ความแตกต่างคือพรสวรรค์ และนิยามความสุข ของ ‘ท็อป จิรายุส’ ไม่ใช่ Happiness แต่คือ Fulfillment

ความแตกต่าง ไม่ใช่สิ่งผิด แต่ความแตกต่างคือ พรสวรรค์ และทำให้เกิดการพัฒนา สร้างสิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น แต่น่าเสียดายที่วิธีคิดของประเทศ และระบบการศึกษาของไทย กลับฝึกให้เด็กไทยต้องอยู่ในกรอบ ห้ามมีความเห็นแตกต่าง และหากไม่ปฎิบัติตามจะกลายเป็นเด็กหัวดื้อ แปลกแยก ถูกเพ่งเล็ง ทำให้เด็กไทยไม่กล้าที่จะแตกต่าง ทั้งที่เรามีเด็กเก่งๆ เยอะมาก แต่ขาดคนที่กล้าขีดเส้นทางชีวิตให้ตัวเอง และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ประเทศไทยสร้าง Entrepreneurship ได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น

จากมุมมองของ คุณท็อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ผู้บุกเบิกธุรกิจ Digital Currency ของประเทศไทย และเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านบิทคอยน์และบล็อกเชน ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ทำให้คนไทยหันมาให้ความสนใจเรื่องของสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งยังสามารถสร้างการเติบโตให้ธุรกิจได้แบบก้าวกระโดด จนกลายเป็นยูนิคอร์น รายที่ 2 ของประเทศ ได้ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปีเท่านั้น

คุณท็อป กล่าวไว้บนเวที TED X Bangkhunthian ไว้อย่างน่าสนใจว่า ประเทศไทยควรมี Entrepreneurship หรือกลุ่มผู้ประกอบการ หรือเจ้าของธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนประเทศให้มากขึ้น แต่ประเทศไทยยังขาด​​ Entrepreneurship ที่มักจะต้องมีวิธีคิดที่แตกต่าง และต้องกล้าที่จะทำในสิ่งที่เชื่อ หรือมี Passion ในสิ่งนั้นๆ เพื่อทำให้ตัวเองมีความแตกต่างจากคนทั่วไปอีก 7 พันล้านคนในโลกให้ได้ เพราะถ้าทุกคนเหมือนกันทั้งหมด ก็จะกลายเป็นแค่​หุ่นยนต์ที่ถูกโปรแกรมไว้ ​​ผลลัพธ์จากการกระทำต่างๆ ก็จะออกมาเหมือนๆ เดิม ตามค่าเฉลี่ยนทั่วๆ ไป ​​แต่เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่เลือกจะอยู่แบบนั้น เพราะมองว่าเป็น  Comfort Zone ที่ปลอดภัยและสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข

“ความหมายของ Entrepreneurship ไม่ใช่การประกอบอาชีพ ไม่ใช่หน้าที่การงาน แต่เป็นประเภทของคน คือ คนที่มีความกล้า มีความเชื่อในสิ่งที่คนอื่นไม่เชื่อ และพยายามที่จะทำให้สิ่งที่เชื่อกลายเป็นจริงให้ได้ ด้วยการ Take Action อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ซึ่งคนที่ประสบความสำเร็จได้มากกว่าค่าเฉลี่ยของคนปกติทั่วไป หรือคนที่สามารถเปลี่ยนโลกได้จริง​ ล้วนไม่มีใครอยู่ในกรอบ ไม่มีใครสร้างกฏให้พวกเขา  พวกเขาต่างเลือกที่จะเดินออกนอกกรอบ และสร้างโลกใหม่ๆ สร้างระบบของตัวเองขึ้นมา”

