Top StoriesTrending

เนสเพรสโซ เปิดแคมเปญ ‘My Cup of Purpose’ เร่งเพิ่ม Recycling Rate ในไทย ตั้งเป้า​ส่งคืนแคปซูลรีไซเคิลมากกว่า 50% ภายในปี 2030

เนสเพรสโซ เปิดแคมเปญ My Cup of Purpose​ ในประเทศไทย เดินหน้าส่งเสริมไลฟ์สไตล์ที่ยั่งยืนไปพร้อมกับผู้บริโภค เชื่อมโยงวัฒนธรรมในการดื่มกาแฟ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่ยั่งยืนในระยะยาว

เนสเพรสโซ ประเทศไทย ขับเคลื่อนแคมเปญ ‘My Cup of Purpose’ ​มุ่งสร้างการรับรู้ ‘ความยั่งยืน’ ผ่านวัฒนธรรมการดื่มกาแฟ​ของคนไทย พร้อมเพิ่ม​การมีส่วนร่วม​ดูแลโลกผ่านกาแฟแก้วโปรด ​เดินหน้าผนึกพันธมิตรขยายความสะดวก​การส่งคืนแคปซูลหลังการบริโภคมากขึ้น ตั้งเป้าเพิ่มอัตรา Recycling Rate ประเทศไทยได้เท่าตัว ภายในปี 2030

คุณอีลิส ทัน ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร เนสเพรสโซ ประเทศไทย และ คุณอมรทิพย์ วัชรีวงศ์ ณ อยุธยา ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด เนสเพรสโซ ประเทศไทย ให้ข้อมูลร่วมกันว่า เนสเพรสโซเร่ง​สื่อสารเชิงรุกแคมเปญ ‘My Cup of Purpose’ ในประเทศไทย ตอกย้ำความมุ่งมั่น​ด้าน​ความยั่งยืนของเนสเพรสโซ่ตลอดวัฏจักรผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ต้นน้ำ หรือเมล็ดกาแฟ ไปจนถึงการดูแลผลิตภัณฑ์หลังการบริโภค หรือการส่งคืน​แคปซูลกาแฟ พร้อมนำไปต่อยอดการสร้างคุณค่าใหม่หรือ Second Life ทั้งในส่วนวัสดุ​​อลูมิเนียม และกากกาแฟ เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมการดื่มกาแฟอย่างยั่งยืนในประเทศไทย

โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดกาแฟแคปซูล ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับโอกาสขยายตัวในระดับสูง จากขนาดของตลาดที่ปัจจุบัน​ยังไม่ถึง 10% จากตลาดกาแฟโดยรวม จึงยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ตามเทรนด์การเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดกาแฟประเทศไทย​ปีละประมาณ 8% สวนทางกับการภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่มีการชะลอตัว

นอกจากนี้ ยังเป็นการเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนของเนสเพรสโซ่ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ผู้บริโภคในปัจจุบัน โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญ และยินดีจ่ายในราคาที่แพงกว่า หากเป็นการสนับสนุนแบรนด์ที่มีความยั่งยืนหรือดีต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า โดยเฉพาะกลุ่ม GenZ ไทย ที่มีสัดส่วนถึง 85% สูงกว่าค่าเฉลี่ยระดับโลกที่ 65% รวมทั้งการเติบโตของการขับเคลื่อนเรื่องการส่งเสริมการรีไซเคิลภายในประเทศไทยในปีที่ผ่านมา  ซึ่งขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ราว 4-5%  จาก 34.5%  เป็น 38.6%

