neutral 2030 ผ่านการใช้พลังงานสะอาด โดยฟาร์มทั้ง 19 แห่งติดตั้งโซลาร์เซลล์แล้ว และร่วมกับ Altervim ขยายการผลิตพลังงาน รวมถึงปรับปรุงกระบวนการผลิต เช่น พิมพ์เลเซอร์บนเปลือกไข่แทนสติ๊กเกอร์ และปรับระบบทำความเย็น ช่วยลดคาร์บอนได้กว่า 30,000 ตันต่อปี พร้อมลดต้นทุน ขณะเดียวกันยังพัฒนานวัตกรรมหม้อต้มไอน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ ใช้ไบโอแก๊ส ส่งเสริมเกษตรหมุนเวียน และผลักดันมาตรฐาน ‘โรงงานสีเขียว’ โดยพร้อมเข้าร่วมตลาดคาร์บอนเครดิตหากมีการพัฒนาในจีน

ซีพีออลล์ ตั้งเป้าลดก๊าซเรือนกระจก  4.8 – 5 แสนตัน

คุณอาคม อาจแสง ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส สำนักบริหารความยั่งยืนองค์กร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ซีพี ออลล์ ​ตั้งเป้า ‘Carbon Neutral 2030’ ​เช่นเดียวกับเครือฯ โดย​วาง​ยุทธศาสตร์ใหม่เพื่อ​ลดก๊าซเรือนกระจก​ตามเป้าหมาย  480,000-500,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO2e) ภายในปี 2573  ซึ่งแผน​ดังกล่าวประกอบด้วย

1) ลดการใช้พลังงาน ​ผ่านมาตรการการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานทั่วทั้งองค์กร

2) ลดความสูญเปล่าจากการใช้พลังงานทั่วทั้งองค์กรลง

3) เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาด

4) ลดการรั่วไหลและปรับปรุงสารทำความเย็นให้มีค่าศักยภาพทำให้โลกร้อนต่ำ(Low GWP)

ซึ่งคาดว่าทั้ง 4 มาตรการนี้ ​จะช่วยลดการปล่อยก๊าชเรือนกระจกประมาณ 27-30% จากการดำเนินธุรกิจตามปกติ (BAU) ส่วนที่เหลืออีกราว 70-73% จะลดผ่านการชดเชยด้วยคาร์บอนเครดิต หรือแนวทางอื่นๆ เพื่อนำมาใช้ชดเชยคาร์บอนในส่วนที่ยังเกินอยู่ ซึ่งแผนยุทธศาสตร์ใหม่นี้ได้เริ่มดำเนินการอย่างเข้มข้นตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นมา

ซีพี แอ็กซ์ตร้า – ทรู เร่งเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน

ดร.อนันต์ วัชรพงษ์วินิจ หัวหน้าคณะทำงานด้าน Climate Resilience บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) (Makro และ Lotus’s) ระบุว่า ธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกมีความท้าทายด้านการใช้พลังงานสูง จึงเร่งใช้พลังงานทดแทน เช่น โซลาร์รูฟทอป พร้อมปรับปรุงประสิทธิภาพและนำเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างระบบอัตโนมัติและเอไอมาใช้ ส่งผล​การปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี 2567–2568 ลดลงต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าใช้พลังงานทดแทน 31% ภายในปี 2573 และ 87.6% ภายในปี 2593  พร้อมทั้งได้ร่วมมือกับทรู คอร์ปอเรชั่นในโครงการ Energy Monitoring เพื่อลดการใช้พลังงานในบางช่วงเวลา และเตรียมใช้ระบบกักเก็บพลังงานและเทคโนโลยี UGT เพื่อสนับสนุนการจัดการพลังงานอย่างยั่งยืน

