หลังขับเคลื่อนมากว่า 14 ปี สำหรับ โครงการ Banpu Champions for Change (BC4C) โครงการที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของ ธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ทั้งการบ่มเพาะ ให้องค์ความรู้ การสร้างแบรนด์ ความสามารถด้านการตลาด และช่วยขยายเครือข่ายทั้งในกลุ่มผู้ทำธุรกิจเพื่อสังคมด้วยกัน ตลอดจนถึงการเชื่อมโยงกลุ่มธุรกิจเพื่อสังคมให้เข้าถึงกลุ่มนักลงทุนหรือธุรกิจที่สนใจสนับสนุนการลงทุนในธุรกิจเพื่อสังคมให้มีความแข็งแรงและสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกผ่านการทำธุรกิจได้เพิ่มมากขี้น
BC4C เพิ่มเครื่องมือ ‘โค้ชชิ่งเชิงลึก’ วิเคราะห์ปัญหา SE แม่นยำมากขึ้น
โครงการ BC4C ได้สนับสนุนธุรกิจ SE ได้กว่า 130 ราย จากทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทย ผ่านการขับเคลื่อนโครงการท้ังใน กลุ่มระยะเริ่มต้น (Incubation Program) ที่เปิดโอกาสให้ผู้สนใจและธุรกิจเพื่อสังคมในระยะเริ่มต้นเข้าร่วมโครงการ รวมทั้งใน กลุ่มของการขยายผล (Acceleration Program) สำหรับการสนับสนุนต่อยอดโอกาสให้โมเดลธุรกิจที่มีศักยภาพเพื่อเติบโตและขยายสเกลเป็นธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งได้ในอนาคตต่อไป

คุณรัฐพล สุคันธี ผู้อำนวยการสายอาวุโส-สื่อสารองค์กร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังขับเคลื่อน BC4C ผ่านการบ่มเพาะธุรกิจ SE ได้กว่าทศวรรษ ทำให้เข้าใจปัญหาสำคัญของ SE โดยเฉพาะข้อจำกัดในการต่อยอดการเติบโตและขยายสเกลสู่การเป็นธุรกิจที่แข็งแรงได้อย่างยั่งยืน นำมาสู่การพัฒนาโปรแกรมต่อยอดการเติบโตอย่าง Acceleration Program ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา โดยเบื้องต้นเน้นการสนับสนุนให้ SE ขยายสเกล ผ่านการเชื่อมโยงธุรกิจให้เข้าถึงกลุ่มทุนเพื่อสนับสนุนการเติบโต แต่ผลตอบรับยังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เพราะจากการขับเคลื่อนมามีธุรกิจ SE เพียง 3-4 รายเท่านั้น ที่ได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุน แม้จะสามารถเชื่อมโยงธุรกิจเข้ากับแหล่งทุนได้ราว 20 ราย
“ผลตอบรับในระยะขยายผลของ Acceleration Program นำมาสู่การปรับโฟกัสการพัฒนา SE ให้ตรงจุดมากขึ้น เพราะปัญหาเรื่องเงินทุน อาจไม่ใช่ปัญหาสำคัญที่สุดเพียงอย่างเดียวสำหรับการทำให้ธุรกิจเติบโต โดยเฉพาะธุรกิจเพื่อสังคม จึงต้องมุ่งพัฒนาจากการมีรากฐานทางธุรกิจที่แข็งแรง การมีโฟกัสและเป้าหมายในการขับเคลื่อนที่ชัดเจน การพัฒนาโปรดักต์ การเข้าใจเรื่องการตลาด แบรนดิ้ง ระบบทางการเงิน เพื่อทำให้ธุรกิจมีความพร้อมสำหรับการเติบโตได้อย่างแท้จริงก่อนจะต่อยอดไปสู่การขยายสเกลในอนาคตได้”

