สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) ชู นโยบาย ‘ไม่เทรวม’ ของกรุงเทพมหานคร เป็นการเริ่มต้นที่สำคัญในการปฏิรูประบบการจัดการขยะ แม้ว่ายอดผู้เข้าร่วมลงทะเบียนล่าสุดจะสูงทะลุถึงจำนวน 896,876 หลังคาเรือน (ข้อมูล ณ วันที่
20 ตุลาคม พ.ศ. 2568) จากจำนวนทั้งหมดที่มีคุณสมบัติรับสิทธิ์ประมาณ 2,479,740 หลังคาเรือน คิดเป็ยังต้องเร่งสร้างการมีส่วนร่วมให้มากขึ้น ด้านสถาบันสิ่งแวดล้อมไทยย้ำ “ทุกคนทำได้” ชวนคนกรุงมาร่วมกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็ก ๆ เริ่มต้นจากที่บ้าน สู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ของเมือง
ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย แสดงมุมมองถึงโครงการ ‘บ้านนี้ไม่เทรวม : แยกขยะลดค่าธรรมเนียม’ ของกรุงเทพมหานครว่า แม้การลงทะเบียนผู้เข้าร่วมอยู่ที่ 896,876 หลังคาเรือน (ข้อมูล ณ วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2568) แบ่งเป็น ลงทะเบียนแบบเดี่ยว (บ้านพักอาศัย) 333,911 หลังคาเรือน ลงทะเบียนแบบกลุ่ม (คอนโดมิเนียม
บ้านจัดสรร ชุมชน แฟลต) จำนวน 3,768 แห่ง 562,965 หลังคาเรือน
จากยอดจำนวนตัวเลขผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ แสดงให้เห็นถึงความตระหนักรู้ถึงปัญหาขยะของคนกรุงฯ ที่ได้สร้างผลกระทบเชิงลบในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม ทำให้ทุกคนเริ่มอยากเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการเปลี่ยนแปลงระบบการบริหารจัดการขยะให้เกิดความยั่งยืน

ดังนั้น กรุงเทพมหานครต้องเร่งเดินหน้าในการสร้างความรู้ความเข้าใจและสื่อสารข้อมูลให้ประชาชนได้เห็นถึงความสำคัญในการคัดแยกขยะก่อนทิ้ง (ไม่เทรวม) รวมทั้งอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการแสดงผลการดำเนินการผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ที่หลากหลาย เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมเพราะถือเป็นสิ่งสำคัญ พร้อมชี้ว่า ตอนนี้กรุงเทพมหานครกำลังอยู่ระหว่างการปรับระบบอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดเก็บ การขนส่ง และการนำขยะที่แยกแล้วไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งกรุงเทพมหานครได้พยายามอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าร่วมได้ง่ายขึ้น
“กทม. พยายามเร่งอำนวยความสะดวกให้ประชาชนดำเนินการง่ายขึ้น เพียงถ่ายรูปตอนแยกขยะ ถ่ายรูปการเอาขยะรีไซเคิลไปขาย และเมื่อถ่ายรูปเสร็จก็นำส่งให้กรุงเทพมหานคร ผ่านแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายสามารถรายงานไปตามแบบฟอร์มต่าง ๆ ได้ ซึ่งวิธีนี้เป็นการดำเนินการง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้ และเป็นตัวช่วยให้การดำเนินงานสะดวกมากขึ้น”

ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย กล่าวเสริมว่า โครงการ ‘บ้านนี้ไม่เทรวม : แยกขยะลดค่าธรรมเนียม’ ไม่ใช่แค่การลดปริมาณขยะที่ต้องนำไปฝังกลบ แต่คือการสร้างวัฒนธรรมใหม่ให้กรุงเทพฯ การเริ่มต้นที่บ้านด้วยการคัดแยกขยะอาหาร ออกจากขยะทั่วไปและขยะรีไซเคิล คือ หัวใจสำคัญการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ส่งผลกระทบเชิงบวกที่ยิ่งใหญ่ได้ พร้อมเน้นย้ำถึงประโยชน์ของการคัดแยกขยะที่ต้นทาง ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดได้หลากหลาย ทั้งเรื่องของการหมักปุ๋ยหรือสารบำรุงดิน การนำไปเป็นอาหารสัตว์ เลี้ยงปลา ในขณะเดียวกันขยะรีไซเคิลถ้าแยกแล้วก็สามารถที่จะสร้างรายได้ให้ชุมชนได้และเป็นการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน
“โครงการนี้ของกรุงเทพมหานคร ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ขณะเดียวกันสิ่งที่สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ในฐานะองค์กรพัฒนาเอกชนที่ขับเคลื่อนงานด้านสิ่งแวดล้อมอยากเห็นคือ ส่งเสริมให้เกิดการปฏิบัติจริง เพื่อส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม ผลดีต่อภาพรวมของประเทศของโลก รวมทั้งอยากให้ท้องถิ่นอื่น ๆ ดำเนินการในลักษณะคล้าย ๆ กัน เพื่อขยายผลไปสู่การบริหารจัดการขยะอย่างยั่งยืน”

ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร ขอเชิญชวนประชาชนทุกคนมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ที่ทุกคนทำได้ด้วยตัวเอง เริ่มต้นด้วยการคัดแยกขยะที่บ้าน ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ‘ไม่เทรวม’ และรายงานผ่านช่องทางต่าง ๆ ของ กทม. เพื่อกรุงเทพฯ ที่สะอาดขึ้นและน่าอยู่ยิ่งขึ้นสำหรับเราทุกคน






