มากกว่า 30 ปี ที่ ‘คิง เพาเวอร์’ เดินหน้าขยายโอกาสและสร้างความแข็งแกร่งให้ ‘สินค้าท้องถิ่น’ ที่ต่างมีความโดดเด่น และอัตลักษณณ์เฉพาะตัว พร้อมสะท้อนความเป็นแบรนด์ไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญา และวิถีชีวิตในแต่ละพื้นที่ ซึ่งเชื่อว่าเป็นความแตกต่างที่ไม่เหมือนใครในโลก
เพื่อต่อยอดในการสร้างความแข็งแรง พร้อมสร้างรายได้คืนกลับไปให้แก่ท้องถิ่น และชุมชน รวมทั้งสามารถสร้างการยอมรับทั้งความสร้างสรรค์ ความปราณีตและพิพีพิถัน ในทุกกระบวนการผลิต ประกอบกับการเสริมความแข็งแรงด้วยช่องทางจำหน่ายที่เป็นเหมือนสะพานเชื่อม ในการส่งต่อคุณค่าทั้งจากผลิตภัณฑ์ และแบรนด์ ให้ปรากฏแก่สายตาชาวโลก พร้อมสามารถส่งต่อความสำเร็จที่เกิดขึ้นเพื่อสร้างการเติบโตได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืนได้แบบรุ่นสู่รุ่น
ปัจจุบัน คิง เพาเวอร์ ได้เข้าไปมีส่วนสนับสนุนและผลักดันการเติบโตของ ‘แบรนด์ท้องถิ่น’ ผ่านการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยแล้วกว่า 351 ราย ให้มีโอกาสนำเสนอผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นต่อสายตาผู้บริโภคทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ผ่านการช้อปปิ้งที่ร้านดิวตี้ฟรี ร้านแท็กซ์ฟรี ทั้งในสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ต รวมทั้งคอมเพล็กซ์ของคิง เพาเวอร์ โดยเปิดกว้างการสนับสนุนผลิตภัณฑ์หลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นอาหาร สุขภาพและความงาม แฟชั่น เครื่องประดับ ไปจนถึงของแต่งบ้านและของที่ระลึก เป็นต้น

3 งานคราฟต์ อัตลักษณ์ Loacl ทะยานสู่ Global
หนึ่งกลุ่มผู้ประกอบที่ ‘คิง เพาเวอร์’ เดินหน้าสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง คือ แบรนด์ที่มีอัตลักษณ์โดดเด่น โดยเฉพาะกลุ่มสินค้า GI ที่สามารถบ่งชี้ทางด้านภูมิศาสตร์ของท้องถิ่น รวมทั้งธุรกิจที่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวก (Positive Impact) ทั้งในมิติด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการส่งต่อความแข็งแรงไปสู่ผู้คนและชุมชนโดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างอาชีพและกระจายรายได้ให้ผู้คนในชุมชน หรือการถ่ายทอดทักษะองค์ความรู้ เพื่อสามารถสานต่อภูมิปัญญาที่เกิดขึ้นไปสู่เจนเนอเรชั่นต่อไป
พร้อม 3 กรณีศึกษา ในกลุ่มธุรกิจงานคราฟต์ อย่าง ‘ดอยซิลเวอร์‘ แบรนด์เครื่องประดับเงินโดยช่างฝีมือ จากจังหวัดน่าน , ‘บ้านช้าง ดีไซน์’ แบรนด์เสื้อผ้าและเครื่องประดับ Circular Design จากจังหวัดชลบุรี และ ‘เชียงใหม่ ศิลาดล’ แบรนด์เครื่องเคลือบดินเผา พร้อมศูนย์เรียนรู้ธุรกิจเพื่อชุมชน (Social Enterprise) จากจังหวัดเชียงใหม่

‘ดอยซิลเวอร์’ ส่งต่อความเชี่ยวชาญจากรุ่นสู่รุ่น
คุณชัยพฤกษ์ รุ่งรชตะวาณิช ผู้สืบทอดธุรกิจรุ่นที่ 4 ‘ดอยซิลเวอร์’ จากธุรกิจของครอบครัวชนเผ่า ที่ส่งต่อรุ่นสู่รุ่นมากว่า 70 ปี และมีความเชี่ยวชาญในการผลิตเครื่องประดับเครื่องเงิน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตตั้งแต่เกิด และในทุกๆ การเดินทางตลอดทุกช่วงของชีวิต ที่จะมีเครื่องเงินเป็นส่วนหนึ่ง ทั้งการเป็นของรับขวัญลูกหลาน หรือเครื่องประดับของทุกคนในชนเผ่า จนกระทั่งรุ่นที่ 3 หรือรุ่นคุณพ่อของคุณชัยพฤกษ์ ที่มีความคิดอยากขยายตลาดไปสู่ตลาดที่กว้างขึ้น จากแค่ภายในชนเผ่า หรือพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างรายได้มากขึ้น ด้วยการนำสินค้าไปฝากขายร้านขายของที่ระลึกใน จ.เชียงใหม่ จนเริ่มได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ทั้งคนไทยและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการเพิ่มดีไซน์ให้ใส่ได้หลากหลายโอกาส และโดนใจตลาดเพิ่มมากขึ้น

