เมื่อนึกถึงคำว่า ‘ขยะ’ ภาพในหัวของใครหลายคนคงสะท้อนออกมาในมิติเชิงลบแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นภาพกองขยะที่มีแต่ความสกปรก กลิ่นเหม็น แหล่งกำเนิดของเชื้อโรค และยังเป็นต้นตอของหลายๆ ปัญหา ทั้งสุขภาพ คุณภาพชีวิต แหล่งเสื่อมโทรมในสังคม รวมไปถึงวาระสำคัญระดับโลกอย่างปัญหาโลกร้อนและผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศที่ทุกฝ่ายกำลังพยายามแก้ไขกันอย่างเร่งด่วน
แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง สิ่งที่หลายคนเคยมองว่าเป็น ‘ขยะ’ หากแต่ในความเป็นจริงอาจเป็นเพียงการมองไม่รอบด้านมากพอ เพราะเมื่อเปลี่ยนมามุมมองใหม่ เราอาจจะพบแค่ ‘กองวัสดุ’ ที่ยังไม่ได้มีการหยิบมาต่อยอดเพื่อสร้างให้เกิดประโยชน์ในรูปแบบใหม่ๆ หรือตัดสินจากวิธีการเดิมๆ ความคิดเดิมๆ นึกว่าสิ่งเหล่านี้เป็นของเสีย ของไม่มีประโยชน์ หรือหน้าตาที่ไม่สวยงาม ไม่ตรง Beauty Standard ตามมาตรฐานเดิมๆ จึงถูกจัดกลุ่ม จัดประเภทว่าเป็นของเสีย ของตกเกรด ขายไม่ได้ จนต้องทิ้งไป และสุดท้ายก็จะไปกองรวมกันที่หลุมฝังกลบ หรือเผาทำลาย กลายเป็นการเพิ่มผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมซ้ำเติมโลกมากเข้าไปอีก
ขณะที่ความเชื่อใหม่ของโลก ในยุคที่มุ่งขับเคลื่อนสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน กลับมองว่า ‘ไม่ควรมีอะไรในโลกที่ต้องกลายเป็นขยะ’ เพียงแค่การให้ความสำคัญเข้าไปบริหารจัดการ ตามแนวคิด ‘Waste to Value’ เพื่อเปลี่ยนจากขยะ เปลี่ยนจากความน่ารังเกียจ ความไม่สวยงาม มาสู่การสร้างให้เกิดคุณค่าใหม่ ทำให้ของทุกชิ้นกลับมามีประโยชน์ได้อีกครั้ง
เช่นเดียวกับ 8 ไอเดียสร้างสรรค์ ต่อไปนี้ ที่ทำให้สิ่งที่เคยเข้าใจว่าเป็น ‘ขยะ’ กลับมาสร้างคุณค่าและเกิดประโยชน์ ผ่านการต่อยอดแนวคิด พัฒนาโมเดลธุรกิจหรือมุมมองใหม่ๆ ไปจนถึงการนำนวัตกรรมต่างๆ มาช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม ยกระดับคุณภาพชีวิต และเพิ่มโอกาสให้ผู้คนและสังคมโดยรอบ พร้อมส่งเสริมแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนไปพร้อมกัน โดยไม่ได้มองแค่การทำให้โลก Zero Waste หรือปลอดขยะเท่านั้น แต่ยังขับเคลื่อนผลกระทบเชิงบวกในหลากหลายมิติตามมาด้วย
1. ทะเลจร : รองเท้าคู่ใหม่ จากขยะทะเล
การเปลี่ยนทัศนคติและมุมมอง เพื่อเปลี่ยน ‘ขยะ’ เป็น ‘วัตถุดิบ’ นำไปสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ให้เกิดประโยชน์ได้อีกครั้ง ภายใต้ความร่วมมือขององค์กรไม่แสวงหากำไรในพื้นที่ปัตตานีอย่าง กลุ่มทะเลจร และ Trash Hero Thailand เพื่อช่วยกันลดขยะทะเล ซึ่งประเทศไทยได้ชื่อว่ามีปริมาณขยะทะเลสูงสุดเป็นอันดับ 6 ของโลก ไม่ว่าจะเป็นขวดพลาสติก ถุงพลาสติก แห อวน ไฟแช็ค รวมทั้งรองเท้าที่มักลอยมาตามทะเลเช่นกัน
