ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดโครงการ ‘Green Financing Program’ เร่งแผน Decarbonization นำร่อง ‘บริษัทเทเลคอมรายแรกของเอเชีย’ ผนึกพันธมิตรมอบโซลูชันทางการเงิน สนับสนุนซัพพลายเออร์เปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ เพื่อบรรลุ Carbon Neutral ในสโคป 1,2 และลด Carbon Emission ในสโคปที่ 3ให้ลดลง 25% ภายในปี 2030
ทรู คอร์ปอเรชั่น ผู้นำบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีของไทย ตอกย้ำพันธกิจด้านความยั่งยืน ประกาศยกระดับความร่วมมือกับพันธมิตรคู่ค้าไปอีกขั้น เปิดตัว ‘Green Financing Program’ ครั้งแรกในเอเชีย จับมือพันธวณิช และทีเอ็มบีธนชาต ร่วมสร้างโอกาสใหม่ให้คู่ค้าสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนสีเขียวได้ง่ายขึ้น เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ ผ่าน 4 กลุ่มสินเชื่อ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานสะอาด
คุณซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งมั่นขับเคลื่อนความยั่งยืนในทุกมิติของ ESG ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เพื่อมุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำเทคโนโลยีโทรคมนาคมของไทย ที่ร่วมยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยได้อย่างยั่งยืน และขับเคลื่อนสู่แถวหน้าของเศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลก โดยมองว่า ‘การเติบโตอย่างยั่งยืน’ ต้องเกิดขึ้นจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนในห่วงโซ่อุปทาน ไม่ว่าจะเป็นการร่วมลดการปล่อยคาร์บอนผ่านโครงการ ‘Green Financing Program’ ที่ช่วยให้คู่ค้าสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนสีเขียวเพื่อปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่ความยั่งยืนได้ง่ายขึ้นรวมทั้งการยกระดับมาตรฐานด้านสุขภาพและความปลอดภัยในการทำงาน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ
ด้าน ดร.เนตรชนก วิภาตะศิลปิน หัวหน้าสายงานด้านความยั่งยืนองค์กร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวเพิ่มเติมว่า ทรู ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่าน 3 มิติ สำคัญ ทั้ง Living Right , Living Well และ Living Togrther โดยเฉพาะเป้าหมายสำคัญที่ต้องขับเคลื่อนร่วมกันภายในห่วงโซ่อุปทาน คือ การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ที่บริษัทตั้งเป้าหมายบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ในสโคปที่ 1 และ 2 ภายในปี 2030 และบรรลุ Net Zero ในปี 2050 รวมทั้งอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญคือ การบริหารห่วงโซ่อุปทานอย่างมีความรับผิดชอบทั้ง 100% โดยเฉพาะการขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจกได้ตลอดทั้งห่วงโซ่ (GHG Reduction) ผ่านการช่วยเหลือซัพพลายเออร์ หรือคู่ค้าเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ ซึ่งเป็นทิศทางที่สอดคล้องกับการลดคาร์บอนในสโคปที่ 3 ของธุรกิจด้วย
“ ‘คู่ค้า’ คือแรงขับเคลื่อนสำคัญในภารกิจลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน หรือใน Scope 3 ตามหลักการ Science Based Targets initiative (SBTi) เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถบรรลุเป้าหมาย Net Zero ได้ภายในปี 2050 ทำให้ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งสร้างระบบนิเวศแห่งความยั่งยืนเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยปีที่ผ่านมาได้ผนึกพันธมิตรอย่าง ‘พันธวนิช‘ ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มจัดซื้อจัดจ้างอิเล็กทรอนิกส์ (e-Procurement) นำร่องประเมินพันธมิตรธุรกิจรายหลักกว่า 100 ราย ผ่านโซลูชัน Supplier360 เพื่อเป็น Tier1 ที่มีความพร้อมและสามารถสร้าง Big Impact ในการนำร่องเพื่อขับเคลื่อน Green Transition ภายในห่วงโซ่ โดยพบปัญหาสำคัญว่า 50% ของคู่ค้าต้องการเข้าถึงแหล่งทุนสีเขียว จึงเป็นที่มาของการขับเคลื่อนโปรเจ็กต์ Green Financing Program ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของบริษัทเทเลคอมของเอเชีย และการได้รับความร่วมมือจากสถาบันการเงินอย่างทีเอ็มบีธนชาติ ผ่านการสนับสนุน 4 โซลูชันทางการเงิน เพื่อช่วยขับเคลื่อนแผน Decarbonization ของคู่ค้า”