“การขับเคลื่อนแคมเปญนี้ จะขยายผลในการสร้างอิมแพ็คผ่านวัฒนธรรมการดื่มกาแฟ ยกระดับจากการเติมเต็มในรื่องประสบการณ์และการดื่มด่ำกับช่วงเวลา ‘Me Moments’ มาสู่โอกาสในการสร้างสิ่งที่ดีให้โลก ผ่าน 3 เสาหลักความยั่งยืนของเนสเพรสโซ ทั้งความใส่ใจต่อการหมุนเวียน (Circularity) ความใส่ใจต่อสภาพภูมิอากาศ (Climate) และความใส่ใจต่อชุมชน (Community) เพื่อสร้างให้เกิดการขับเคลื่อนได้อย่างเป็นรูปธรรมและจับต้องได้  พร้อมเร่งสื่อสาร​สร้างการรับรู้ถึงประโยชน์ในการส่งคืนแคปซูลกาแฟเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคอยากมีส่วนร่วมมากขึ้น ผ่านความร่วมมือ​กับพันธมิตรท้องถิ่นอย่าง บริษัท วงษ์พาณิชย์ ในจังหวัดพิษณุโลก เพื่อสร้างความมั่นใจว่าแคปซูลทุกชิ้น​จะถูกรวบรวม และนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลด้วยความใส่ใจโลกอย่างแท้จริง เพื่อนำไปแยกประเภทการบริหารจัดการ และสร้างคุณค่าใหม่ ในรูปแบบสินค้าไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ทั้งจักรยาน แก้วน้ำ ปากกา ​ รวมท้ัง​กากกาแฟที่ใช้แล้วจะถูกแปรรูปเป็นปุ๋ย เพื่อนำส่งต่อให้เกษตรกรที่ทำไร่ในจังหวัดพิษณุโลก สะท้อนการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง”

นอกจาก การสร้าง  Awareness ในวงกว้าง ยังมุ่งสนับสนุนเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วม​​ของผู้บริโภคให้สามารถเข้าถึงช่องทางในการส่งคืนแคปซูลเพื่อรีไซเคิลได้มากขึ้น ​ด้วยการ​​ขยายจุดส่งคืน (Drop point) ให้เข้าถึงง่ายและใกล้ตัวมากขึ้น  ทั้งจาก 8 สาขาของเนสเพรสโซบูติก ​ในกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ รวมทั้ง​จุดขายในห้างสรรพสินค้ากว่า 50 แห่ง รวมทั้งการฝากส่งคืนทางไปรษณีย์ได้ทั่วประเทศ พร้อมทั้งบริการรับถึงบ้าน เมื่อสั่ง​​สินค้าออนไลน์ และเสริมความแข็งแกร่งด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่น ​เพื่อผสมผสานเรื่องความยั่งยืนให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตได้อย่างกลมกลืน และทุกคนสามารถทำได้อย่างง่ายดาย

สำหรับเป้าหมายการขับเคลื่อนแคมเปญ My Cup of Purpose​ ในประเทศไทย ตั้งเป้าการส่งคืน​แคปซูลเพื่อรีไซเคิล (Recycling Rate) ให้เติบโตต่อเนื่องได้แบบเท่าตัว​ จากปัจจุบันเนสเพรสโซประเทศไทยมี Recycling Rate​ ที่ 25% โดยตั้งเป้าขยับเพิ่มขึ้นในสิ้นปีนี้เ​ป็น​ 27% และเพิ่มขึ้นได้ราวเท่าตัว หรือเพิ่มเป็นมากกว่า 50%  ภายในปี 2030 โดยในภูมิภาคเอเชียประเทศที่มีการส่งคืนแคปซูลเพื่อรีไซเคิลสูงที่สุดคือ ไต้หวัน​ มีการส่งคืนมากกว่า 50% ตามมาด้วยเกาหลีใต้ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน เนื่องจากความแข็งแรงของระบบในการบริหารจัดการขยะ และการขับเคลื่อนผลักดันอย่างจริงจังของภาครัฐ ขณะที่สัดส่วนเฉลี่ยทั่วโลกในปัจจุบันอยู่ที่ 35% และตั้งเป้าเพิ่มขึ้นเป็น 60% ภายในปี 2030  ​

“ตลอดการเดินทาง​ที่ผ่านมา เนสเพรสโซ่ให้ความสำคัญในการสร้างความยั่งยืนตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า​ผ่านโครงการระดับโลก ที่ขับเคลื่อนมา​ต่อเนื่อง อาทิ โครงการ AAA Sustainable Quality™ ที่ทำงานร่วมกับเกษตรกรชาวไร่กาแฟกว่า 168,550 ราย ใน 18 ประเทศ เพื่อช่วยเหลือการฟื้นฟูระบบนิเวศ แก้ไขปัญหาวิถีการทำไร่กาแฟเพื่อรองรับต่อสภาพภูมิอากาศในแต่ละพื้นที่​ ส่งเสริมความเป็นธรรมของราคากาแฟที่รับซื้อจากชาวไร่ พร้อมทั้งช่วยเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชุมชนไปพร้อมกัน”

