Top StoriesTrending

เต็ดตรา แพ้ค ฉายเทรนด์บรรจุภัณฑ์ 2025 ‘ต้องสร้างอิมแพ็คทุกโมเมนต์’ พร้อมเดินหน้าปลดล็อกการเติบโตใน​ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม

เต็ดตรา แพ้ค ชูศักยภาพด้านนวัตกรรมแบบครบวงจรใน THAIFEX – Anuga Asia 2025 มุ่งสร้างความแตกต่าง พร้อม​เพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจ เพื่อเติบโตอย่างมั่นคง ท่ามกลางสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

เต็ดตรา แพ้ค  ชูโซลูชัน ช่วยปลดล็อกการเติบโตให้​ผู้ประกอบการธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่งาน THAIFEX – Anuga Asia 2025​ พร้อมฉายเทรนด์ผู้บริโภคและนวัตกรรม ที่จะเข้ามามีบทบาท​สร้างการเติบโตในอนาคต

เต็ดตรา แพ้ค ผู้นำด้านโซลูชันการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์ อาหารชั้นนำของโลก ร่วมแสดงนวัตกรรมและโซลูชันสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มภายในงาน THAIFEX – Anuga Asia 2568 เพื่อสำรวจและปลดล็อกโอกาสการเติบโตให้ผู้ประกอบการกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ​(F&B : Food and Beverage) ได้แบบครบวงจร

สำหรับ THAIFEX – Anuga Asia 2025 นับเป็นเวทีสำคัญที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดของเอเชียในด้านนวัตกรรมอาหารและเครื่องดื่มรวมถึงการสร้างความร่วมมือระดับอุตสาหกรรม  เพิ่มโอกาสให้แบรนด์และผู้ผลิตค้นพบโซลูชันของเต็ดตรา แพ้คที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องอย่างกาแฟพร้อมดื่ม ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมทางโภชนาการ และผลิตภัณฑ์อาหารที่เก็บรักษาได้นานโดยไม่ต้องแช่เย็นและไม่ใส่วัตถุกันเสีย

ท้ังนี้ เต็ดตรา แพ้ค ร่วมงานภายใต้ธีม Unlocking Growth ​นำเสนอผ่าน 3 แนวคิดหลัก ได้แก่ Innovate to Elevate (สร้างสรรค์เพื่อยกระดับ), Differentiate to Stand out (แตกต่างเพื่อสร้างจุดเด่น) และ Optimise for Efficiency (เพิ่มประสิทธิภาพเพื่อประโยชน์สูงสุด) ซึ่งถือเป็นสามเสาหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม

โดยรายละเอียดแต่ละโซน มีดังต่อไปนี้

– Innovate to Elevate ถ่ายทอดแนวทางของเต็ดตรา แพ้คในการร่วมมือกับลูกค้า​​พัฒนาผลิตภัณฑ์ ​ตั้งแต่การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคจนออกมาเป็นนวัตกรรมที่พร้อมออกสู่ตลาด

ผู้เข้าชมจะได้เรียนรู้ถึงบทบาท​เครื่องมือทางการตลาดที่สำคัญอย่าง Demand Space และ Trendipedia ที่สามารถช่วยเปลี่ยนโอกาสให้กลายเป็นไอเดียของผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่พร้อมนำไปต่อยอดได้อย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอโซลูชันด้านวัตถุดิบส่วนผสมสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่กำลังอยู่ในเทรนด์ และบทบาทของศูนย์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้า (CIC) และศูนย์พัฒนาผลิตภัณฑ์ (PDC) ของเต็ดตรา แพ้คในการผลักดันไอเดียต่าง ๆ ให้กลายเป็นความจริง

ภายในโซนยังมี Tasting Bar ​เปิดโอกาสให้​ได้สัมผัสและชิมสินค้าที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ของเต็ดตรา แพ้ค โดยเน้นที่ผลิตภัณฑ์กาแฟพร้อมดื่ม อาหารพร้อมรับประทาน อาหารเสริมทางโภชนาการ รวมไปถึงตัวอย่างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ​หลากหลายประเภท

– Differentiate to Stand out เน้นนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์กล่องกระดาษแบบปลอดเชื้อของเต็ดตรา แพ้ค ไม่ว่าจะเป็น Tetra Prisma® Aseptic ที่เหมาะสำหรับเครื่องดื่มแบบพรีเมียมที่เน้นพกพาสะดวก และ Tetra Recart® ที่เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์อาหาร มีจุดเด่นที่น้ำหนักเบา ใช้งานสะดวก ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม และยังเหมาะกับทุกช่องทางค้าปลีก