นำมาสู่ไอเดียในการนำขยะรองเท้าจากทะเล มาอัพไซเคิลเป็นรองเท้าแตะคู่ใหม่ในชื่อ ‘ทะเลจร’ เพื่อช่วยลดปริมาณขยะในทะเลพร้อมทั้งการสื่อสารและสร้างความตระหนักต่อปัญหาขยะทะเลไปพร้อมกันโดยขยะรองเท้าจากทะเล 10 ข้าง จะนำมาผลิตเป็นรองเท้าทะเลจรคู่ใหม่ได้ 1 คู่ ด้วยดีไซน์แบบ Mosaic Color สร้างอัตลักษณ์สะท้อนความเป็น Circular Product พร้อมเครื่องหมายรับรองการสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่าง Circular Mark ซึ่งประโยชน์ของทะเลจร นอกจากช่วยลดปริมาณขยะในทะเลแล้ว ยังช่วยสร้างงาน สร้างทักษะอาชีพ พร้อมแบ่งปันรายได้จากการจำหน่ายให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ รวมทั้งนำไปสนับสนุนกิจกรรมเก็บขยะทะเลของ Trash Hero และกิจกรรมเพื่อสังคมอื่นๆ ต่อไป
2. Pretty Ugly Bag : กระเป๋าช้อปปิ้งรักษ์โลก จากป้ายไวนิลเก่า
จากป้ายไวนิลสื่อสารแคมเปญการตลาดของ ท็อปส์ (Tops) ที่หน้าร้าน ‘ท็อปส์ เดลี่’ ของเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทลในเครือเซ็นทรัล รีเทล ซึ่งปกติจะถูกปลดออก และไม่ได้มีหน้าที่ใดๆ ให้ต้องใช้งานอีกต่อไปหลังแคมเปญต่างๆ สิ้นสุดลง ซึ่งในแต่ละปีจะมีปริมาณป้ายไวนิลเก่าไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นชิ้นต่อปี กลายเป็นโจทย์สำคัญให้เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล ในการเปลี่ยนจากสิ่งที่กำลังจะกลายเป็นขยะพลาสติก ที่ไปซ้ำเติมปัญหาสภาพอากาศของโลก ให้กลับมามีประโยชน์และดีต่อโลกได้ใหม่อีกครั้ง
กระเป๋าช้อปปิ้งรักษ์โลก ‘Pretty Ugly Bag’ จึงเป็นคำตอบที่ลงตัว ด้วยการอัพไซเคิลจากขยะ ที่หลายคนอาจมองว่าไม่สวย ไม่มีประโยชน์ และถูกเก็บไว้แบบทิ้งขว้าง บางชิ้นเก่า สกปรก เปรอะเปื้อน เพราะไม่ได้รับการดูแล และรอเวลาในการนำไปทำลาย มาสู่การเป็นไอเท็มคู่กายนักช้อปยุคใหม่ ในคอนเซ็ปต์ ‘ไม่สวย แต่ช่วยโลกได้’ พร้อมดีไซน์แบบหนึ่งเดียวในโลก ที่ไม่มีใครเหมือน และยังเป็นไอคอนิกสะท้อนความรักษ์โลก พร้อมคุณสมบัติที่แข็งแรง ทนทาน และความเป็นเอกลักษณ์ ที่สำคัญคือ การได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมไปได้อย่างต่อเนื่อง เพราะเมื่อซื้อกระเป๋าใบนี้เพียงครั้งเดียว และใช้งานจนกระเป๋าชำรุด ทางท็อปส์ยังเปิดโอกาสให้นำกระเป๋าไปเปลี่ยนใหม่ แบบฟรีๆ ได้ตลอดชีวิต เท่ากับเพิ่มการมีส่วนร่วมจากลูกค้าและผู้บริโภคให้ช่วยกันลดขยะพลาสติกเพื่อสร้างผลกระทบได้มากขึ้นแบบทวีคูณ
3. Ugly Veggies Thailand : ผักออแกนิกส์ตกเกรด แต่ประโยชน์เต็มเปี่ยม