“ปัจจุบันดอยซิลเวอร์ สามารถขยายตลาดและเป็นผลิตภัณฑ์ส่วนหนึ่งที่จำหน่ายผ่าน ‘คิง เพาเวอร์’ ทำให้แบรนด์ได้รับการยอมรับและเชื่อมั่น รวมทั้งเป็นที่รู้จักของตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะการเข้ามามีส่วนช่วยพัฒนาดีไซน์ให้ตอบโจทย์ตลาดต่างประเทศ เพื่อขยายตลาดได้กว้างมากขึ้น รวมทั้งยังเป็นการสะท้อนความเชี่ยวชาญของช่างฝีมืองานคราฟต์ของคนไทย และไม่หยุดนิ่งในการส่งต่อองค์ความรู้ให้เยาวชนในท้องถิ่นเพื่อร่วมสืบสานภูมิปัญญา และเพิ่มทักษะให้คนในท้องถิ่นสามารถนำไปป็นอาชีพติดตัวได้ตลอดชีวิต ซึ่งการเติบโตของดอยซิลเวอร์ นอกจากเพิ่มคุณภาพชีวิตให้คนในท้องถิ่น ยังมีส่วนช่วยดูแลป่าไม้ในพื้นที่ เพราะเมื่อคนมีรายได้มีอาชีพที่แน่นอน ก็จะลดการบุกรุกหรือเผาทำลายป่า รวมทั้งยังมีการต่อยอดวิจัยพืชเศรษฐกิจในท้องถิ่น เช่น หญ้าสามเหลี่ยม มาประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิตคอลเลคชั่นใหม่ๆ เพิ่มเติม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ทั้งแบรนด์และต่อยอดวัตถุดิบในท้องถิ่นให้สามารถสร้างมูลค่าได้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย”

‘บ้านช้าง ดีไซน์’ บทพิสูจน์แบรนด์ไทยสู่ตลาดโลก
คุณรัตติยา กล่ำบุญ ผู้ก่อตั้งแบรนด์งานคราฟต์เสื้อผ้าและเครื่องประดับ ‘บ้านช้าง ดีไซน์’ จากความชื่นชอบศิลปะของตัวเอง ประกอบกับการศึกษาช่องว่างและโอกาสทางการตลาด จากอาชีพด้านงานขายที่ทำอยู่ ทำให้มีความรู้ในการทำแผนธุรกิจ และมองเห็นโอกาสที่จะสร้างความแตกต่างในตลาดจากสิ่งที่ตัวเองชอบ ผ่านการนำชื่อท้องถิ่นที่อยู่ อย่าง อ.บ้านช้าง และตอกย้ำความโดดเด่นด้านดีไซน์ของแบรนด์ นำมาสู่ชื่อ ‘บ้านช้าง ดีไซน์’ รวมทั้งวางเป้าหมายที่ชัดเจนในการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักทั้งภายในท้องถิ่น ไปจนถึงระดับประเทศ และการขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศได้ในที่สุด โดยตั้งเป้าหมายในการนำสินค้าไปขายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำของประเทศ หรือสนามบินเพื่อโอกาสขยายสู่ตลาดโลก รวมทั้งการเดินหน้าสร้างเครือข่ายธุรกิจ ทั้งจากการจำหน่ายสินค้า รวมทั้งการร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ในการให้ความรู้ด้านดีไซน์ และการสร้างแบรนด์ธุรกิจท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง จนนำมาสู่ความร่วมมือในการเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่จำหน่ายผ่าน ‘คิง เพาเวอร์’ ได้ในที่สุด