นอกจากนี้ ยังมีการเสนอกล่องบรรจุภัณฑ์และฝาที่ทำจากพืชและวัสดุชีวภาพที่ช่วยให้แบรนด์สามารถยกระดับประสบการณ์ให้ผู้บริโภค พร้อมตอบสนองต่อความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไป

– Optimise for Efficiency จัดแสดงเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงและโซลูชันระบบดิจิทัลของเต็ดตรา แพ้ค ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อประโยชน์สูงสุดในการผลิตและคุณภาพผลิตภัณฑ์ด้วยระบบอัตโนมัติที่สามารถติดตามผลได้แบบเรียลไทม์ ทำให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างชาญฉลาดและยืดหยุ่น อีกทั้งยังช่วยลดการใช้พลังงานและของเสียจากกระบวนการผลิตได้

ฉายเทรนด์บรรจุภัณฑ์ 2025 

คุณสุภนัฐ รัตนทิพ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เต็ดตรา แพ้ค มุ่งมั่นสร้างพันธมิตรระยะยาวในภูมิภาค ​จึงได้เดินหน้า​ลงทุนอย่างจริงจังในระบบนิเวศอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงการเปิดตัวศูนย์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้า (CIC) ในกรุงเทพฯ และแผนในการก่อสร้างศูนย์พัฒนาผลิตภัณฑ์ (PDC) ในระยอง ที่จะเปิดตัวในเดือนมีนาคม ​2569  สะท้อน​เป้าหมายสำคัญของเต็ดตรา แพ้คในการยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมอาหารและเครื่องดื่มของภูมิภาคเพื่อตอกย้ำบทบาทของประเทศไทยในฐานะครัวของโลก ได้อย่างภาคภูมิใจ

พร้อมฉายเทรนด์บรรจุภัณฑ์ที่น่าสนใจ ทั้งบรรจุภัณฑ์ที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่ยังคงมีบทบาทสำคัญในตลาด รวมทั้งเริ่มมีการ Take Action เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะผู้บริโภคที่เริ่มคาดหวังว่าแบรนด์หรือผู้ประกอบการจะให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนเรื่องนี้เพิ่มมากขึ้น และเป็นทางเลือก​​เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้มากขึ้น ผ่านการสนับสนุนแบรนด์ต่างๆ อีกทางหนึ่ง

นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงความสะดวก และประสิทธิภาพในการนำไปใช้งาน เพื่อสามารถตอบโจทย์เทรนด์ On The Go และ Hyper Convenience ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคในปัจจุบัน ​และยังเป็นโอกาสในการเติบโตของบรรจุภัณฑ์กระดาษเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากสามารถตอบโจทย์เทรนด์ผู้บริโภค และประสิทธิภาพทางธุรกิจ  เพราะบรรจุภัณฑ์กระดาษได้ชื่อว่ามีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถนำกลับไปรีไซเคิลได้ รวมทั้งแหล่งวัตถุดิบที่มาจากป่าปลูกไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

ประกอบกับมีน้ำหนักเบา ทำให้ขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ และขนส่งได้ในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อรองรับการใช้งานในหลากหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ได้มากขึ้น ช่วยเพิ่มการเติบโตให้ทั้งเต็ดตรา แพ้ค เอง รวมทั้งการสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้พันธมิตร ทั้งการเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์กระดาษเป็นรายแรกของตลาด หรือการเลือกดีไซน์กล่องขนาดเล็กสำหรับพกพาแบบมีฝาปิด เพื่อสะท้อนภาพความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี​

“ภาพรวมของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในภูมิภาคของเรากำลังเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะการเข้ามาของเทรนด์ผลิตภัณฑ์ในหมวดกาแฟพร้อมดื่ม อาหารเสริมทางโภชนาการ และอาหารพร้อมทาน เรามองว่าการที่จะประสบความสำเร็จในยุคปัจจุบันนั้น ธุรกิจไม่ควรแค่ต้องตามเทรนด์ให้ทัน แต่ต้องคิดล้ำหน้าและพร้อมรับมือแบบเชิงรุก เต็ดตรา แพ้คได้นำความเชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมของผู้บริโภคมาผสานกับโซลูชันเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เพื่อสนับสนุนลูกค้าของเราตั้งแต่กระบวนการพัฒนาไอเดียไปจนถึงการพัฒนาสินค้าออกสู่ตลาด เราอยากเชิญชวนผู้นำในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มมาร่วมหาคำตอบว่าโซลูชันของแต็ดตรา แพ้ค ที่เน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่และการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต จะมาช่วยปลดล็อกการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืนได้อย่างไร”

