เริ่มนับถอยหลังกับงานสัมมนาธุรกิจระดับนานาชาติ เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน SB’18 Bangkok ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 4 ระหว่างวันที่ 12-13 ต.ค.นี้ ณ ชุมชนบางกระเจ้า จ.สมุทรปราการ ภายใต้คอนเซ็ปหลัก “Redesigning the Good Life”
แต่ก่อนจะถึงวันจริง ดร. ศิริกุล เลากัยกุล แม่งานขออุ่นเครื่องกับกิจกรรมแรก “SB’18 Bangkok Redesigning the Good Waste” โดยการเชิญชวนกลุ่มนักออกแบบรุ่นใหม่ มาร่วมสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จากผ้าที่ได้จากโครงการ Upcycling The Oceans Thailand ซึ่งเป็นผ้าที่ทอจากขยะพลาสติกใต้ทะเลไทย และเป็นหนึ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียน Circular Economy ระดับโลก เพื่อนำมาผลิตเป็นสินค้าที่มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สร้างมูลค่าเพิ่ม และมีประโยชน์ใช้สอยได้อย่างแท้จริง
![](https://sdthailand.com/wp-content/uploads/2018/08/P1.jpg)
การประกวดครั้งนี้มีนักออกแบบรุ่นใหม่ส่งผลงานเข้าร่วมการคัดเลือกรอบแรกถึง 30 ทีม โดยมี 13 ทีมที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมเวิร์คช็อป และรับโจทย์พร้อมกับรับผ้ารีไซเคิลจากโครงการ เพื่อขึ้นต้นแบบผลิตภัณฑ์ เมื่อเร็วๆ นี้ ก่อนนำส่งผลงานเข้าประกวดในวันที่ 25 สิงหาคม โดยผู้ชนะการประกวดจะมีโอกาสได้ร่วมผลิตสินค้าจากวัสดุรีไซเคิลกับแบรนด์ UTO Thailand (Upcycling The Oceans Thailand) พร้อมได้จัดแสดงผลงานในงานประชุม SB’18 Bangkok
โดยกิจกรรมครั้งนี้ได้วิทยากรระดับกูรูเข้าร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์และสร้างแรงบันดาลใจในการออกแบบโดยใช้วัสดุแปรรูปจากท้อง เริ่มจาก ดร. ศิริกุล เลากัยกุล ผู้อำนวยการโครงการ Sustainable Brands Bangkok กล่าวถึงการสร้างแบรนด์และการออกแบบผลิตภัณฑ์ในปัจจุบันมีความจำเป็นที่ต้องให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจอย่างรับผิดชอบ เพื่อให้มีส่วนในการพัฒนาอย่างยั่งยืน
“เรามีต้นทุนทางความคิด ด้วยการน้อมนำศาสตร์พระราชามาใช้ในเรื่องของการสร้างความยั่งยืน โดยในปีนี้ SB’18 ให้ความสำคัญกับการ Redesigning the Good Life ครอบคลุม 6 หัวข้อ ได้แก่ Good Leader, Good Design, Good Waste, Good Tourism, Good Green, and Good Technology สำหรับการประกวดครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Good Design โดยนักออกแบบต้องแสดงให้เห็นว่า ผลงานชิ้นนั้นๆ จะสร้างคุณค่าให้ชีวิตดีขึ้นได้อย่างไร การสร้างมูลค่าให้วัสดุ (upcycling) เป็นอะไรที่มากกว่า การรีไซเคิล (recycling)”
![](https://sdthailand.com/wp-content/uploads/2018/08/p5.jpg)