ดังนั้น โครงการ BC4C ในส่วน Acceleration Program ของปีนี้ จึงได้ปรับรูปแบบจากที่เคยเน้นเชื่อมโยงผู้ประกอบการกับนักลงทุน มาสู่การพัฒนา ‘คุณภาพการเติบโต‘ ของกิจการแบบเชิงลึก ผ่านแนวทาง Precision Coaching หรือ โค้ชชิ่งเชิงลึก เพื่อสามารถวิเคราะห์ธุรกิจในโปรแกรมได้อย่างเฉพาะเจาะจงแบบเฉพาะบุคคล เพื่อทราบถึงปัญหา และความต้องการในแต่ละธุรกิจได้อย่างแท้จริง พร้อมทั้งวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน หรือโอกาสในการพัฒนาธุรกิจ สิ่งที่แต่ละธุรกิจต้องการ หรือปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ซึ่งแตกต่างกัน เพื่อช่วยแก้ปัญหาและพัฒนาผ่านองค์ความรู้ และเครือข่ายจากกลุ่ม Alumnai ซึ่งถือเป็นจุดแข็งสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการ ซึ่งเชื่อว่า การขับเคลื่อนตามแนวทางนี้จะช่วยเสริมความพร้อมให้ SE สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนได้มากขึ้นกว่าเดิม
นำร่อง ‘เพลินไพร’ ปรับ ‘โมเดล – แบรนด์’ ปั้นธุรกิจเติบโตก้าวกระโดด
สำหรับการปรับบทบาทของการเป็น Co-Pilot ใน BC4C Acceleration Program ของบ้านปู ได้ร่วมกับ โค้ชเอก – สุพลชัย กีรติขจร ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์ และมีประสบการณ์ช่วยเหลือธุรกิจเพื่อสังคมมานานกว่า 8 ปี ได้เชื่อมโยงนำความเชี่ยวชาญจากภาคธุรกิจ มาช่วยวางระบบและขับเคลื่อนผู้ประกอบการกิจการเพื่อสังคม ให้เติบโตอย่างมีทิศทางและมั่นคง
หนึ่งในตัวอย่างความสำเร็จคือ การโค้ชชิ่งเชิงลึก ‘เพลินไพร’ ธุรกิจชุมชนที่มีความโดดเด่นด้านภูมิปัญญาสมุนไพรและแนวคิดเกษตรอินทรีย์ ที่ต้องการการพัฒนาด้านระบบการบริหารจัดการและกลยุทธ์การสื่อสารแบรนด์ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างการรับรู้ในตลาดและผู้บริโภคในวงกว้าง เพื่อให้ผู้ประกอบการมีทั้งความรู้ เครื่องมือ และความมั่นใจ เพื่อยืนได้ด้วยตนเอง รวมถึงเป็น สะพานเชื่อม ให้ผู้ประกอบการเข้าถึงโอกาส เพื่อเปลี่ยน ‘ความตั้งใจดีของชุมชน’ ให้กลายเป็น ‘แบรนด์ที่แข็งแกร่งและยืนหยัดได้จริงในตลาด’

นายแพทย์นรุตม์ อภิชาตอำมฤต หรือ คุณหมอนิค นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ โรงพยาบาลหนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ และผู้ประกอบการกิจการเพื่อสังคม ‘เพลินไพร’ กล่าวถึงจุดกำเนิดธุรกิจ ‘เพลินไพร’ จากการลงพื้นที่เพื่อดูแลสุขภาพชุมชน และพบว่าปัญหาในพื้นที่ล้วนเป็นผลกระทบมาจาก ‘วงจรเกษตรเคมีเชิงเดี่ยว’ ทั้งปัญหาสุขภาพ ปัญหาสังคม รวมทั้งปัญหาเศรษฐกิจ เพราะผลกระทบจากการทำเกษตรอย่างขาดความรู้ นำมาสู่การเจ็บป่วย คุณภาพชีวิต ปัญหาหนี้สินจากการทำเกษตร รวมทั้งปัญหาเชิงสังคม จากการที่คนหนุ่มสาวในพื้นที่ย้ายถิ่นการทำงาน ปัญหายาเสพติด ไปจนถึงการท้องก่อนวัยอันควร กลายเป็นวงจรปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซากภายในพื้นที่

ด้วยความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ทำให้ คุณหมอนิค ได้ร่วมกับกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ จัดตั้ง ‘เครือข่ายเกษตรอินทรีย์ชัยภูมิ’ เพื่อสร้างทางเลือกใหม่ให้ชุมชน เพิ่มความแข็งแรงให้เกษตรกรในพื้นที่สามารถพึ่งพาตัวเองได้ รวมทั้งการสร้างศูนย์ฝึกอบรม และจัดทำมาตรฐานรับรองผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ในระดับจังหวัดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผลิตภัณฑ์ โดยสามารถสร้างเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ภายในจังหวัดได้รวมกันกว่า 100 แปลง เพื่อปลูกปลูกสมุนไพรพื้นถิ่นอย่าง ขมิ้น ไพล มะกรูด โดยไม่ใช้สารเคมี และตั้งเป้าให้สมุนไพรเหล่านี้เป็น ‘ยารักษาชีวิต’ พร้อมทั้งจัดตั้งโมเดลธุรกิจวิสาหกิจเพื่อสังคม (SE) ภายใต้ชื่อ ‘เพลินไพร ออร์แกนิค’ เพื่อต่อยอดการทำเกษตรยั่งยืนอย่างครบวงจร พร้อมทั้งกระจายรายได้ไปยังชุมชนอย่างต่อเนื่อง

