ExperienceTop Stories

Thai SCP ผนึกกำลังภาครัฐ-เอกชน ขับเคลื่อน ‘การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน’ สานพลังสู่เป้าหมาย Net Zero 2050 พร้อมดัน ‘ตลาดสีเขียว’ ให้เกิดขึ้นจริง  

การขยับเป้าหมาย Net zero ของประเทศไทยเร็วขึ้นจากเดิม 15 ปี จำเป็นต้องปรับตัวเพื่อสามารถบรรรลุเป้าหมาย และต้องสอดคล้องไปด้วยกัน​ทั้งภาคการผลิตและการบริโภคซึ่งเป็นเสมือนตัวกลางในการเชื่อมโยงทุกมิติ

สมาคมส่งเสริมการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน (ประเทศไทย) หรือ Thai SCP Network ร่วมกับ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) และ สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์  วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) จัดงานประชุมวิชาการประจำปี 2568 ภายใต้หัวข้อ“การเติบโตที่ยั่งยืนด้วยนวัตกรรมการผลิตและการบริโภคอย่างรับผิดชอบ (Achieving Sustainable Growth through Innovations in Responsible Production and Consumption Practices)

ระดมสมองภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาสังคม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยและเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนให้ทันต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และวิกฤตโลกเดือด ณ กรมควบคุมมลพิษ

คุณภัทรานันท์ ทองประพาฬ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ประธานในพิธี กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ การส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนไทยผ่านการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน’ โดยระบุว่า รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุดกับการสร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม โดยได้แสดงความมุ่งมั่นการลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ จึงได้​ปรับเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ให้เร็วขึ้น 15 ปี จากปี 2065  เป็นภายในปี 2050 ซึ่งถือเป็นความท้าทายที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย

“กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังได้มอบนโยบายเร่งด่วนเรื่อง Zero Food Waste หรือการจัดการขยะอาหารให้เป็นศูนย์ นำร่องในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ และเตรียมพิจารณามาตรการทางกฎหมายเพื่อเชื่อมโยงการจัดการขยะอาหารเข้าสู่ระบบ EIA สำหรับโครงการขนาดใหญ่ เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับสังคมไทย โดยเชื่อมั่นว่าวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนของรัฐบาลกับการผนึกพลังขับเคลื่อนที่เข้มแข็งจากเครือข่าย Thai SCP จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยผลักดันให้เกิดการผลิตและการบริโภคที่รับผิดชอบ สร้างการเติบโตที่ยั่งยืน และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยได้อย่างแท้จริง”

ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ในฐานะประธาน Thai SCP Network กล่าวว่า การขยับเป้าหมาย Net zero ของประเทศไทยเร็วขึ้นจากเดิม 15 ปี จำเป็นต้องปรับตัวเพื่อสามารถบรรรลุเป้าหมาย และต้องสอดคล้องไปด้วยกัน​ทั้งภาคการผลิตและการบริโภค ซึ่งทางสมาคมฯ มีการทำงานร่วมทุกฝ่ายตลอดทั้งห่วงโซ่ โดยในภาคการผลิต ได้ประสานกับผู้ผลิตทั้งในภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตร และภาคบริการ รวมทั้งในส่วนผู้บริโภคที่พยายามผลักดันและส่งเสริม​ตลาดสีเขียวให้เติบโตทั้งในส่วนของภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของสินค้าที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งยังสนับสนุนการขับเคลื่อนความยั่งยืนตามเป้าหมายที่ 12 (SDG12) ซึ่งเป็นเสมือนตัวกลางเชื่อมโยงทุกมิติ ​หากสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้จากระดับรากฐาน​ จะส่งผลโดยตรงต่อการลดโลกร้อนและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ​