มร. ฮาเวียร์ โกเยนิเช่ ประธานและผู้ก่อตั้งมูลนิธิอีโคอัลฟ์ เป็นผู้ริเริ่มนำขยะมาสร้างสรรค์เป็นสินค้าแฟชั่น ภายใต้แบรนด์อีโคอัลฟ์ (Ecoalf) จากประเทศสเปน ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวกับภาพลักษณ์สินค้าดีไซน์เท่ห์ คุณภาพดี รักษ์สิ่งแวดล้อม และใช้งานได้จริง โดยวัสดุทั้งหมด 100% ที่นำมาผลิตได้มาจากขยะรีไซเคิล ได้รับความร่วมมือจากชาวประมงในการเก็บรวบรวมขยะจากท้องทะเล โดยเฉพาะขวดพลาสติก หรือแม้แต่ยางรถยนต์เก่าที่คนเอาไปทิ้งในทะเล นำมาสร้างมูลค่าให้วัสดุ หรือ Upcycling และออกแบบใหม่เป็นเสื้อผ้า กระเป๋า และรองเท้าแตะ เช่น แจ็กเก็ต 1 ตัว ใช้จำนวนขวดพลาสติกถึง 80 ขวด เป็นการสร้างความตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมผ่านสินค้าแฟชั่นที่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่คนทั่วโลกสามารถเข้าใจได้ร่วมกัน นอกจากนี้ในฐานะผู้ก่อตั้งโครงการ Upcycling The Ocean ฮาเวียร์ยังมีส่วนสำคัญในการอนุรักษ์ทะเลไทย ผ่านโครงการ Upcycling The Ocean Thailand
ฮาเวียร์ กล่าวว่า “คนรุ่นใหม่นอกจากจะให้ความสนใจในเรื่องราวแฟชั่น การใช้ชีวิต และการผสมผสานเทคโนโลยี ยังมีจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ดังนั้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัสดุรีไซเคิลอย่างมีคุณภาพจึงเป็นเรื่องที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญมากเช่นกัน”
![](https://sdthailand.com/wp-content/uploads/2018/08/P2.jpg)
ในส่วนของผู้นำด้านเทคโนโลยีการแปรรูปผลิตภัณฑ์พลาสติกและปิโตรเคมี กิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์ ผู้จัดการฝ่าย หน่วยงานพัฒนาตลาดธุรกิจปิโตรเคมีขั้นปลาย บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ จีซี กล่าวถึงวิสัยทัศน์ในการมีส่วนร่วมสร้างสรรค์รูปแบบการดำเนินธุรกิจที่ก่อประโยชน์สูงสุด
“ขยะพลาสติก คือ หลักฐานของคนที่ไม่มีวินัย ไม่ว่าทิ้งขยะลงแม่น้ำหรือชายฝั่ง ปลายทางคือลงสู่ท้องทะเล การสร้างจิตสำนึกเป็นเรื่องที่ต้องช่วยกัน ประเทศไทยมีโปรเจคเรื่องการรีไซเคิลมานานแล้ว ในอดีตเราใช้การรีไซเคิลเพื่อลดต้นทุน แต่ปัจจุบันแนวโน้มนี้เปลี่ยนไปมาก การ upcycling คือการสร้างมูลค้าเพิ่มให้กับสินค้าให้กลับกลายมีคุณค่าที่มากกว่า เช่น นำขยะขวดพลาสติกมาผ่านกระบวนการทางเคมี แปลงเป็นเส้นใย ทอเป็นผืนผ้าโพลีเยสเตอร์ แล้วนำมา redesign เป็นสินค้าแฟชั่น เช่น กางเกงว่ายน้ำ เสื้อกีฬา กระเป๋า แม้แต่สินค้าพรีเมี่ยม คุณภาพสูง ติดแบรนด์ชั้นนำ ก็จะเป็นสินค้าที่ทุกคนอยากได้ ท่ามกลางวิกฤตการณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติและพลังงาน และปัญหามลภาวะของสิ่งแวดล้อม ทำให้แนวคิดระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy จำเป็นสำหรับการพัฒนาอย่างยั่งยืน”
ปิดท้ายที่ดร.ศิริกุล ให้กำลังใจผู้ได้รับคัดเลือกเข้าแข่งขันว่า “อาชีพนักออกแบบเป็นวิชาชีพที่เปลี่ยนสังคม เปลี่ยนทัศนคติ และเปลี่ยนโลกได้ ด้วยการทำสินค้าให้เกิดการบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ (responsible consumption) เป็นต้นแบบของการแบ่งปัน เนื่องจากทรัพยากรไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่เรามีความสามารถพอที่จะหมุนเวียนทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดหรือไม่ นี่คือสิ่งที่เราเรียกว่าเศรษฐกิจหมุนเวียน (circular economy) การสร้างมูลค่าให้วัสดุด้วยการ Redesigning the Good Waste โดยที่ต้องไม่ลืมใส่ประโยชน์ใช้สอยและอารมณ์ความรู้สึก จึงเป็นวิธีการพัฒนาอย่างยั่งยืนอีกรูปแบบหนึ่ง”