‘เพราะค้าปลีกคือส่วนหนึ่งของชุมชน’ เบื้องหลังการเกิด Lotus’s Privé (โลตัส พรีเว่) แบรนด์ใหม่ล่าสุดของโลตัส

เผยโฉมอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ​ Lotus’s Privé (โลตัส พรีเว่) แบรนด์ใหม่ล่าสุดจาก โลตัส พร้อมคอนเซ็ปต์ใหม่ในรูปแบบ ‘พรีเมียมไฮเปอร์มาร์เก็ต เพื่อให้ตอบโจทย์และสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายภายในโลเกชั่นได้ตรงจุดที่สุด

เพราะ Target และ Location เป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจค้าปลีก แต่หาก Store Format หรือแบรนด์ใน Portfolio ที่มีอยู่ ยังไม่สามารถเสิร์ฟความต้องการหรือไม่สอดคล้องกับ Positioning หรือ Location ได้อย่างแท้จริง การพัฒนาแบรนด์ใหม่เข้ามาเติมเต็มจึงเป็นหนึ่งในโซลูชันที่หลายๆ Developer นิยมใช้

เช่นเดียวกับการได้ Prime Location ในย่านเจริญนคร ซึ่งรายล้อมไปด้วยกลุ่มเป้าหมายกำลังซื้อสูง โรงแรมหรู รวมทั้งยังมี Global Iconic อย่างไอคอนสยาม​เป็นแม็กเน็ตสำคัญในการดึงทราฟฟิกเข้ามาในพื้นที่อยู่แล้ว การนำฟอร์ตแมตเดิมที่มีอยู่แล้วเข้าไปแบบสูตรสำเร็จอาจไม่ตอบโจทย์​กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยว หรือครอบครัวที่มีกำลังซื้อสูง ประกอบกับ​พฤติกรรมผู้บริโภค​ที่ขยับไปสู่ความพรีเมียมมากขึ้น จึงเป็นเหตุผลสำคัญให้โลตัส เลือกที่จะนำร่องในการพัฒนาแบรนด์คอนเซ็ปต์ใหม่อย่าง Lotus’s Privé (โลตัส พรีเว่) เป็นสาขาแรก​ ที่ไอซีเอส มิกซ์ยูส ไลฟ์สไตล์ ทาวน์ แห่งนี้ขึ้นมา

ทำไมต้อง Lotus’s Privé ?

คำว่า privé ดั้งเดิมเป็นคำในภาษาฝรั่งเศส อ่านออกเสียงว่า “พรี-เว่” มีความหมายเหมือนคำว่า private ในภาษาอังกฤษ ซึ่งมีความหมายว่า เป็นส่วนตัว พิเศษสำหรับแต่ละบุคคล แบรนด์ Lotus’s Privé จึงสื่อถึงความพรีเมียมและพริวิเลจเหนือระดับที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับความต้องการที่แตกต่างกันของแต่ละบุคคล

โลตัส พรีเว่ จึงต่างจากฟอร์ตแมตไฮเปอร์มาร์เก็ตเดิมที่มีอยู่ของโลตัส​ ด้วยการยกระดับสู่พรีเมียมไฮเปอร์มาร์เก็ต ด้วยคอนเซ็ปต์ “Premium Inclusive ความพิเศษที่ใช่ สำหรับคุณ” ทำให้ทั้งรูปลักษณ์ การออกแบบ ประเภทและความหลากหลายของสินค้ามีมากกว่าไฮเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป โดยเฉพาะสินค้านำเข้าที่มีสัดส่วนมากถึง 40% มากกว่าสาขาทั่วๆ ไป 3-4 เท่า จากสัดส่วนสินค้านำเข้าทั่วไปจะอยูที่ราวๆ 10% ​​รวมทั้งการมีบริการเสริมที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันไปของแต่ละเฉพาะบุคคลได้ด้วยเช่นกัน เช่น การให้บริการตัดแต่งหรือแล่เนื้อสัตว์นำเข้า การให้ข้อมูลวัตถุดิบต่างๆ ​รวมไปถึงบริการพรีออเดอร์สินค้านำเข้าแบบสดใหม่ ที่ส่งตรงมาจากต้นทาง เป็นต้น

คุณสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย กล่าวว่า โลตัสให้ความสำคัญในการออกแบบประสบการณ์ในการช้อปปิ้งและสอดคล้องกับรูปแบบการใช้ชีวิตของแต่ละกลุ่มได้อย่างสอดคล้องมากที่สุด ซึ่งกลุ่มลูกค้าโดยรอบโครงการถือเป็นกลุ่มระดับบน จากโครงการคอนโดมีเนียมระดับหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา โรงแรมชั้นนำที่รายล้อม รวมถึงโรงแรม Hilton Garden Inn ที่ตั้งอยู่ในโครงการไอซีเอส ส่วนชุมชนที่พักอาศัย อยู่ในย่านธุรกิจที่สำคัญ ประกอบกับศักยภาพของโครงการ ICONSIAM ที่เป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำระดับโลกของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ซึ่งเชื่อมต่อกับโครงการไอซีเอสผ่านรถไฟฟ้าสายสีทองสถานีเจริญนคร ​​ ทำให้เลือกนำร่องแบรนด์คอนเซ็ปต์ใหม่ที่นี่ เพื่อดูการตอบรับสำหรับศึกษาการขยายสาขาในลักษณะเช่นนี้เพิ่มเติมในอนาคตต่อไป

สำหรับโลตัสพรีเว่ มีพื้นที่ 2,900 ตารางเมตร ครอบคลุมทั้งชั้น B1 ของโครงการไอซีเอส มิกซ์ยูส ไลฟ์สไตล์ ทาวน์ จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ ไม่ว่าจะเป็น อาหารสด อาหารแห้ง เครื่องใช้ภายในครัวเรือน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม โดยเน้นสินค้าคุณภาพระดับพรีเมียม เพื่อเติมเต็มความต้องการของลูกค้าไฮเอนด์ ​ผ่านสินค้าอุปโภคบริโภคที่คัดสรรจากแหล่งที่ดีที่สุดทั่วทุกมุมโลกและในประเทศไทย ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มองหาสินค้าและประสบการณ์สมาร์ทพรีเมียมเหนือระดับ ที่สามารถเข้าถึงได้ทุกวัน

ตอกย้ำ SMART Community Center

อย่างไรก็ตาม ทั้งโลตัส และโลตัสพรีเว่ ยังคงให้ความสำคัญกับการเป็น SMART Community Center ในฐานะศูนย์รวมการใช้ชีวิตแบบสมาร์ทของชุมชนรอบข้าง ตามความมุ่งมั่นสำคัญของโลตัส เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ให้ลูกค้ารู้สึกดีดี ได้ทุกวัน ที่โลตัส ผ่านการส่งมอบสินค้าคุณภาพสูงในราคาที่เอื้อมถึง ดังนั้น สินค้า​ระดับพรีเมียมที่จำหน่ายในโลตัสพรีเว่​ จึงมีระดับราคาที่คุ้มค่ามากกว่ารีเทลในกลุ่มไฮเอนด์ทั่วไป เพื่อสามารถมอบประสบการณ์ในการช้อปปิ้งที่ดีที่สุดให้ลูกค้า พร้อมทั้งยังสามารถเข้าถึงได้ทั้งในรูปแบบของ Physical Store หรือจากช่องทางออนไลน์ โดยลูกค้าที่อ​ยู่ภายในรัศมี 10 กิโลเมตร สามารถสั่งสินค้าจาก Lotus’s Privé สาขาไอซีเอส ผ่าน Lotus’s SMART App โดยมีบริการส่งฟรี

​​สำหรับการขยายสาขาเพิ่มเติมของโลตัสในแต่ละฟอร์แมตเพื่อเพิ่มการเข้าถึงและครอบคลุมยิ่งขึ้น ภายใต้งบลงทุนและปรับปรุงสาขาในปีนี้ที่ 11,000 ล้านบาท โดยจะขยายเพิ่มในทุกๆ รูปแบบ​ ทั้งไฮเปอร์มาร์เก็ต ​พื้นที่ให้บริการตั้งแต่ 3,000 ตารางเมตรขึ้นไป จะขยายเพิ่มราว 5 สาขา จากปัจจุบันมี 221 สาขา ​เช่นเดียวกับรูปแบบซูเปอร์มาร์เก็ต พื้นที่ให้บริการ 700 – 1,000 ตารางเมตร จะขยายเพิ่ม 5 สาขา จากปัจจุบันมี 185 สาขา ขณะที่ไซส์เล็กอย่างมินิซูเปอร์มาร์เก็ต จะขยายเพิ่มอีกกว่า 200 สาขา จากปัจจุบันมี 1,867 สาขา ส่วนการขยายสาขาใหม่ของโลตัสพรีเว่นั้น ​จะดูการตอบรับจากสาขานำร่อง เพื่อประเมินหาโลเกชั่นที่มีศักยภาพและกลุ่มเป้าหมายเหมาะสม ทั้งในรูปแบบของการลงทุนสาขาใหม่เพิ่มเติม หรืออาจจะมีการนำสาขาเดิมที่มีอยู่มาปรับคอนเซ็ปต์ให้มีความพรีเมี่ยมเพิ่มมากขึ้น โดยในแผนเตรียมจะเปิดเพิ่มอีก 1 แห่งในพื้นที่กรุงเทพฯ

Stay Connected
Latest News