นอกจาก การช่วยให้คู่ค้าเข้าถึงแหล่งทุนสีเขียว ทางทรู คอร์ปอเรชั่น ยังมีแพลตฟอร์ม ‘GHG (Greenhouse Gas) Emissions Data Platform and Consulting Service’ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยสนับสนุนพันธมิตร เพื่อจัดทำรายงาน และขับเคลื่อแผนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อพิชิตเป้าหมาย Net Zero ได้ตามแผนที่วางไว้ และจะเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่เพิ่มโอกาสให้พันธมิตรเข้าถึงแหล่งเงินทุนสีเขียวได้ง่ายขึ้น เพื่อสามารถดำเนินโครงการด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานทางเลือก รวมถึงเข้าถึงสินเชื่อพิเศษที่เชื่อมโยงกับผลลัพธ์ด้านความยั่งยืนที่ตั้งไว้ร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้น การขับเคลื่อนโมเดลนี้ของทรู คอร์ปอเรชั่น จึงไม่เพียงเสริมศักยภาพให้คู่ค้า และความต้องการของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังตอบโจทย์นักลงทุนที่มุ่งเน้นการลงทุนด้าน Decarbonization นำพาห่วงโซ่อุปทานของทรูเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนไปด้วยกัน เนื่องจาก เป้าหมายสำคัญจากนี้คือ การเดินหน้าขยายการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านให้กับคู่ค้าตลอดทั้งห่วงโซ่ที่มีโดยรวมกว่า 2,000 ราย ในการขับเคลื่อนแผน Decarbonization อย่างต่อเนื่องในอนาคต

“ทรู นำร่องด้วยกลุ่มพันธมิตรรายใหญ่ ซึ่งกระจายอยู่ใน 6 กลุ่มสำคัญของธุรกิจทั้ง Mobile Device and Accesssories (โทรศัพท์มือถือ, อุปกรณ์เสริมและ Packaging ) กลุ่ม IoT (กลุ่มอุปกรณ์ Internet of Things) กลุ่ม IT (ผู้ให้บริการด้านไอทีและโซลูชั่นทางธุรกิจ) กลุ่ม Application Development (ผู้ให้บริการด้านการพัฒนาแอปพลิเคชัน) กลุ่ม Broadband Equipment and Service (อุปกรณ์และบริการบรอดแบนด์) และ กลุ่ม Core Network and Infrastructure Supply and Service (งานสร้างข่ายสายและซ่อมบำรุงรักษาอุปกรณ์โครงข่าย) โดยเฉพาะซัพพลายเออร์ในส่วนของงานโครงข่าย ซึ่งมีสัดส่วนถึง 36% และหากรวมกลุ่มบรอดแบนด์ที่มี 21% จะรวมกันมากกว่าครึ่งหนึ่งของพอร์ตในเชิงวอลลุ่ม ซึ่งหากสามารถเปลี่ยนผ่านสองกลุ่มหลักนี้ได้ จะขับเคลื่อนแผน Decarbonization ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบันแผนการลดคาร์บอนของทรู ทั้งสโคป 1, 2 และ 3 ถือว่าขับเคลื่อนไปได้ตามที่เป้าหมายกำหนดและเชื่อว่าจะสามารถบรรลุ Milestones แรก ในการเป็นกลางทางคาร์บอน และการลดคาร์บอนในสโคป 3 ได้ที่ 25% ตามที่เป้าหมายวางไว้”
สำหรับ โซลูชั่นทางการเงินที่ทาง TTB พร้อมสนับสนุน คู่ค้าของทรู คอร์ปอเรชั่น ในการขับเคลื่อน Green Transition มี 4 รูปแบบ ประกอบด้วย
1. Green Loan & Blue Loan – สินเชื่อระยะยาวสำหรับโครงการด้านพลังงานทดแทนและพลังงานสะอาด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน สนับสนุนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน รวมถึงการพัฒนาอาคารรักษ์โลก
2. Short-term Financing Linked-Loan (SLL) – สินเชื่อพิเศษที่เชื่อมโยงกับเป้าหมายด้านความยั่งยืน โดยมีเงื่อนไขดอกเบี้ยอัตราพิเศษซึ่งอ้างอิงจากผลลัพธ์การดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัท
