Starbucks & Apple คุณโหวตให้แบรนด์ใด?ผ่านแพลตฟอร์ม Swell

ชุมชนจะเป็นผู้ตัดสินใจเองว่า มีบริษัทไหนจะได้รับคัดเลือกบ้าง จาก 3 เกณฑ์ เบื้องต้นชุมชนเลือก Starbucks และ Apple มาแล้ว จากนั้นชุมชนก็จะต้องเลือกโหวตหรือไม่โหวต บนแพลตฟอร์มของ Swell

สตาร์ทอัพ อย่าง Swell เริ่มต้นด้วยคำถามง่ายๆ : เราจะสร้างตัวเลือกการลงทุนที่ดีกว่าสำหรับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับการใช้เงินลงทุนของพวกเขา และสิ่งที่สนับสนุน?ด้วยการเน้นย้ำถึงความสำคัญของความโปร่งใสในการลงทุด้วยแพลตฟอร์มด้านการลงทุน

Swell สร้างขึ้นจากความเชื่อที่ว่า ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน จะส่งผลให้อุตสาหกรรมชั้นนำในวันพรุ่งนี้ จึงต้องระบุถึงบริษัทศักยภาพ และมีผลกระทบสูงในอนาคตที่ดี Swell เป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ซึ่งบ่มเพาะโดย บริษัท แปซิฟิคไลฟ์ ซึ่งเป็น บริษัท ที่มีประสบการณ์ในการให้บริการทางการเงินมากว่า 150 ปี

Swell ได้เชื้อเชิญให้ประชาชนทำการลงคะแนนเสียงด้านหลักทรัพย์ใน Impact 400 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่นำเสนอนักลงทุน 400 บริษัท เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับผล กระทบและผลตอบแทน โดยทั้ง Apple และ Starbucks นั้นเป็นไปตามเกณฑ์การคัดเลือกที่ Swell ได้กำหนดไว้

ทั้งนี้ในกระบวนการของการสร้างพอร์ตโฟลิโอของ Impact 400 ทางทีมประเมินผลกระทบของ Swell ได้ประเมินไว้กว่าพันบริษัท เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า พอร์ตโฟลิโอนั้น มีความเหมาะสม กับการได้รับผลตอบแทนทางการเงินในระยะยาว อันเนื่องมาจากแนวทางแก้ไขปัญหาที่ท้าทายมากที่สุดที่เราเผชิญอยู่ในสังคม โดยมีเกณฑ์ ดังนี้

· สร้างรายได้ให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาด้านความยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ 17 ข้อ (SDGs)
· ให้คะแนนอย่างสูงเกี่ยวกับวิธีการประเมินผลด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล (ESG) ของบุคคลที่สามหนึ่งรายหรือมากกว่านั้น
· แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายที่เข้มแข็ง และรวมถึงการปฏิบัติที่มีต่อผู้หญิงหรือผู้ถือหุ้นส่วนน้อยอย่างน้อยหนึ่งคนในจำนวนคณะกรรมการหรือทีมผู้บริหาร

“ถือว่าสิ่งนี้มีความสำคัญ สำหรับนักลงทุนในการทำความเข้าใจกระบวนการในการคัดเลือกตัวเลือกการลงทุน ที่เป็นความรับผิดชอบของส่วนรวม Swell ทุ่มเทเพื่อมอบโอกาสให้กับนักลงทุนในการลงทุนกับบริษัทที่จะให้การสนับสนุนโลกที่ดี แต่กระบวนการนั้นมีความแตกต่างเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ความโปร่งใสในการลงทุนนั้น ควรขยายไปสู่กระบวนการคัดเลือกที่เกี่ยวข้องกับการสร้างการลงทุนเหล่านั้นด้วย”  Dave Fanger ซีอีโอของ Swell กล่าว

เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน Swell ยังได้เปิดรับการตัดสินใจด้านหลักทรัพย์ทางการเงินที่จะรวมเข้าไปใน Impact 400 ต่อสาธารณะ โดยผู้ลงคะแนนสามารถเห็นข้อโต้แย้งและการต่อต้านของ Swell ต่อบริษัทแต่ละรายในฐานะบริษัทที่ขับเคลื่อนผลกระทบในเชิงบวกและพวกเขาสามารถลงคะแนนด้านการทำงานของ Apple และ Starbucks ในด้านการตอบสนองต่อความท้าทายที่เกิดขึ้นกับโลก โดยบริษัทที่ชนะจะได้รับการรวมชื่อเข้าไปในพอร์ตโฟลิโอ ซึ่งจะมีการเผยชื่อหลังจากการลงคะแนนสิ้นสุดลง ซึ่ง Fanger เสริมว่า

“อนาคตของการลงทุนที่รับผิดชอบต่อสังคมนั้น เป็นความโปร่งใสที่มีฐานแข็งแกร่ง ซึ่งเราคิดว่านักลงทุนควรรู้จักบริษัทที่ตัวเองเป็นเจ้าของ และทราบว่าทำไมถึงลงทุนกับที่นั่น นอกจากนี้ Swell ยังถือว่าความโปร่งใสเป็นหนึ่งในค่านิยมหลักของบริษัทอีกด้วย และเรายังร่วมแชร์ให้เห็นถึงการสร้างผลกระทบของแต่ละบริษัทและสาเหตุที่เรารวมบริษัทเหล่านั้นไว้บนแพลตฟอร์มของเรา” 

ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อสร้างแนวทางที่มีความโปร่งใสในการลงทุน พอร์ตโฟลิโอของ Swell สามารถปรับแต่งได้ได้ตามความต้องการของนักลงทุน โดยนักลงทุนในบริษัท Swell สามารถที่จะยกเลิกการคัดเลือกบริษัทได้มากถึง 3 บริษัทจากจำนวนบริษัททั้งหมด “ผสมผสาน” หรือนำพอร์ตโฟลิโอที่ตัวเองกำลังลงทุนอยู่นั้นมารวมกันได้

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับ SDGs ทาง Swell ได้จัดเตรียมเครื่องมือตัวใหม่ให้กับนักลงทุนเพื่อทำการสืบค้นว่าเงินของพวกเขากำลังสนับสนุนบริษัทในการแก้ปัญหาเป้าหมายของโลกในแต่ละด้านอย่างไรบ้าง ทั้งนี้นักลงทุนและผู้เข้าเยี่ยมชมเพจใหม่ของ Swell “Our Approach” สามารถเข้าไปตรวจสอบเป้าหมายและสำรวจการแก้ไขปัญหาของเป้าหมายแต่ละด้านจากหน้า Interface บนหน้าเพจ

ท้ายสุด บริษัทยังกล่าวเสริมว่า นี่เป็นส่วนที่บริษัทมุ่งหวังจะสร้างช่องทางให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงได้มากที่สุด เพื่อรับประโยชน์จากโอกาสการลงทุนของเงินจำนวน 12 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐที่ได้รับการรับรองโดย SDGs

ถ้าคุณลงทุน $500 แต่ระบบ Swell มีค่าใช้จ่าย $3.75 ต่อปี ซึ่งนั่นน่ะถูกกว่าราคากาแฟหรูๆ สักแก้วเสียอีก

ที่มา

Stay Connected
Latest News