Top StoriesTrending

‘เซ็นทรัล ทำ’ ปั้น ‘จันทบุรี’ โรลโมเดลแห่งใหม่ วางโรดแม็พ 3 ปี เพิ่มพื้นที่ป่า 2,500 ไร่ ​ขับเคลื่อน Community Climate Action​ ดึงชุมชนต่อยอดเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

เซ็นทรัล ทำ ผนึกกำลังพันธมิตร จ.จันทบุรี สร้างพื้นที่ต้นแบบเศรษฐกิจโลว์คาร์บอนแห่งใหม่ วางโรดแม็พ​ขยายพื้นที่สีเขียว 2,500 ไร่ ชู 'บลูคาร์บอน'  ฟื้นฟูป่าชายเลน – ลดก๊าซเรือนกระจก – ยกระดับเศรษฐกิจชุมชน  

กลุ่มเซ็นทรัล เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการ ​’เซ็นทรัล ทำ’ มุ่งสร้างสมดุลให้สังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อรับมือวิกฤตสภาพอากาศที่ทวีความรุแรงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี ​ผ่านการขับเคลื่อน​มิติสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญของเซ็นทรัล ทำโดยตั้งเป้า เพิ่มพื้นที่สีเขียวกว่า 1,500 ไร่ ในพื้นที่เป้าหมายของปีนี้ ได้แก่ ต.หนองบัว อ.เมือง จังหวัดจันทบุรี

โดยการดำเนินงานจะครอบคลุมทั้งการฟื้นฟูป่าชายเลน ป่าชุมชน และพื้นที่เกษตรคาร์บอนต่ำ ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนอย่างยั่งยืน

เพื่อรับมือกับปัญหาที่ท้าทายนี้ โครงการ ‘เซ็นทรัล ทำ’  ทำด้วยกันทำด้วยใจ จึงยกระดับบทบาท ให้ความสำคัญในการเชื่อมโยงทุกภาคส่วนเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน ล่าสุดได้ประกาศความร่วมมือกับ สำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สำนัก 3) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), เครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่, บริษัท อัตถจริยา จำกัด (วิสาหกิจเพื่อสังคม) และชุมชนท้องถิ่น ผ่าน ‘การพัฒนาเครือข่ายชุมชนรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Community Climate Action: CCA)’ กลไกความร่วมมือที่มุ่งเสริมศักยภาพให้ชุมชนสามารถปรับตัวและจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน โดยร่วมกันพัฒนาพื้นที่ต้นแบบเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศ ที่มุ่งเน้นการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลน รวมถึงระบบนิเวศทางทะเลซึ่งมีศักยภาพในการกักเก็บคาร์บอนสูง พร้อมทั้งต่อยอดสู่การสร้างเศรษฐกิจฐานรากที่มั่นคง

คุณพิชัย  จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า โครงการ เซ็นทรัล ทำ มีความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนสังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน โดยเรามุ่งผลักดันการปลูกป่าบก ควบคู่กับการฟื้นฟูป่าชายเลน ซึ่งเป็นหนึ่งในระบบนิเวศ Blue Carbon (คาร์บอนสีน้ำเงิน) ที่มีศักยภาพสูงในการดูดซับและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งในชีวมวลและตะกอนดินได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งทำหน้าที่เป็นแนวป้องกันภัยธรรมชาติและเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำที่ช่วยเสริมความมั่นคงทางอาหาร การอนุรักษ์ระบบนิเวศทางทะเลจึงไม่เพียงช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ แต่ยังเปิดโอกาสสู่การสร้างเศรษฐกิจใหม่ให้กับชุมชน โดยประชาชนจะมีบทบาทเป็นทั้งผู้ดูแลทรัพยากรและผู้ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง

“ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการบูรณาการจุดแข็งของทุกภาคี ไม่ว่าจะเป็นความเชี่ยวชาญด้านสุขภาวะของ สสส. ศักยภาพของเครือข่ายชุมชนท้องถิ่น นวัตกรรมเพื่อสังคมจากบริษัทอัตถจริยา และพลังความเข้มแข็งของประชาชนในพื้นที่   ซึ่งทั้งหมดนี้จะนำไปสู่ผลลัพธ์เชิงรูปธรรม ทั้งในด้านการเพิ่มพื้นที่สีเขียวชายฝั่ง การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นระบบ และการสร้างรายได้ที่มั่นคงยิ่งขึ้นให้กับครัวเรือนในชุมชน”

ทั้งนี้ โครงการเซ็นทรัล ทำ วางโรดแม็พ 3 ปี  ในการพัฒนาเครือข่ายชุมชนเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Community Climate Action หรือ CCA) โดยวางแนวทางและทิศทางการขับเคลื่อน พร้อมการพัฒนาเครื่องมือสำหรับประเมินผลกรทบจากโครงการ ​รวมทั้งแนวทางการต่อยอดโครงการ ต่อไปนี้