การต่อยอดเทคโนโลยี เพื่อช่วยแก้ปัญหา พร้อมเพิ่มโอกาสและช่องทางสร้างรายได้ให้กลุ่มเกษตรกร เมื่อโครงการ Ugly Veggies Thailand ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น เข้าไปสนับสนุนและยกระดับสู่ Smart Farming ให้กลุ่มชุมชนเกษตรกรอำเภอกระนวน จ.ขอนแก่น และพบ Pain point ในการผลิตพืชผักออแกนิกส์เพื่อจำหน่าย แต่สามารถส่งขายให้ตลาดได้เพียง 50-70% ส่วนที่เหลืออีกกว่า 30% จะถูกคัดออก เพราะไม่ได้มาตรฐานที่ตลาดต้องการ ไม่ว่าจะเป็นจากขนาด หรืออาจจะมีรูปร่างไม่สวยงาม เพราะเป็นการปลูกตามธรรมชาติ และไม่ได้ใช้สารเคมี ซึ่งผลผลิตที่ไม่สามารถขายได้ เป็นโอกาสในการนำไปสู่การเกิดขยะอาหาร หรือ Food Waste ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญของโลกเช่นกัน
Ugly Veggies Thailand ได้พัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อเป็น Online Marketplace และรวบรวมผักออแกนิกส์ตกเกรดจากกลุ่มเกษตรกรที่มี Certificate หรือใบรับรอง Organic เพื่อการันตีความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัย นำ ‘ผักไม่สวย แต่มีคุณภาพ’ มาสร้างตลาดผักออแกนิกส์ออนไลน์ เป็น Community ให้เกษตรกรและลูกค้า สามารถหาซื้อผักคุณภาพดี ราคาประหยัด และเต็มไปด้วยคุณภาพไม่ต่างจากที่ขายในห้าง เพียงแต่อาจจะมีรูปร่างไม่สวยงาม รวมทั้งยังมีผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจากผักออแกนิกส์ที่ให้คุณประโยชน์ต่างๆ เช่น ไฟเบอร์ โพรไบโอติค หรือพรีไบโอติก เพื่อขับเคลื่อนสู่ Zero Food Waste ด้วยการต่อยอดผักที่เหลือจากการขายและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กลุ่มเกษตรกรได้มากขึ้น ซึ่งหากขับเคลื่อนได้ตามเป้าหมาย 100% จะสามารถลดขยะทางการเกษตรจากครัวเรือนให้ลดลงได้ถึง 5.6 ตันต่อปี
4. Mi Terro : Limitless Milk Shirt ‘เสื้อยืด’ จากนมหมดอายุ
Mi Terro (มีเทอร์โร) เป็นธุรกิจสตาร์ทอัพด้านไบโอเทคโนโลยี จากสหรัฐอเมริกา พัฒนานวัตกรรมการสกัดเส้นใยชีวภาพ จากนมหมดอายุ เพื่อผลิต เสื้อยืด Limitless Milk Shirt โดยรวบรวมนมจากฟาร์มปศุสัตว์รวมทั้งจากร้านขายของชำต่างๆ เพื่อนำมาผลิตเป็นเสื้อยืดแฟชั่นรักษ์โลก ซึ่งถือเป็นความสร้างสรรค์ที่แปลกใหม่ ทั้งการช่วยลดปริมาณขยะอาหารที่มีอยู่ทั่วโลกกว่า 1, 300 ล้านตันต่อปี โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมนม ที่มีปริมาณกว่า 128 ล้านตันต่อปี และเป็นสาเหตุของการเกิดก๊าซเรือนกระจกแต่ละปีกว่า 3,300 ล้านตัน รวมทั้งยังเพิ่มทางเลือกในการมีวัสดุสิ่งทอที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น