แม้จะมีความตั้งใจที่ดีและวัตถุดิบชั้นเยี่ยมอยู่ในมือ แต่เพลินไพรเผชิญกับความท้าทายทั้งในด้านการบริหารจัดการ การตลาด และการสื่อสารคุณค่าของแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก หรือต้องการผลักดันให้ธุรกิจเติบโต แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร รวมทั้งการรักษาสมดุลระหว่างความยั่งยืนกับการทำธุรกิจ ทำให้เพลินไพรได้เข้าร่วมโครงการ BC4C ในปีที่ 13 ในโปรแกรม Acceleration Program และต่อเนื่องในปีที่ 14 ภายใต้แนวทาง Precision Coaching ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของเพลินไพร ทั้งการผลักดันธุรกิจให้ขยายตลาดและเติบโตได้มากขึ้น การสื่อสารแบรนด์เพื่อสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้นและเพิ่มผู้ติดตามใหม่ๆ ได้มากขึ้น รวมทั้งการปรับ Positioning ธุรกิจที่ไม่ได้โฟกัสเพียงการขายผลิตภัณฑ์ แต่มุ่งสู่การเป็นผู้ประกอบการกลุ่ม Wellness เพื่อส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีของผู้คน และวางตำแหน่งแบรนด์ให้เข้าถึงได้ง่ายและสร้างความใกล้ชิดลูกค้าได้มากขึ้นในฐานะ ‘หมอข้างบ้าน’

“หลังการเข้าร่วมการโค้ชชิ่งอย่างเข้มข้นของโครงการ BC4C ทำให้เห็นพัฒนาการของเพลินไพรได้ในทุกด้าน ทั้งการเติบโตของธุรกิจ ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 65% ภายในช่วงเวลาเพียง 3 เดือนที่ร่วมโครงการ (มิ.ย.-ส.ค. 2568) รวมทั้งเห็นการเปลี่ยนแปลงในกลยุทธ์การสื่อสารแบรนด์ ที่ไม่ได้เน้นการขายของเพียงอย่างเดียว แต่ยังนำเสนออินไซต์ที่น่าสนใจของชุมชน การเล่าเรื่องผ่านช่องทางหลักของแบรนด์ด้วยมุมมองที่เปลี่ยนไป และเทคนิคการนำเสนอที่ดึงดูดผู้ติดตามได้ดีมากขึ้น ขณะเดียวกันยังสามารถเพิ่มการมีส่วนร่วมจากชุมชนได้มากขึ้น โดยได้ขยายสมาชิกวิสาหกิจชุมชนจาก 50 คน เป็น 80 คน และได้ริเริ่มโครงการ ‘เพลินไพรโฮม’ และทีมนวดบำบัดในพื้นที่เพื่อรองรับการท่องเที่ยว ทำให้สามารถขยายผลิตภัณฑ์ของกลุ่มได้มากขึ้น ทั้งในรูปแบบของสินค้า บริการ รวมทั้งการต่อยอดสู่โมเดลท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) ที่จะมีกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติและสุขภาพเป็นจุดขาย เช่น ทั้งการจัดคอร์สสุขภาพ การเลือกอาหารและดูแลสุขภาพตามธาตุ หรือในแง่ของการฟื้นฟู เช่น การอาบป่า เป็นต้น”

ทั้งนี้ เพลินไพร มีเป้าหมายให้การขับเคลื่อนธุรกิจสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวก (Possitive Impact) ออกไปได้ในทุกมิติที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น การส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีให้ลูกค้า การเพิ่มคุณภาพชีวิตและรายได้ให้กลุ่มเกษตรกรเครือข่าย การส่งเสริมอาชีพภายในชุมชนเพื่อลดปัญหาการย้ายถิ่นฐาน รวมทั้งช่วยลดปัญหาสังคมต่างๆ ภายในชุมชน ทั้งสุขภาพ คุณภาพชีวิต รายได้ และส่งเสริมความแข็งแรงของเศรษฐกิจภายในชุมชน รวมทั้งในมิติของการดูแลสิ่งแวดล้อม ผ่านการส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์ ที่ลดการใช้สารเคมี หรือการเผาที่สร้างมลพิษทางอากาศ และปัญหาฝุ่น PM2.5 ซึ่งสุดท้ายแล้ว จะนำมาสู่การยกระดับแบรนด์ให้มีความแข็งแกร่ง และมีตัวตนที่ชัดเจนในตลาดได้มากยิ่งขึ้น ผ่านการขับเคลื่อนธุรกิจที่สามารถเชื่อมโยงทั้งมิติเศรษฐกิจ การพัฒนาคน และการดูแลสิ่งแวดล้อมและโลกไปได้พร้อมกัน และสามารถขับเคลื่อนให้เกิดขึ้นได้จริง

