ไต้หวัน เปลี่ยนภูเขาขยะเปลือกหอยนางรม เป็น Biomaterial สร้างมูลค่าเพิ่มได้นับหมื่นล้าน

เขตชายฝั่งทะเลอย่างตำบลตงสือ เมืองเจียอี้ ถือเป็นแหล่งเลี้ยงหอยนางรมมีชื่อของไต้หวัน โดยหอยนางรมถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของผู้คนในพื้นที่มานานนับร้อยปี

แต่สิ่งที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ การสร้างขยะจากเปลือกหอยนางรมจำนวนมหาศาล ซึ่งคนในพื้นที่เองก็ชินตากับภาพกองภูเขาขยะจากเปลือกหอยนางรมที่ถูกทิ้งกระจายไปจนทั่วพื้นที่ตำบลตงสือ พร้อมทั้งพยายามหาวิธีในการบริหารจัดการกองภูเขาขยะนี้มาอย่างเนิ่นนานเช่นกัน เพราะนอกจากทัศนียภาพที่ไม่น่ามองแล้ว กองขยะยังส่งกลิ่นเหม็นและเป็นบ่อเกิดเชื้อโรคที่ดึงดูดให้มีแมลงวันเข้ามาตอมในพื้นทที่อีกด้วย

จนกระทั่งภาครัฐเริ่มขับเคลื่อนแนวคิดนโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียน เมื่อราว 2 ปีก่อน นำมาซึ่งการสร้างความร่วมมือระหว่างเทศบาลเมืองเจียอี้ เกษตรกรผู้เลี้ยงหอย และผู้ประกอบการรายใหญ่ อย่าง Taiwan Sugar Corporation ที่ได้ทำการค้นคว้าวิจัย และพบว่า สามารถนำเปลือกหอยมาบดเป็นผง เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมได้หลายอย่าง โดยผงจากเปลือกหอยนางรม ยังมีคุณสมบัติในการต่อต้านการ เจริญเติบโตของแบคทีเรีย และสามารถขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้เป็นอย่างดี

ขณะที่ Formosa Plastic ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมิคัลของไต้หวัน ได้นำผงจากเปลือกหอยไปผลิตเม็ดพลาสติกและใช้เป็นส่วนผสมในรองเท้าแตะ B&M ที่ทาง Formosa Plastic เป็นผู้ผลิต​ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมของคนไต้หวันอย่างมาก เมื่อนักวิ่งซูเปอร์มาราธอน อย่าง Lo Wei-ming ที่ชนะการวิ่งระยะทาง 3,100 ไมล์ ได้สวมใส่รองเท้าแบรนด์นี้ในการประกาศชัยชนะ หลังจากเขาได้วิ่งเข้าเส้นชัยแล้ว

Credit :Y sandals official store

 

นอกจากนี้ Formosa Plastic ยังอยู่ระหว่างการศึกษาต่อยอดในการนำผงจากเปลือกหอยนางรมนี้ไปผลิตอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์อีกด้วย เนื่องจากคุณสมบัติเด่นที่สามารถต่อต้านแบคทีเรียได้

สำหรับมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สามารถต่อยอดได้จากเปลือกหอยนางรมรีไซเคิลนี้ สามารถคำนวนผ่านจากราคารองเท้าแตะ B&M ซึ่งจำหน่ายในราคาคู่ละประมาณ 575 บาท โดยหอยนางรม 1 กิโลกรัม สามารถผลิตรองเท้าแตะได้ 2 คู่ และหากสามารถรีไซเคิลปริมาณเปลือกหอยที่มีกว่าปีละ 5 หมื่นตัน ก็จะสามารถสร้างมูลค่าทางธุรกิจจากการผลิตได้สูงถึง 5.75 หมื่นล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งเป็นเพียงมูลค่าจากผลิตภัณฑ์ที่วิจัยเสร็จและต่อยอดในเชิงพาณิชย์ได้แล้วเท่านั้น แต่หากรวมถึงโอกาสจากการวิจัยและพัฒนาเพิ่มเติมอื่นๆ อีกในอนาคต ก็จะยิ่งมีมูลค่าทางการค้าเพิ่มสูงมากกว่านี้อีกอย่างมาก

ข้อมูล : สำนักงานส่งเสริมการค้าต่างประเทศ

Stay Connected
Latest News