“ปัจจุบัน Thai SCP Network ได้ยกระดับโครงสร้างจากเครือข่ายจิตอาสาสู่การเป็น สมาคม​ อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเป็นกลไกกลาง เพื่อเชื่อมโยงนวัตกรรมระดับโลกสู่การปฏิบัติในพื้นที่ อาทิ ​การร่วมมือกับสถาบันยุทธ์ศาสตร์สิ่งแวดล้อมโลก (Institute for Global Environmental Strategies: IGES) ประเทศญี่ปุ่น ขับเคลื่อนโครงการบูรณาการจัดการทรัพยากรพันธมิตรการท่องเที่ยวยั่งยืนกระบี่เพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Krabi Sustainable Tourism Partnerships for Integrated Resource Management toward Sustainable Development Goals) จังหวัดกระบี่ และการเชื่อมโยงเครือข่ายระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (APSCP)”

นอกจากนี้ สมาคมฯ วางทิศทางการขับเคลื่อนในอนาคตเพื่อมุ่งผลักดันนโยบายไปสู่การปฏิบัติจริง โดยล่าสุดได้ผนึกกำลังลงนาม MOU ร่วมกับ กรมบัญชีกลาง กรมควบคุมมลพิษ และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก เพื่อขับเคลื่อนมาตรการ การจัดซื้อจัดจ้างสีเขียวภาครัฐ (Green Public Procurement) อย่างเป็นรูปธรรม โดยร่วมมือกับภาครัฐในการกำหนดทิศทางการข้อบังคับสำหรับการสร้างตลาดสีเขียวให้เกิดขึ้นในประเทศไทย เพื่อกระตุ้นให้ภาคอุตสาหกรรมเร่งปรับตัวสู่การผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม ประกอบกับการนำความคิดเห็นและประเด็น​จากการประชุมคร้ังนี้ เพื่อนำไปสรุปเป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบายให้กับทางภาครัฐ เพื่อวางกรอบแนวทางเพื่อสร้างระบบนิเวศในประเทศไทยที่ตอบโจทย์การผลิตและการบริโภคอย่างรับผิดชอบตามเป้าหมาย SDG12 ต่อไป 

พร้อมกันนี้ภายในงาน คุณธนัญชัย วรรณสุข รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ได้บรรยายพิเศษเรื่อง ​‘สนธิสัญญาพลาสติกโลก และระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนของประเทศไทย’ โดยชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่ไทยต้องปรับตัวตามกติกาโลก ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยกำลังขับเคลื่อนภายใต้ แผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 – 2570) มีเป้าหมายท้าทายสำคัญ คือ การนำขยะพลาสติกเป้าหมายกลับเข้าสู่ระบบรีไซเคิลให้ได้ 100% ภายในปี 2570 รวมถึงการลดปริมาณขยะพลาสติกที่จะนำไปฝังกลบ และป้องกันขยะพลาสติกหลุดรอดลงสู่ทะเล ผ่านมาตรการส่งเสริมการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่รีไซเคิลได้ (Eco-design) และการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มข้นขึ้นในอนาคต

งานประชุมครั้งนี้ยังอัดแน่นด้วยเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ ทั้งการบรรยายพิเศษจาก สอวช. และสภาอุตสาหกรรมฯ รวมถึงเวที TED Talk ที่นำเสนอนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน อาทิ พลาสติกยั่งยืน จากกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ​, อากาศสะอาด จากสภาลมหายใจกรุงเทพฯ และ ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ จากเครือข่ายเยาวชน GYBN รวมทั้งมีการแบ่งห้องย่อยระดมความคิดเห็นใน 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ กลุ่มการบริโภคที่ยั่งยืน และ กลุ่มการผลิตที่ยั่งยืน 

ความสำเร็จของการประชุมในวันนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ตอกย้ำว่า การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน (SDG 12) เป็นทางรอดของประเทศไทยในการรับมือกับวิกฤตโลกเดือด โดยสมาคมส่งเสริมการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน (ประเทศไทย) หรือ Thai SCP พร้อมยืนหยัดทำหน้าที่เป็นที่แข็งแกร่งในการเชื่อมโยงนโยบายระดับประเทศสู่นวัตกรรมและการปฏิบัติในระดับพื้นที่ เพื่อผนึกกำลังภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนให้ก้าวไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับลูกหลานไทยในอนาคตได้อย่างมั่นคง