อย่างไรก็ตาม นอกจากการทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องคุณภาพของสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงการบ่งบอกตัวตนหรือ Identify ให้​กับแบรนด์ต่างๆ แล้ว บรรจุภัณฑ์ยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างความแตกต่าง และมีส่วนสำคัญในการช่วยให้ลูกค้าเลือกหรือตัดสินใจซื้อสินค้าหรือผลิตภัณฑ์นั้นๆ ได้ตลอดทั้ง Customer Journey ในทุกทัชพ้อยท์ระหว่างแบรนด์และลูกค้า ตั้งแต่ Zero Moment of Truth​ หรือตั้งแต่เริ่มได้เห็นโฆษณา หรือรู้ว่ามีผลิตภัณฑ์นี้อยู่ในตลาด แม้ว่าจะยังไม่เคยได้สัมผัสสินค้าจริงเลยก็ตาม

จนกระทั่งการทำหน้าที่ดึงดูดและกระตุ้นความสนใจของผู้บริโภคที่หน้าเชลฟ์ ในระหว่างการตัดสินใจหรือเปรียบเทียบสินค้าแต่ละประเภท แต่ละแบรนด์ หรือในช่วง First Moment of Truth ที่ความแตกต่างและการสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์ก็เข้ามามีบทบาทในการเพิ่มโอกาสเป็นตัวเลือกได้มากขึ้นเช่นกัน  ตามมาด้วย ในระหว่างการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการดื่ม การใช้ ที่การออกแบบผลิตภัณฑ์ต้องมีความ User Friendly ​ ทั้งใช้งานง่าย  ขนาดพอเหมาะ คุณภาพบรรจุภัณฑ์ที่ดี​ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งช่วงที่บรรจุภัณฑ์ต้องทำหน้าที่เพื่อให้ผู้บริโภคพึงพอใจใน Second Moment of Truth  ​และหากผู้บริโภคพึงพอใจทั้งต่อบรรจุภัณฑ์ ประกอบกับสินค้ามีคุณภาพ และรสชาติที่ดี ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเลือกที่จะซื้อซ้ำ และช่วยสร้างการเติบโตให้แบรนด์หรือผลิตภัณฑ์นั้นๆ ได้อย่างต่อเนื่อง

“ปัจจุบันบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดของเต็ดตรา แพ้ค ​​สามารถรีไซเคิลได้ทั้งหมดแล้ว รวมทั้งยัง​เดินหน้าพัฒนานวัตกรรม เพื่อขยายการใช้งานบรรจุภัณฑ์กระดาษไปสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย Category มากขึ้น เพื่อสามารถใช้ทดแทนบรรจุภัณฑ์ประเภทอื่นๆ ได้ในวงกว้าง เช่นเดียวกับตลาดต่างประเทศ ทั้งในยุโรป หรือในเอเชีย อย่างเกาหลี และญี่ปุ่น ที่มีเครื่องดื่มหลากหลายประเภท​บรรจุอยู่ในกล่องกระดาษ​ และเชื่อว่า​ทิศทางของตลาดในประเทศไทยจะขับเคลื่อนไปในลักษณะเดียวกัน โดยมี​เต็ดตรา แพ้ค เป็นกำลังสำคัญในการสร้างการเติบโตดังกล่าว”

เต็ดตรา แพ้ค ยังให้ความสำคัญในการติดตามบรรจุภัณฑ์ที่ได้ทำการผลิต​ ให้สามารถนำกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล และลดโอกาสการสร้างปริมาณ​ขยะที่หลุมฝังกลบ หรือ​เกิดตกค้างอยู่ในธรรมชาติหรือไหลสู่มหาสมุทร จนสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรหลายภาคส่วนจากหลากหลายโครงการ เพื่อร่วมส่งเสริมระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy เพื่อสร้าง Positive Impact จากการดำเนินธุรกิจได้อย่างแท้จริง