เรียกได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกการสร้างแพลตฟอร์ม Closed Loop ในกลุ่มธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นรายแรกๆ ของประเทศ สำหรับ ‘โฮมโปร’ เพื่อตอกย้ำกลยุทธ์ ‘Customer Lifetime Ecosystem‘ ในการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในทุกๆ โมเมนต์ของลูกค้า ตั้งแต่ Purchasing Journey ตลอดจนการดูแลหลังการบริโภคสินค้า ครอบคลุมตั้งแต่การเลือกซื้อสินค้า ออกแบบ ติดตั้ง ซ่อมแซม รีโนเวท ไปจนถึงบริการหลังการขาย ผ่านการรับคืนสินค้าเพื่อนำเข้าสู่ระบบการจัดการอย่างถูกวิธี
เพื่อส่งมอบคุณค่าแห่งการอยู่อาศัยที่ยั่งยืนตลอดช่วงอายุของการใช้งานสินค้าและบริการ และสร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า หรือ Better Living พร้อมยกระดับความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทานร่วมกับพันธมิตร เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ใช้พลังงานสะอาด จัดการขยะอย่างถูกวิธี และลดการปล่อยก๊าซกระจกอย่างเป็นรูปธรรม โดยตั้งเป้าขับเคลื่อนสู่ Net zero ภายในปี 2050
การขับเคลื่อนของโฮมโปร นอกจากเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ผู้บริโภคตลอด Customer Journey ยังเป็นการเชื่อมโยงมาสู่การส่งเสริมให้เกิดการบริโภคอย่างรับผิดชอบ (Responsible Consumption) เพื่อยกระดับสู่ Sustainable Living ตามแนวทางของการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อช่วยขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบตามกรอบ ESG ของโฮมโปรอีกด้วย
คุณรักพงศ์ อรุณวัฒนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มนักลงทุนสัมพันธ์ กลยุทธ์และความยั่งยืนองค์กร บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (โฮมโปร) เปิดเผยว่า หลังโฮมโปรขับเคลื่อนโครงการ ‘แลกเก่าเพื่อโลกใหม่’ มาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2023 ได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดี และมีผู้นำสินค้ามาแลกคืนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยข้อมูลล่าสุดพบว่า มีลูกค้านำสินค้าเก่ามาเข้าร่วมโครงการมากกว่า 3 แสนชิ้น รวมน้ำหนักกว่า 3,000 ตัน พร้อมทั้งได้นำเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าที่รับแลกคืน ไปเข้ากระบวนการในการคัดแยกและรีไซเคิลอย่างถูกต้อง ทำให้ได้เม็ดพลาสติกรีไซเคิล (PCR) รวมกว่า 100 ตัน พร้อมทั้งวัตถุดิบอื่นๆ ทั้งเหล็ก ทองแดง อลูมิเนียม ซึ่งสามารถนำวัตุถุดิบที่ได้กลับมาผลิตเป็นสินค้าใหม่ในกลุ่มรักษ์โลก หรือ Circular Products เพื่อลดปริมาณขยะพาสติก รวมทั้งกลุ่ม e-Waste หรือขยะอิเล็กทรอนิกส์ โดยปัจจุบันโฮมโปรมีสินค้า Circular รวม 1.5% ของพอร์ตสินค้า และตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนสินค้ากลุ่มนี้เพิ่มเป็น 20% ภายในปี 2030
“ปีนี้โฮมโปรได้เพิ่มกลุ่มสินค้าในการรับคืนให้หลากหลายมากขึ้น จากช่วงเริ่มต้นที่รับเพียงกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าราว 100 – 200 รายการ แต่ปัจจุบันเพิ่มเป็น 8,000 รายการ จากกว่า 70 หมวดหมู่ ครอบคลุมทั้งกลุ่มกระเบื้อง สุขภัณฑ์ เครื่องปั๊มน้ำ เครื่องทำน้ำอุ่น เพื่อเพิ่มความหลากหลายและเป็นทางเลือกให้ลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น พร้อมช่วยกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนสินค้าใหม่ ด้วยการมอบส่วนลดจากการนำสินค้าเก่ามาเทรดอิน ทำให้ Product Life Cycle ในการเปลี่ยนสินค้าของลูกค้าเร็วมากขึ้น ซึ่งดีทั้งในการช่วยกระตุ้นยอดขาย รวมทั้งประสิทธิภาพในการใช้พลังงานของสินค้าใหม่ที่ดีกว่าสินค้าเก่า ทำให้มีส่วนช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม”
นอกจากนี้ โฮมโปรยังมุ่งศึกษาข้อมูล รวมทั้ง Painpoint ต่างๆ ผ่านฐานสมาชิกกว่า 7 ล้านราย และกว่า 20 ล้านธุรกรรมในแต่ละปีอยู่เสมอ เพื่อเข้าใจอินไซต์ผู้บริโภค และนำมาปรับกลยุทธ์ด้านการขับเคลื่อนความยั่งยืน และผนวกรวมกับกลยุทธ์ทางธุรกิจให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมทั้งการเร่งพัฒนาระบบฐานข้อมูลให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) เพื่อทราบ Journey สินค้าที่ผลิตขึ้นในแต่ละล็อต เพื่อเพิ่มความรู้สึกของลูกค้าในการเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนความยั่งยืนและเศรษฐกิจหมุนเวียนได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่ไม่ใช่แค่เพียง ‘รับรู้’ แต่เริ่มให้ความสำคัญในการตัดสินใจ ‘เลือกซื้ออย่างมีจิตสำนึก’ เพิ่มมากขึ้น ภายใต้ปัจจัยที่จะพิจารณาทั้งเรื่องของราคา คุณภาพ รวมั้งคุณค่า และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมของแบรนด์และผู้ผลิตที่เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเช่นเดียวกัน