รวมทั้งการส่งเสริมการนำวัสดุรีไซเคิลมาใช้ในธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งแคปซูลกาแฟที่มีสัดส่วนอลูมิเนียมรีไซเคิล 80% เครื่องชงกาแฟ ที่ใช้พลาสติกรีไซเคิล 35% กล่องกระดาษบรรจุภัณฑ์ จากกระดาษรีไซเคิล 95% รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่เป็นโลหะสแตนเลสรีไซเคิลถึง 90% ​ รวมทั้งการขยายความร่วมมือสู่กลุ่มผู้บริโภคผ่านแคมเปญ My Cup of Purpose เพื่อสามารถบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน โดยเฉพาะการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG Reduction) จากการดำเนินธุรกิจ ซึ่งการดำเนินการในปีที่ผ่านมา สามารถลด GHG Reductuin ได้แล้วกว่า 2.86 แสนตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO2e) ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายตามโรดแม็พเพื่อขับเคลื่อนสู่ Net Zero ภายในปี 2050 สอดคล้องกับเป้าหมายที่ทางเนสท์เล่ได้วางไว้

ส่งต่อไลฟ์สไตล์ใส่ใจโลก ก้าวสู่สังคมรีไซเคิล

สำหรับปี 2568 แคมเปญ ‘My Cup of Purpose’ จะเริ่มต้นด้วยแนวคิดเกี่ยวกับ ‘การหมุนเวียน (Circularity)’ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่เนสเพรสโซต้องการทำให้เป็นเรื่องเข้าถึงง่ายสำหรับทุกคน เพื่อให้เหล่าผู้ที่หลงใหลในศิลปะของการดื่มกาแฟผสมผสานความยั่งยืนเข้ากับวิถีชีวิตได้อย่างเรียบง่าย พร้อมขับเคลื่อนไปสู่จุดมุ่งหมายที่มีคุณค่าร่วมกัน

เริ่มตั้งแต่เป้าหมายภายในองค์กร เนสเพรสโซร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยสำนักงานสิ่งแวดล้อม เพื่อสนับสนุนโครงการปลูกต้นไม้ล้านต้น โดยเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา เนสเพรสโซจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ที่สวนป่าเอกมัย เขตวัฒนา เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงพื้นที่สีเขียวให้กรุงเทพมหานคร โดยเจ้าหน้าที่กทม.ได้ให้ความช่วยเหลือพนักงานเนสเพรสโซในการปลูกต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ จำนวน 20 ต้น ต้นสะเดา 15 ต้น และผักสวนครัวรวม 100 ต้นเพื่อให้ร่มเงาและเป็นผลผลิตให้กับชุมชน โดยใช้ดินที่ผสมกากกาแฟของเนสเพรสโซที่ใช้แล้ว ทำเป็นปุ๋ยบำรุงต้นไม้เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน โดยพนักงานเนสเพรสโซทุกคนมีความภูมิใจที่มีส่วนรวมในการยกระดับพื้นที่สีเขียวให้กับเมืองกรุงเทพฯผ่านกิจกรรมเล็ก ๆ ที่มีคุณค่า

นอกจากนี้เนสเพรสโซยังได้เหล่าอินฟลูเอนเซอร์สายสิ่งแวดล้อมและไลฟ์สไตล์เข้ามาร่วมทำกิจกรรมเพื่อจุดประกายให้ผู้บริโภคชาวไทยหันมาสนใจวิถีชีวิตที่ใส่ใจโลกยิ่งขึ้น ผ่านช่วงเวลาสุดพิเศษแห่งการดื่มด่ำกาแฟยามเช้า รวมถึงในวันกาแฟสากล (International Coffee Day) ที่จะถึงนี้ เนสเพรสโซยังเตรียมจัดกิจกรรมที่จะเชิญชวนลูกค้าเนสเพรสโซและคนรักกาแฟมารวมตัวเพื่อดื่มด่ำกาแฟทุกแก้วด้วยความยั่งยืนไปด้วยกัน