เป็นหนึ่งแบรนด์ที่ไม่เคยหยุดนิ่งในการทำความเข้าใจอินไซต์ และมุ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง ตลอดเส้นทางกว่า 2 ทศวรรษที่ผ่านมา นับจากเริ่มแนะนำตัวต่อผู้บริโภค ผ่านการให้บริการสาขาแรกมาตั้งแต่ปี 2544
มาถึงวันนี้ โมเมนตัมของ ‘ชาบูชิ’ ยังคงไม่เคยหยุดนิ่ง และสามารถเสิร์ฟสิ่งใหม่ให้ตลาดและผู้บริโภคได้อยู่ตลอดเวลา นับตั้งแต่เริ่มทักทายตลาดด้วยคอนเซ็ปต์แปลกใหม่ในรูปแบบ ‘บุฟเฟต์บนสายพาน‘ ที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน ตอบโจทย์ได้ทั้งความคุ้มค่าและประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ รวมทั้งการเฟ้นหาวัตถุดิบคุณภาพจากทุกมุมโลก จนถึงการพัฒนาแคมเปญการตลาด รวมทั้งโปรโมชั่นเด็ดๆ ที่ตกผลึกจากการทำความเข้าใจอินไซต์ผู้บริโภคอย่างถ่องแท้ จึงเป็นเหตุผลให้ ‘ชาบูชิ’ ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
Beyond Restaurant สู่ Social Bonding Platform
ปฏิเสธไม่ได้ว่ากาลเวลาที่เปลี่ยนแปลง ทำให้ผู้บริโภคในตลาดเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะผู้บริโภคกลุ่มหลักในปัจจุบันอย่าง GenZ ที่มีความแตกต่างไปจากเจนเนอเรชั่นก่อนหน้า ทั้งวิธีคิด ความชื่นชอบ ไลฟ์สไตล์ และพฤติกรรม โดยจะมีความเป็นตัวของตัวเองสูง และให้ความสำคัญกับเพื่อน รวมทั้งชื่นชอบการค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ จึงเป็นโจทย์สำคัญของแบรนด์ที่ต้องปรับตัว ปรับวิธีคิด เพื่อสามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้
นำมาสู่การขยับครั้งสำคัญในรอบ 20 ปี ของชาบูชิช่วงกลางปีที่ผ่านมา กับการรีเฟรชแบรนด์ พร้อมเปิดตัว ‘สกาย วงศ์รวี นทีธร – นานิ หิรัญกฤษฎิ์ ช่างคำ’ ซึ่งถือเป็นการใช้พรีเซ็นเตอร์คู่แรกของแบรนด์ สะท้อนความเป็น ‘เพื่อน‘ ระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค โดยเฉพาะการเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ด้วย Emotional Experience ช่วยตอกย้ำจุดแข็งและแนวคิดหลักของแบรนด์ ‘รสชาติความสุขไม่สิ้นสุด’ (Good Taste Great Time Never End) รวมทั้งสะท้อนถึง 2 ส่วนผสมสำคัญที่เข้ากันได้อย่างลงตัวของชาบูชิ ทั้ง ชาบู-ชาบู และซูชิ พร้อมด้วยแคมเปญ ‘ชาบูชิ x สกาย – นานิ: ALL YOU CAN กรี๊ด ฟินสุดกรี๊ด ยิ่งอีทยิ่งฟิน’ มาช่วยเติมเต็มประสบการณ์มากกว่าความอิ่มอร่อย ซึ่งได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายอย่างดี
ถือเป็นการเปลี่ยนวิธีคิดจากการมองแบรนด์ชาบูชิมุมใหม่ ที่ไม่ใช่เพียงแค่ร้านอาหาร แต่เป็นพื้นที่ในการเชื่อมต่อกับคนรุ่นใหม่ และเสิร์ฟได้มากกว่าแค่ความอิ่มอร่อย แต่สามารถแชร์ความสุข ประสบการณ์ร่วม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในทุกโมเมนต์ของลูกค้า สะท้อนมุมมองของแบรนด์ที่คิดมากกว่าแค่ในระดับทางการตลาด แต่เป็นการเข้าใจไปถึงเรื่องของอารมณ์ ความรู้สึก พร้อมการออกแบบประสบการณ์เพื่อส่งมอบให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจ และอยากกลับมาใช้บริการได้อีกครั้ง
เสิร์ฟดีไซน์ใหม่ ตอกย้ำ ‘จุดหมายปลายทาง’ ชาบู-ชาบู และซูชิ
นอกจากความแข็งแรงในการตอบโจทย์ Emotional Experience ในเชิงวิธีคิดและกลยุทธ์ของแบรนด์แล้ว ชาบูชิ ยังไม่ลืมที่จะตอบโจทย์ประสบการณ์ด้าน Physical Experience ที่สามารถจับต้องได้ผ่านการยกระดับดีไซน์ร้านในรูปแบบใหม่ เน้นความทันสมัยและเชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคปัจจุบัน โดยออกแบบในโทนสีขาว เน้นความโปร่งโล่ง สะอาด พร้อมกราฟิกแนวญี่ปุ่นร่วมสมัย ให้ความรู้สึกสนุก สดใส และทันสมัย สอดคล้องบุคลิกแบรนด์ที่มีความสดใส มีชีวิตชีวา และพร้อมที่จะสร้างแรงบันดาลใจในทุกโมเมนต์ของการใช้เวลาในร้าน