“ความโดดเด่นของบ้านช้างอยู่ที่ดีไซน์และความแตกต่าง เพื่อต้องการให้ลูกค้าจดจำได้ ด้วยเอกลักษณ์ที่มีความเฉพาะตัว เช่น งานเพนท์ผ้าที่ไม่เน้นสีสันฉูดฉาด รวมทั้งการให้ความสำคัญเรื่องความยั่งยืน ผ่านแนวคิด Circular Design ด้วยการนำผ้าที่เหลือจากการผลิต มาต่อเป็นผืนและนำไปผลิตเป็นสินค้าที่สามารถสร้างคุณค่าใหม่ได้อีกครั้ง ผสมผสานกับจุดเด่นของดีไซน์ในสไตล์งาน ทำให้ได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดี ประกอบกับการได้วางขายใน ‘คิง เพาเวอร์’ ทำให้ภาพลักษณ์แบรนด์ท้องถิ่นได้รับการยอมรับในระดับสากล ซึ่งในอนาคตอยากขยายตลาดและเติบโตไปพร้อมกับคิง เพาเวอร์ เพื่อมีส่วนในการพรีเซ็นต์อัตลักษณ์และงานศิลปะของไทยสู่สายตาชาวโลก และพิสูจน์ว่างานคราฟต์ของประเทศไทยไม่แพ้ใครในโลกเช่นกัน รวมทั้งการต่อยอดให้งานศิลปะมากกว่าแค่ความสวยงาม แต่ยังเป็นช่องทางสร้างรายได้และความภาคภูมิใจให้คนในชุมชนได้อีกทางหนึ่งด้วย”

‘เชียงใหม่ ศิลาดล’ ต่อยอดสู่ประสบการณ์ และการเรียนรู้
คุณทัศนีย์ ยะจา ผู้ก่อตั้ง ‘เชียงใหม่ ศิลาดล’ และก้าวข้ามจากแค่การขายผลิตภัณฑ์ มาสู่การขายประสบการณ์ โดยใช้ผลิตภัณฑ์เชียงใหม่ ศิลาดล เชื่อมโยงตลาดให้มายังท้องถิ่น มาสัมผัสวิถีชีวิต ภูมิปัญญา อัตลักษณ์ เสน่ห์และจิตวิญญาณของความเป็นล้านนา โดยผสมผสานกับความทันสมัย และร่วมสมัย เพื่อสามารถขายได้ทั่วโลก ผ่านจุดเด่นในฐานะ Craft Culture Destination ซึ่งไม่เพียงแค่ความโดดเด่นของเครื่องเคลือบที่มีความแตกต่างจากงานเซรามิคทั่วไป แต่มีเอกลักษณ์เฉพาะจากการเคลือบชิ้นงานได้ใสเหมือนหยกสีเขียว เหมือนชื่อแบรนด์ว่า ศิลาดล ซึ่งมาจากภาษาฝรั่งเศสว่า Celadon ที่หมายถึงเครื่องเคลือบดินเผาสีเขียวหยก ขณะที่ชิ้นงานที่ผลิตส่วนใหญ่จะเป็นงานระดับมาสเตอร์พีซ เพื่อเจาะตลาดพรีเมียม รวมทั้งการต่อยอดมาสู่ธุรกิจท่องเที่ยวชุนชน และขยายโมเดลธุรกิจสู่การเป็น Social Enterprise หรือธุรกิจเพื่อชุมชนได้อย่างเป็นรูปธรรมเพิ่มมากขึ้น

“สินค้าของเชียงใหม่ ศิลาดล มีความเป็น Emotional Product ที่ต้องการส่งต่อความสุขให้ทุกคนที่นำสินค้าไปใช้ต่อ โดยเฉพาะการพัฒนาสินค้าในรูปแบบของใช้ ของที่ระลึกเพื่อให้นักเดินทางนำไปใช้ต่อในทุกๆ ที่ ซึ่งเราได้โอกาสจากคิง เพาเวอร์ ในการทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งต่อยอดมาสู่จุดหมายด้าน Culture Tour เพื่อให้นักท่องเที่ยว สามารถมาเวิร์กช็อป ทั้งการทำขนมไทย การเยี่ยมชมกระบวนการผลิตเครื่องเคลือบสไตล์ล้านนา รวมทั้งแวะซื้อสินค้าของคนในชุมชน ทำให้ธุรกิจสามารถแชร์ความสุขให้ทุกคนได้อย่างรอบด้าน ทั้งลูกค้า นักท่องเที่ยว รวมไปถึงทุกคนในชุมชนได้มีอาชีพ มีรายได้เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการต่อยอดไปสู่การเป็นศูนย์เรียนรู้สำหรับเด็กและเยาวชนในพื้นที่ เพื่อสามารถถ่ายทอดทักษะและองค์ความรู้ต่างๆ ให้ขยายวงกว้างออกไป เพื่อสามารถรักษาอัตลักษณ์ ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมท้องถิ่นให้สืบทอดต่อไปได้อย่างแข็งแกร่ง”