Limitless Milk Shirt ใช้นวัตกรรม ‘Pro-Act’ (Protein Activation) เพื่อสกัดให้ได้โปรตีนเคซีนออกมา และนำมาเข้ากระบวนการ Dynamic Flow Shear Spinning เพื่อปั่นให้เป็นเส้นใยสำหรับต่อยอดใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ โดยเส้นใยที่ได้จะมีความนุ่มกว่าผ้าฝ้ายถึง 3 เท่า ป้องกันแบคทีเรีย ระบายอากาศ สวมใส่สบาย และยังใช้น้ำในกระบวนการผลิตน้อยกว่าผ้าฝ้ายทั่วไปถึง 60% รวมทั้งยังมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะเส้นใยที่ได้สามารถย่อยสลายได้ในธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดไมโครพลาสติกสะสมอยู่ในสภาพแวดล้อม
5. Nike Grind Dumbbells : ดัมเบลจาก Footwear Waste ของไนกี้
ดัมเบลออกกำลังกายรุ่นพิเศษของไนกี้ ที่เกิดจากการบริหารจัดการวัสดุเหลือใช้ในกระบวนการผลิตรองเท้าของไนกี้ โดยผลิตจากแผ่นยางไนกี้กรายด์ ‘Nike Grind Rubbe‘ ที่เกิดจากการอัพไซเคิลแผ่นยาง หนัง โฟม ผ้า และเทอร์โมพลาสติก หรือการรับคืนรองเท้าเก่าเพื่อมาแยกชิ้นส่วนและนำเข้าสู่กระบวนการผลิตเป็นแผ่น Nike Grind และต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์รักษ์โลกในหลากหลายกลุ่ม ทั้งอุปกรณ์กีฬา แฟชั่น หรือแม้แต่เฟอร์จิเนอร์ต่างๆ ร่วมกับพันธมิตรของไนกี้
โดย Nike Grind Dumbbells มีส่วนผสมจาก Footwear Waste อย่างน้อย 20% ตามขนาดแต่ละชิ้น รวมทั้งวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทาน แต่ปลอดภัยเพราะทำจากยาง พร้อมดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ในแต่ละชิ้น แต่มีความสดใสตามกลิ่นอายคอลเลกชั่นของไนกี้ พร้อมตอกย้ำสโลแกน Just Do It สะท้อนเอกลักษณ์ในการก้าวข้ามขีดจำกัด จากเรื่องของกีฬา และไลฟ์สไตล์ ไปจนถึงการตอบโจทย์ในเรื่องของความยั่งยืนได้ด้วย จึงไม่เพียงแค่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพ และยังสร้างความแตกต่างผ่านการมีส่วนช่วยลดขยะให้โลกใบนี้ไปพร้อมกันด้วย
6. KUBOTA x GREYHOUND ORIGINAL สตรีทแฟชั่นจากฟางข้าว
ราว 20% ของพื้นที่เพาะปลูกในไทย หรือกว่า 65 ล้านไร่ เป็นพื้นที่ปลูกข้าว ทำให้ประเทศไทยมีปริมาณ ‘ฟางข้าว’ เหลือหลังเก็บเกี่ยวจำนวนมาก ขณะที่กระบวนการกำจัดมักใช้วิธีเผา สร้างมลภาวะทางอากาศ ฝุ่นPM2.5 รวมทั้งยังสร้างก๊าซเรือนกระจก สาเหตุของปัญหาโลกร้อน
นำมาสู่ความร่วมมือของ 2 ผู้นำใน 2 อุตสาหกรรม อย่างสยามคูโบต้า และเกรฮาวด์ ในโปรเจ็กต์ KUBOTA x GREYHOUND ORIGINAL ‘Turn waste to Agri-Wear’ ซึ่งเป็นครั้งแรกในวงการแฟชั่น ที่นำ Agri-Waste หรือวัสดุเหลือใช้ ทั้งฟางข้าว 20% รังไหม 20% และผ้าฝ้าย 60% มาทอเป็นผ้าสำหรับออกแบบในคอลเล็กชั่นใหม่ ดีไซน์แบบสตรีทแฟชั่น ที่เป็น Unisex และเป็น Eco Fashion เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดทั้งวงจรชีวิตของสินค้า ตามแนวทาง Sustainable Fashion
7. พระสติ -นกหวีดพารอด ผนวก ‘ศรัทธา’ และ ‘ความยั่งยืน’