คุณวีรศักดิ์ พงษ์ธัญญวิชัย หัวหน้าศูนย์นวัตกรรม ทรู คอร์ปอเรชั่น ระบุว่า​ แม้กลุ่มทรูจะมีการปล่อยคาร์บอนในสโคป 1 ไม่มาก แต่บริษัทก็เร่ง​เดินหน้าลดการใช้พลังงานจากเสาสัญญาณกว่า 30,000–50,000 เสาทั่วประเทศ ผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพเสาเดิม ติดตั้งโซลาร์เซลล์แล้วกว่า 10,000 เสา และพัฒนาเครื่องกำเนิดไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง พร้อมตั้งศูนย์ BNIC เพื่อลดการใช้พลังงานอย่างเป็นระบบ ส่วนการขับเคลื่อนในสโคป 3  ตั้งเป้าร่วมกับคู่ค้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 25% ภายในปี 2573 โดยเน้นความร่วมมือเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืน

ผู้เชี่ยวชาญแนะบูรณาการ พร้อมพัฒนาเทคโนโลยี​

ทั้งนี้ ทางเครือเจริญโภคภัณฑ์ยังได้เปิดรับความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจาก​กลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ และ​ผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืนภายนอก เพื่อนำมาเป็นแนวทางและปรับใช้เพื่อขับเคลื่อนการบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น

รศ.ดร.เกรียงศักดิ์ ภานุวัฒน์วนิชย์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร (SIIT) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุว่า การมุ่งสู่เป้าหมาย Carbon Neutral ปี 2573 และ Net Zero ปี 2593 ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นโจทย์ท้าทายอย่างมาก เนื่องจากแต่ละกลุ่มธุรกิจมีลักษณะและรูปแบบการดำเนินงานที่แตกต่างกัน แต่ทุกหน่วยธุรกิจต่างมี​​ความพยายามอย่างจริงจังเพื่อ​บรรลุเป้าหมาย โดยเฉพาะความร่วมมือกันแบบข้ามกลุ่มธุรกิจ ​โดยแผน​การลดก๊าซเรือนกระจกใน Scope 1 และ 2 มีความก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ Scope 3 ซึ่งครอบคลุมห่วงโซ่อุปทาน ยัง​เป็นความท้าทายที่ต้องขับเคลื่อนต่อเนื่อง ทั้งนี้ หน่วยธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยี เช่น AI, IoT หรือ Carbon Capture สามารถเป็นต้นแบบให้หน่วยธุรกิจอื่นนำไปต่อยอดและพัฒนาแนวทางใหม่ ๆ ได้ ซึ่งเอกชนควรเริ่มปรับตัวและขยับตัวอย่างจริงจัง และภาครัฐควรมีนโยบายต่างๆ มาช่วยสนับสนุน​เพื่อสามารถบรรลุเป้าหมาย​ได้อย่างยั่งยืน

รศ.ดร.ชินธันย์ อารีประเสริฐ ผู้อำนวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แสดงความชื่นชมต่อความตั้งใจของกลุ่มธุรกิจเครือเจริญโภคภัณฑ์ในการผลักดันเป้าหมาย Carbon Neutral และ Net Zero โดยระบุว่า ​แม้​กลุ่มธุรกิจจะมีความแตกต่างกัน แต่การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ เช่น พลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์และชีวมวล รวมถึงการใช้ AI และ IoT ในกระบวนการผลิต สามารถช่วยให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ​

ผศ.ดร.อรอนงค์ ลาภปริสุทธิ  ภาควิชาสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  เห็นว่าทุกหน่วยธุรกิจมีความตั้งใจและระบบการทำงานชัดเจน แม้เป้าหมายท้าทาย โดยเฉพาะภาคเกษตรที่ซับซ้อนด้านข้อมูล การใช้เทคโนโลยีจะช่วยให้สามารถจัดเก็บ วิเคราะห์ และนำไปใช้วางแผนได้จริง พร้อมย้ำว่าการขับเคลื่อนของเอกชนจะช่วยให้เป้าหมายประเทศสำเร็จง่ายขึ้น

คุณนครินทร์ หอมดี สถาบันเทคโนโลยีไทย–ญี่ปุ่น ระบุว่าหลายธุรกิจได้รับการรับรอง SBTi และตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซ Scope 1–3 อย่างเป็นระบบ โดยเน้นการจัดการพลังงานและเพิ่มพลังงานทดแทน พร้อมชี้ว่าประเทศไทยสามารถนำแนวทาง Industry 5.0 มาปรับใช้เพื่อเสริมความยั่งยืนเช่นเดียวกับประเทศพัฒนาแล้ว