Key Success ผ่าน 3 กลยุทธ์ พร้อมขับเคลื่อน BC4C หนุน SE แข็งแกร่งต่อเนื่อง
สำหรับความสำเร็จของ ‘เพลินไพรโมเดล’ มาจากการเข้ามาทำงานเชิงลึก เพื่อเข้าใจปัญหา และขับเคลื่อนการพัฒนาร่วมกันโดยโค้ชผู้เชี่ยวชาญ ผ่านการเปลี่ยนวิธีคิดและปรับกลยุทธ์ 3 ด้านสำคัญ ได้แก่
1. พลิกโมเดลธุรกิจ (Business Model) : เปลี่ยนจากการมุ่งขายผลิตภัณฑ์ (Product-centric) ไปสู่การสร้างประสบการณ์ (Experience-centric) ในรูปแบบ Wellness Tourism โดยใช้ชุมชนเป็นศูนย์กลาง สร้างจุดแข็งที่เชื่อมโยง สุขภาพ – ชุมชน – สิ่งแวดล้อม เข้าด้วยกันอย่างลงตัว
2. สร้างเอกลักษณ์และปรับทิศทางแบรนด์ (Brand Model) : กำหนดตัวตนแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนขึ้น พร้อมวางกลยุทธ์คอนเทนต์ที่สร้างคุณค่า เช่น การให้ความรู้เรื่องอาหารที่ผ่านกระบวนการแปรรูปมากเป็นพิเศษ(Ultra-processed food) ที่กลายเป็นไวรัล มียอดเข้าชมกว่า 1 ล้านครั้ง และผลักดันให้มีผู้ติดตามบน Facebook เพิ่มขึ้นจาก 3,000 เป็น 11,000 คน ภายในระยะเวลา 3 เดือน
3. การวางกลยุทธ์การสื่อสาร (Communication Strategy) : เสริมพลังแบรนด์ด้วยแผนสื่อสารที่มีเป้าหมายและทิศทางชัดเจน กำหนดกลุ่มเป้าหมายหลัก (Target Audience) รวมถึงการสร้างเรื่องราวให้แบรนด์ (Brand Storytelling) ที่สื่อถึงคุณค่าของ ‘สุขภาพ–ชุมชน–สิ่งแวดล้อม’ ที่เข้าถึงใจผู้บริโภค เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง

สำหรับบทบาทของ BC4C จะมุ่งเข้ามาสนับสนุนผู้ประกอบการ SE ในโครงการอย่างต่อเนื่อง ผ่านการมอบองค์ความรู้ และเครือข่ายธุรกิจทั้งจากของบ้านปู พันธมิตร รวมทั้งกลุ่ม Alumnai ธุรกิจเพื่อสังคมในแต่ละปี ที่มีการติดตามข้อมูล พบปะและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่างๆ ร่วมทั้งให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันอยู่เสมอ ทำให้ธุรกิจที่อยู่ภายในโครงการ ไม่เพียงได้รับการสนับสนุนแค่เรื่องของการเข้าถึงเงินทุน แต่ยังมีทั้งเครือข่ายและพี่เลี้ยงทางธุรกิจ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน และผลักดันการเติบโตในอนาคตได้อย่างยั่งยืน
“ผู้ประกอบกิจการเพื่อสังคมที่กระจายตัวอยู่ในชุมชน คือกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศผ่านการจ้างงานที่ช่วยสร้างรายได้ ผ่านการใช้ทรัพยากรและภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อสร้างธุรกิจที่เข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้ โดยบ้านปูมุ่งเน้นการเสริมศักยภาพ สร้างพลังแห่งอนาคต (Embracing Potential, Energizing People) ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการผ่านกลไกการสนับสนุนที่เป็นรูปธรรม โดยกลไกดังกล่าวครอบคลุมตั้งแต่การให้ความรู้ วิธีคิดและเครื่องมือบริหารจัดการธุรกิจ การติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนสร้างเครือข่ายความร่วมมือและแหล่งทุน เพื่อให้การสนับสนุนทุกขั้นตอนเกิดผลลัพธ์จริงและต่อยอดได้ในระยะยาว SE เราเชื่อว่า เมื่อผู้ประกอบการได้รับการสนับสนุนอย่างถูกต้องและเหมาะสม พวกเขาจะสามารถยืนได้ด้วยตนเอง และกลายเป็นต้นแบบของการเติบโตอย่างมั่นคงและส่งต่อประโยชน์ให้กับชุมชนรอบข้างได้อย่างแท้จริง” คุณรัฐพล กล่าวปิดท้าย

ผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวกิจกรรมภายใต้โครงการ “พลังเปลี่ยนแปลงเพื่อสังคม” (BC4C) ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/banpuchampions