Qualy (ควอลี่) แบรนด์ที่มุ่งมั่นในการขับเคลื่อน Circular Economy โดยใช้พลังของความคิดสร้างสรรค์ ต่อยอดการลดวัสดุเหลือใช้ โดยเฉพาะขยะพลาสติก พัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์ต่างๆที่แปลกใหม่ เพื่อกระตุ้นแนวคิดเรื่องความยั่งยืน โดยเฉพาะการนำเรื่องของ ‘ความศรัทธา’ มาช่วยขับเคลื่อน ผ่านการจัดสร้าง ‘พระสติ’ พระเครื่องจากมวลสารรีไซเคิล ด้วยคำจำกัดความว่า ‘มวลสารแห่งความยั่งยืน‘ เพื่อเป็นกุศโลบาย ผนวกกลยุทธ์ Story Telling เพื่อสื่อสารเรื่องการ ‘แยกขยะ’ ให้ช่วยเพิ่มการรับรู้ในวงกว้าง และเปิดตัวในงาน Bangkok Design Week 2022 โดย TCDC ซึ่งประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะการได้รับความสนใจและถูกพูดถึงเป็นวงกว้าง รวมทั้งสร้างการมีส่วนร่วมจากการมีผู้นำขยะพลาสติกมาบริจาค ซึ่งเป็นการส่งเสริมความเข้าใจในการแยกประเภทขยะได้อีกทางหนึ่งด้วย
ซึ่งปีนี้ทาง Qualy ได้ต่อยอดแนวความสำเร็จผ่านการดีไซน์ ‘นกหวีดพารอด’ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ‘พระรอด’ ซึ่งมีพุทธคุณเรื่องความแคล้วคลาดปลอดภัย เช่นเดียวกับนกหวีดซึ่งเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ช่วยเหลือ กลายเป็น ‘นกหวีดพารอด’ เครื่องรางแห่งความรอดปลอดภัย ที่มาพร้อมเสียงเตือนภัย และแรงศรัทธาแห่งความยั่งยืน รวมทั้งวัสดุจากต้นทางที่มีส่วนช่วยปกป้องโลกจากปริมาณขยะพลาสติกต่างๆ ด้วย
8. เฟอร์นิเจอร์จากซากสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์
สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า หนึ่งในพาหนะที่กลุ่มประเทศนอร์ดิกส์นิยม เพราะความสะดวกและมีมุมมองว่าดีต่อสิ่งแวดล้อม แต่เมื่อไม่ได้ใช้งานแล้ว ซากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ จัดเป็นหนึ่งกลุ่ม ‘ขยะอิเล็กทรอนิกส์’ เพราะมีแบตเตอรี่ที่หมดอายุการใช้งานและไม่สามารถเปลี่ยนใหม่ได้ จึงถูกทิ้งเป็นเศษขยะและกลายเป็นปัญหาของสังคมในเมือง
กลุ่มนักออกแบบชาวสวีเดน จึงสร้างสรรค์คอลเลคชั่น E-metabolism นำเอาชิ้นส่วนซากสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ที่เก็บได้จากคลองในเมืองท่าสำคัญอย่าง Malmö และนำชิ้นส่วนมาสร้างประโยชน์ใหม่ เพื่อเป็นการกำจัดขยะในแม่น้ำสายสำคัญ และนำวัสดุกลับเข้าสู่วงจรการสร้างประโยชน์ใช้สอยใหม่ ด้วยการนำมาทำเป็นเครื่องใช้เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เช่น โคมไฟ แจกัน เตาย่างบาร์บีคิว เก้าอี้ หรือกระถางต้นไม้ โดยเชื่อมโยงชิ้นส่วนต่างๆ เข้ากับเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ และได้นำไปจัดแสดงในงาน Southern Sweden Design Days นอกจากนำเสนอไอเดียยังช่วยกระตุ้นความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมได้ด้วย