Top StoriesTrending

ไม่ใช่แค่ ‘ทองคำ’ แต่ ‘ก๊าซเรือนกระจก’ ก็ New High ​​ต่อเนื่อง SET เผย ‘ก๊าซเรือนกระจก’ ทั่วโลกในปี 2567 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่

ทั่วโลกให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก เนื่องจากเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อภาวะโลกเดือดและการเกิดภัยธรรมชาติ โดยเริ่มมีการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นระบบก่อนจะนำไปสู่การวางแผนและจัดทำฐานข้อมูลที่ชัดเจน เพื่อใช้เป็นข้อมูลสนับสนุนในการออกมาตรการควบคุมหรือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ

ปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยเลขาธิการสหประชาชาติประกาศเมื่อเดือนกรกฎาคม 2566 ว่า ‘เราได้ก้าวข้ามจาก ภาวะโลกร้อน (Global Warming) เข้าสู่ ภาวะโลกเดือด (Global Boiling) แล้ว’

สอดคล้องกับถ้อยแถลงของ ศาสตราจารย์เซเลสเต เซาโล (Prof. Celeste Saulo) เลขาธิการองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (World Meteorological Organization: WMO) ในรายงาน State of the Global Climate 2024  ว่า ปี 2567 ทำสถิติใหม่เป็นปีที่ร้อนที่สุดในรอบ 175 ปี โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกสูงกว่ายุคก่อนอุตสาหกรรมถึง 1.55 องศาเซลเซียส

คุณสุมิตรา ตั้งสมวรพงษ์​ ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สรุปรายงาน ‘ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ของทุกประเทศทั่วโลกที่เกิดขึ้นในปี 2567′ (GHG Emissions of All World Countries 2025 Report) ที่จัดทำโดย Joint Research Centre (JRC) สหภาพยุโรป และเผยแพร่เมื่อ 9 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา โดยเนื้อหามีสาระสำคัญ ต่อไปนี้

1. ปี 2567 ทั่วโลกปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG Emissions) สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 53,200 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (ล้านตัน CO2eq) โดยเพิ่มขึ้น 1.3% จากปี 2566 โดย 74.5% ของปริมาณการปล่อยก๊าซ เรือนกระจกทั้งหมดเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล (fossil CO2) และอุตสาหกรรมพลังงาน (Power Industry) เป็นแหล่งปล่อยใหญ่ที่สุดประมาณ 30%
ทั้งนี้ หากพิจารณาช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (ปี 2558 – ปี 2567) พบว่า GHG Emissions ทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะลดลงเล็กน้อยในปี 2563 จากการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจในช่วงการแพร่ระบาดรุนแรงของ COVID-19 ก่อนกลับมาเพิ่มสูงขึ้นและแตะระดับสูงสุดใหม่ในปี 2567 (หรือเติบโตเฉลี่ย 1.05% ต่อปีในช่วง 10 ปี)
2. ประเทศที่มี GHG Emissions มากที่สุด ในปี 2567 คือ จีน โดยมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในโลก และทำสถิติสูงสุดใหม่ (New High) ที่ 16,536 ล้านตัน CO2eq หรือ คิดเป็น 29.2% ของปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก ตาม​​อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่ง 84.5% ของ GHG Emissions ในจีนเป็นการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากอุตสาหกรรมพลังงาน
และหากพิจารณาภาพรวมทั่วโลก ​พบว่า 10 กลุ่มหรือประเทศ ที่มี GHG Emissions สูงสุดในปี 2567 ได้แก่ จีน สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป (EU27) อินเดีย รัสเซีย อินโดนีเซีย บราซิล ญี่ปุ่น อิหร่าน และซาอุดีอาระเบีย ตามลำดับ โดยมีปริมาณ​ GHG Emissions รวม 37,141 ล้านตัน CO2eq หรือคิดเป็น 69.7% ของปริมาณรวมทั่วโลก โดยที่ 9 อันดับแรกมีปริมาณการปล่อยก๊าซฯ สูงกว่า 1,000 ล้านตัน CO2eq
3. กลุ่มประเทศอาเซียนปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวม 3,226 ล้านตัน CO2eq เพิ่มขึ้น 146 ล้านตัน CO2eq หรือเพิ่มขึ้น 4.7% จากปี 2566 สูงกว่าภาพรวมโลก และมีสัดส่วน GHG Emissions ของอาเซียน ในปี 2567 เพิ่มขึ้นเป็น 6.1% จาก 5.9% ในปี 2566
สาเหตุหลักมาจาก​ GHG Emissions ที่เพิ่มขึ้นของ อินโดนีเซีย ซึ่งมีการปล่อยก๊าซฯ มากที่สุดในอาเซียน และสูงเป็นอันดับ 5 ของโลก โดยมี​ปริมาณการปลดปล่อย 1,323.78 ล้านตัน CO2eq หรือคิดเป็น 41.0% ของทั้งภูมิภาคอาเซียน ตามมาด้วยเวียดนาม และไทย ส่วนบรูไนปล่อยก๊าซน้อยที่สุดในอาเซียน
โดยบรูไนและเมียนมา เป็นเพียงสองประเทศที่มีการปล่อยก๊าซฯ ลดลง โดยลดลง 1.6% และ 0.4% จากปี 2566 ขณะที่เวียดนามมีอัตราการเพิ่มขึ้นของปริมาณการปล่อยก๊าซฯ สูงสุดในอาเซียน โดยเพิ่มขึ้น 7.6% จากปี 2566 ตามมาด้วยสิงคโปร์ 5.1% และอินโดนีเซีย 5.0% ตามลำดับ
4. ประเทศไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุดเป็นอันดับ 21 ของโลก (อันดับ 3 ในอาเซียน) ด้วยปริมาณ 422 ล้านตัน CO2eq เพิ่มขึ้น 12 ล้านตัน CO2eq หรือเพิ่มขึ้น 2.9% จากปี 2566 โดยก๊าซเรือนกระจกส่วนใหญ่ (67.2%) เป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ ตามมาด้วยก๊าซมีเทน 19.2% กลุ่มก๊าซตระกูลฟลูออโรคาร์บอน 9.3% และก๊าซไนตรัสออกไซด์ 4.3% ตามลำดับ
สำหรับแหล่งกำเนิด GHG ในไทยส่วนใหญ่เกิดจากการผลิตไฟฟ้า (Power industry) การขนส่ง (Transport) กระบวนการผลิต (Processes) การเกษตร (Agriculture) อุตสาหกรรม (Industrial Combustion) การกำจัดของเสีย (Waste) การจัดการเชื้อเพลิง (Fuel Exploitation) และที่พักอาศัยและอาคารพาณิชย์ (Buildings)
นอกจากนี้ หากพิจารณาปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้พลังงาน ในปี 2567 ที่ผ่านมา ตามข้อมูลของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน ยังพบว่า ในปี 2567 ประเทศไทยปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 245.7 ล้านตัน CO2 เพิ่มขึ้น 1.0% จากปี 2566 สอดคล้องกับการใช้พลังงานของไทยที่เพิ่มขึ้น 1.1% โดยในภาคการผลิตไฟฟ้ามีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพิ่มขึ้น 5.1% ส่วนภาคการขนส่ง และภาคเศรษฐกิจอื่น ๆ (ภาคครัวเรือน เกษตรกรรม พาณิชยกรรม และกิจกรรมอื่น ๆ) ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ เพิ่มขึ้นเท่ากันที่ 0.5% ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ลดลง 4.5%