3. Solar E-P-C (Engineering-Procurement-Construction) – สินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการโซลาร์เซลล์แบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่ค่าดำเนินการสำรวจพื้นที่ ออกแบบ ติดตั้ง ทดสอบ ไปจนถึงใช้งานระบบจริง
4. Hire Purchase/ Financial Lease for EV Car – สินเชื่อสำหรับจัดหารถยนต์ไฟฟ้า (EV) ทั้งรถประจำตำแหน่ง รถส่วนกลาง รถสวัสดิการ และรถที่ใช้ในธุรกิจขนส่งสินค้า เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนในภาคโลจิสติกส์

มุ่งสู่เป้าหมาย Zero Fatalities – อัตราการเสียชีวิต จากการทำงานเป็นศูนย์
นอกจาก การขับเคลื่อนมิติเรื่องสิ่งแวดล้อม อีกหนึ่งปัจจัยที่ทางทรู คอร์ปอเรชั่น ให้ความสำคัญอย่างยิ่งมากที่สุดกว่าทุกปัจจัย คือ ‘ความปลอดภัยของคนทำงาน’ เนื่องจาก ‘คน’ คือหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนทุกโครงการของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นภารกิจติดตั้งสถานีฐาน ขยายโครงข่าย หรือดูแลระบบในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ทรู จึงตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนไว้ว่า Zero Fatalities – ไม่มีการสูญเสียชีวิตจากการทำงานแม้แต่รายเดียว และยึดแนวทาง ‘Stay TRUE to Safety’ เป็นหลักการทำงานร่วมกัน เพื่อให้ทุกคนในห่วงโซ่อุปทานเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกันอย่างปลอดภัยสูงสุด
คุณซิกเว่ กล่าวตอกย้ำความสำคัญของ Health & Safety ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ด้วยเป้าหมาย Zero Fatalities หรือ ‘อัตราการเสียชีวิตจากการทำงานเป็นศูนย์’ ผ่านเวที True Supplier Forum 2025 : Together for Net Zero ที่จัดขึ้นทุกปีเพื่อบริษัทคู่ค้าหลัก เร่งขับเคลื่อนภารกิจปล่อยก๊าซเรือนกระจก Scope 3 สู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2593
“สิ่งที่ผมให้ความสำคัญที่สุดคือ ‘ความปลอดภัยของคนทำงาน’ เพราะเบื้องหลังเครือข่ายที่แข็งแกร่งของทรู คือการทำงานอย่างทุ่มเทของผู้คนมากมายในภาคสนาม เราจึงตั้งเป้าหมาย ‘Zero Fatalities’ หรือการไม่มีการสูญเสียชีวิตจากการทำงานแม้แต่รายเดียว พร้อมยกระดับมาตรฐานสุขภาพและความปลอดภัยตลอดห่วงโซ่อุปทานอย่างจริงจัง เพื่อให้ทุกคนปลอดภัยในทุกวัน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืนที่ทรูตั้งใจเดินไปพร้อมกับพันธมิตรทุกคน” คุณซิกเว่ กล่าว
สำหรับแนวทาง ‘Stay TRUE to Safety’ ประกอบด้วย T : Take a pause Safety First , R : Report Immediately, U : Use The Right Equipment และ E : Educated Yourself โดยในทุกขั้นตอนการดำเนินงาน ทรูจะให้ความสำคัญต่อมาตรการความปลอดภัยอย่างเข้มข้นและเป็นระบบในทุกขั้นตอนของการทำงาน ได้แก่
– ปรับปรุงและเข้มงวดสัญญากับซัพพลายเออร์ในพื้นที่เสี่ยงสูง: เพิ่มข้อกำหนดด้านความปลอดภัยที่ชัดเจน กำหนดให้ต้องมีการอบรมกระบวนการปฏิบัติงานมาตรฐาน (SOP) อย่างเข้มงวด จัดหาอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล (PPE) และกำหนดกรอบบทลงโทษและการชดเชยอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานที่มีความรับผิดชอบและให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
– ยกระดับการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยให้กับซัพพลายเออร์: ผ่านการทดสอบหลังการอบรมและการรับรอง เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานภาคสนามมีความรู้ ความสามารถ และตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
– ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล: ในการติดตามความพร้อมของสัญญาและเฝ้าระวังประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง
“เป้าหมาย “Zero Fatalities” ไม่ใช่เพียงตัวเลข แต่คือพันธกิจสำคัญที่ทรูและพันธมิตรทุกฝ่ายต้องร่วมกันทำให้เกิดขึ้นจริง เพื่อให้ “ทุกคนกลับบ้านอย่างปลอดภัยในทุกวัน” คุณซิกเว่ กล่าวทิ้งท้าย