ดังนั้น ความแตกต่างถือว่าเป็นพรสวรรค์ ​เป็นสิ่งที่ดี​ ​และเราควรฝึกให้เด็กๆ เข้าใจและกล้าที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ​กล้าสร้างความแตกต่างจากคนอื่น​​ และสามารถเป็นตัวของตัวเองได้​ เพราะความแตกต่างไม่ใช่สิ่งที่น่าอาย แต่มันคือ จุดเด่นของพวกเราทุกคน ซึ่งไม่ว่าเราจะเป็นคนตัวเล็กแค่ไหน ต่อให้ตัวเล็กที่สุดในโลก เราก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสิ่งต่างๆ รอบตัวได้ เพียงแค่เรามีความเชื่อมั่นต่อบางอย่าง และสามารถทำสิ่งนั้นๆ ​ต่อเนื่องได้ทุกวัน สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นเรื่องยากแค่ไหนเราก็สามารถสร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้

อีกหนึ่งมุมมองที่น่าสนใจของคุณท็อป คือ​ การใช้ชีวิตที่มีความสุข​ในความคิดของคนทั่วๆ ไป ส่วนใหญ่อาจจะหมายถึง การได้เรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง เรียนจบแล้วได้งานที่บริษัทดีๆ ได้ตำแหน่งที่เงินเดือนสูงๆ เพื่อสร้างความมั่นคงให้ชีวิตได้ ​ซึ่งคนเหล่านี้ก็จะใช้ชีวิตตามกรอบปกติ​ เลือกที่จะไม่ให้ชีวิตตกอยู่ในความเสี่ยง ทำตามวิถีชีวิตที่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะเดินเพื่อให้ตัวเองอยู่ในจุดที่เป็น Comfort Zone เพื่อให้ใช้ชีวิตได้อย่างมั่งคงและปลอดภัย

แต่สำหรับคุณท็อป ความสุขที่แท้จริงอาจไม่ใช่แค่คำว่า Happiness ที่สามารถแปลความหมายตรงตัวเช่นนั้น​ แต่ความสุขหมายถึง Fulfillment หรือ การที่ได้บรรลุความสำเร็จในเป้าหมายบางอย่าง ที่ไม่ใช่เพียงการสร้างความสุขความสำเร็จให้กับตัวเองเพียงอย่างเดียว แต่เป็นความสามารถในการสร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ และผลจากการเปลี่ยนแปลงนั้นยังส่งผลดีไปสู่ผู้อื่นได้อีกด้วย

“ถ้าเรามีชีวิตเพียงเพื่อมองหาความสุข หรือ Happiness มันจะเป็นความรู้สึกแค่เพียงช่วงสั้นๆ และเมื่อเราได้มาแล้วก็จะพัฒนาความต้องการมากขึ้นไปอีก เช่น เมื่อเราอยากได้รถยนต์สักคัน เมื่อได้มาแล้วก็จะอยากได้คันที่หรูมากขึ้น แพงมากขึ้นไปอีกไม่จบสิ้น และจะมีความสุขแค่ตอนยังไม่ได้ครอบครอง แต่พอได้มาแล้วสิ่งเหล่านั้นก็จะกลายเป็นสิ่งธรรมดาที่เรามีแล้ว แต่หากเราใช้ชีวิตด้วยคำว่า Fulfillment จะเป็นความรู้สึกที่เราไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง มันคือการใช้ชีวิตด้วยเป้าหมายเพื่อคนอื่น และชีวิตเราจะได้สัมผัสทั้งจุดที่ดีที่สุด รวมถึงจุดที่เจ็บปวดที่สุดเช่นเดียวกัน แต่สุดท้ายเราจะไปถึงเป้าหมายได้ เราจะกล้าทำในสิ่งที่กลัว มองความล้มเหลวเป็นเรื่องปกติ และได้เรียนรู้ถึงการใช้ชีวิตที่แท้จริงในทุกๆ วัน”​

คุณท็อป ทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า ให้เราลองทำสิ่งที่เรากลัววันละอย่าง  เพื่อขยาย Comfort Zone ของตัวเองให้ใหญ่มากขึ้น รวมทั้งอย่ากลัวการถาม หรือการขอความช่วยเหลือในสิ่งที่เราต้องการ เพื่อให้เราสามารถกลายเป็นคนที่เก่งขึ้นได้ โดยไม่กลัวที่จะต้องล้มเหลว เพราะสุดท้ายแล้วความล้มเหลวถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการพัฒนาต่อยอดไปสู่ความสำเร็จได้นั่นเอง

Stay Connected
Latest News