แผนการดำเนินงานในปี 2568

1. อนุรักษ์และฟื้นฟูพื้นที่สีเขียว 1,500 ไร่ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการช่วยดูดซับและลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก (GHG Reduction) โดยร่วมมือกับชุนชนในการพัฒนาทั้งป่าปก (Green Carbon) และป่าชายเลน (Blue Carbon) รวมทั้งช่วยส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่เพิ่มมากขึ้นด้วย (Biodiversity)

– ป่าชายเลน : เริ่มฟื้นฟูที่ ต.หนองบัว อ.เมือง จ.จันทบุรี โดยปลูกต้นโกงกางกว่า 7,000 ต้น ครอบคลุมพื้นที่ 50 ไร่ (ส.ค.–ต.ค. 2568) พร้อมกิจกรรมจัดการขยะรั่วไหลสู่ทะเล เพื่อเร่งฟื้นฟู ‘คาร์บอนสีน้ำเงิน’  (Blue Carbon) และสร้าง ‘ตะกร้าอาหารชุมชน’

– ป่าบก : ฟื้นฟูพื้นที่สาธารณะและป่าชุมชน เช่น ที่สาธารณประโยชน์ทุ่งเหียง (บ้านชากไทย) และป่าชุมชนทุ่งดอนเหียง (ต.วังโตนด) โดยปลูกไม้ยืนต้นพื้นถิ่นกว่า 5,000 ต้น รวมพื้นที่ 1,450 ไร่

2. ตรวจวัดและสร้างฐานความรู้ : การพัฒนาเครื่องมือและองค์ความรู้ ในการตรวจวัดและประเมินการปลดปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG Emission) เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการวางแผนสำหรับการลดการปลดปล่อย (Decarbonization) ต่อไป

– ทำงานร่วมกับคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะเทคโนโลยีการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ และบริษัท อัตถจริยา จำกัด โดยใช้แอปฯ SMART GHG APPLICATION (SGA) เพื่อสำรวจและประเมินศักยภาพการกักเก็บคาร์บอน เช่น ที่ ป่าชุมชนบ้านโขดหินลอย (35 ไร่) พบว่ามีศักยภาพกักเก็บคาร์บอนรวมกว่า 1,291 tCO2eq (ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า)

– ตรวจวัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในแปลงเกษตร ต.หนองบัว พื้นที่เพาะปลูก 541.8 ไร่ พบการปล่อยรวมกว่า 65  ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเฉลี่ย 0.11 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ต่อไร่

– จัดทำคู่มือและหลักสูตรเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น คู่มือการสำรวจแปลงป่าเพื่อกักเก็บคาร์บอน และการใช้แชมเบอร์วัดการปล่อยก๊าซเรืออนกระจก

3. พัฒนาเศรษฐกิจชุมชน  : การต่อยอดผลกระทบเชิงบวก จากการมีเครือข่ายชุนชนที่เข้มแข็ง และการมีระบบนิเวศที่สมบูรณ์ เพื่อนำมาซึ่งการยกระดับชีวิตให้ผู้คนภายในชุมชน

– ต่อยอดการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ‘ล่องเรือดูเหยี่ยว เที่ยวฟาร์มหอยนางรม‘ เพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับชุมชน

แผนต่อเนื่องในปี 2569

– ขยายพื้นที่อนุรักษ์และฟื้นฟูเพิ่มจาก 1,500 ไร่ เป็น 2,500 ไร่ ครอบคลุมทั้งป่าชายเลน ป่าชุมชน และเกษตรคาร์บอนต่ำ

– ร่วมพัฒนา ‘ทุเรียนคาร์บอนต่ำ’ โดยส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ การใช้ปุ๋ยสั่งตัด และลดพลังงานในฟาร์ม

– ทดลองนำนวัตกรรมสิ่งแวดล้อม เช่น การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ชีวภาพจากเปลือกทุเรียนและกาบมะพร้าว (อยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนา)

– สนับสนุนอาชีพกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ ผลิต พัดใบกะพ้อ สร้างรายได้เสริมให้ครัวเรือน

แผนการดำเนินงานในปี 2570 (ขยายผลและพัฒนาเป็นโมเดลต้นแบบ)

– วางเป้าหมายการต่อยอดพื้นที่สีเขียว ฟื้นฟูระบบนิเวศ และพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนให้เป็นต้นแบบ ‘ชุมชนคาร์บอนต่ำ‘ ที่สามารถขยายผลสู่พื้นที่อื่นในอนาคต

ทั้งนี้ โครงการ “เซ็นทรัล ทำ” มุ่งสร้างต้นแบบการพัฒนาที่เชื่อมโยงทั้งมิติ​เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมเข้าด้วย​กัน เพื่อมุ่งผสาน​​​การเติบโตทั้งสามด้านให้เดินหน้าไปพร้อมกันอย่างสมดุล โดยเชื่อมั่นว่าความยั่งยืนไม่อาจเกิดขึ้นจากใครเพียงฝ่ายเดียว หากแต่ต้องอาศัยพลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันสร้างการเปลี่ยนแปลงและส่งต่อโลกที่ดีกว่าให้กับคนรุ่นต่อไป