คุณศสัย ตังเดชะหิรัญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า ชาบูชิได้นำร่องเผยโฉมดีไซน์ใหม่สาขาแรกให้เห็นไปแล้วที่ ‘ชาบูชิ สาขาซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์’ รวมทั้งทยอยเปิดตัวดีไซน์ใหม่เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ทั้ง กทม. และหัวเมืองหลักในต่างจังหวัด ประกอบด้วย สาขาเซ็นทรัล ขอนแก่น, สาขามาร์เก็ตวิลเลจ หัวหิน, สาขาเกทเวย์ เอกมัย, สาขาเซ็นทรัล พัทยา และสาขาเซ็นทรัล ศาลายา ทำให้ปัจจุบันมีชาบูชิสาขาที่เป็นดีไซน์ใหม่ให้บริการแล้วรวม 6 สาขา
พร้อมตั้งเป้าจะขยายเพิ่มเติมให้ครบ 10 สาขา ภายในปีนี้ โดยอีก 4 สาขาที่เตรียมเปิดให้บริการเพิ่มเติม ได้แก่ สาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า, สาขาเซ็นทรัล นครศรีธรรม, สาขาจังซีลอน ภูเก็ต และสาขาโลตัส บ้านบึง ซึ่งโลเกชั่นที่จะขยายเพิ่มเติม จะเน้นขยายในศูนย์การค้า และห้างสรรพสินค้าชั้นนำขนาดใหญ่ของแต่ละพื้นที่ เพื่อเข้าถึงฐานลูกค้าได้หลากหลาย เพิ่มการช่วยสร้างภาพจำใหม่ของแบรนด์ให้มีความชัดเจนได้ในระดับประเทศ
“การปรับร้านสู่ดีไซน์ใหม่ของชาบูชิ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในปัจจุบัน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการมากกว่าความอร่อย พร้อมย้ำภาพความตั้งใจในการเสิร์ฟ ‘รสชาติความสุขไม่สิ้นสุด’ โดยไฮไลท์ที่ทำให้รู้สึกถึงความแตกต่างได้มากขึ้น คือ การนำเสนอ Sushi-Master Station ในรูปแบบครัวเปิด ด้วยการปั้นซูชิสดใหม่ แบบคำต่อคำ พร้อมช่วยเพิ่มมิติของประสบกาณณ์ (Visual Experience) ที่สามารถแชร์ความประทับใจผ่านโซเชียล และสร้างคอนเทนต์ในระหว่างมื้ออาหาร ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโมเมนต์พิเศษร่วมกับคนพิเศษ ทั้งเพื่อน และครอบครัว (Great Moment)”
การปรับตัวอย่างต่อเนื่องของชาบูชิ ตอกย้ำการเป็น Social Bonding และจุดแข็งในการเป็น Destination สำหรับนักกินที่ชื่นชอบชาบู-ชาบู และซูชิ โดยเฉพาะซูชิ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งพระเอกของร้านชาบูชิให้เข้ามามีบทบาทในการสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้มากยิ่งขี้น ผ่านการเสิร์ฟซูชิคุณภาพเยี่ยมและหลากหลายรวมกว่า 30 รายการ ช่วยยกระดับประสบการณ์ซูชิเพิ่มขึ้นในอีกระดับ รวมทั้งการเพิ่มทางเลือกจากองค์ประกอบอื่นๆ ภายในร้าน ทั้งสเตชั่นซอส ที่สามารถผสมสูตรได้ตามชอบ สเตชั่นอาหารทานเล่น ที่วางไว้ในตู้อุ่นเพื่อคงความสดใหม่พร้อมเสิร์ฟ และสเตชั่นของหวาน ที่เพิ่มเมนูใหม่อย่างคากิโกริ หรือน้ำแข็งใสสไตล์ญี่ปุ่น และทอปปิ้งหลากหลาย พร้อมเมนูเครื่องดื่มที่หมุนเวียนไปตามฤดูกาล เพื่อเพิ่มประสบการณ์ใหม่ได้ทุกครั้งที่กลับเขามาใช้บริการ
“การปรับตัวอย่างต่อเนื่องของชาบูชิ เพื่อขับเคลื่อนแบรนด์สู่การเติบโตได้อย่างยั่งยืน ผ่านการส่งมอบความสุข และประสบการณ์ที่ดีร่วมไปกับผู้บริโภคในทุกช่วงเวลา ตอกย้ำถึงความเป็นมิตรที่พร้อมอยู่เคียงข้างทุกคน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความคุ้นเคยกันแล้ว หรือกลุ่มลูกค้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำความรู้จักกับแบรนด์ การขับเคลื่อนสู่ภาพลักษณ์ใหม่ของชาบูชิในครั้งนี้ จึงไม่ใช่เพียงแค่หนึ่งหมุดหมายของการรีเฟรชแบรนด์ครั้งนี้ แต่ยังเป็นการวางกลยุทธ์เพื่อเพิ่มพลังให้แบรนด์สามารถ Next Step สู่การพัฒนาแบรนด์ในยุคใหม่ และบรรลุเป้าหมายในการเป็นแบรนด์อันดับแรกในใจ (Top of Mind) เมื่อผู้บริโภคนึกถึงร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์ชาบู -ชาบู และซูชิ (Shabu-Shabu Sushi Destination) ที่สามารถเสิร์ฟได้มากกว่าแค่ความอร่อย แต่สามารถมอบ ‘รสชาติแห่งความสุขที่ไม่มีวันสิ้นสุด’ ไปได้พร้อมกัน เพราะในโลกที่ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แบรนด์ที่อยู่ได้อย่างยั่งยืนคือแบรนด์ที่กล้าก้าวไปพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ“ คุณศสัย กล่าวทิ้งท้าย