เช็คเรตติ้ง“ รถไฟฟ้า” ในงาน Motor Expo 2018 มาลุ้นกัน “เกิด-ไม่เกิด”

ปีนี้อีกหนึ่งไฮไลต์ของงาน“มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35 หรือ Motor Expo 2018 ที่เป็นกระแสแรงมากคือหลายค่ายพร้อมใจกันเปิดตัว “รถยนต์ไฟฟ้า” หรือ Electric Vehical ( EV) หลังจากที่ยุโรป อเมริกา และภูมิภาคเอเชียต่างขานรับกับรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อโลกที่สะอาดกันมาได้พักหนึ่งแล้ว


ทั้งนี้เมื่อต้นปีที่ผ่านมามีรถยนต์บางค่ายนำรถไฟฟ้ามาโชว์ตัวเพื่อทดสอบตลาดดู ปรากฏว่าผลตอบรับไปได้ดี มาครั้งนี้หลายค่ายที่แอบซุ่มพัฒนายนตรกรรมเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีที่ควบคุมการขับเคลื่อนด้วยคอมพิวเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่จะมาในอนาคตอันใกล้นี้ จึงนำรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังพัฒนาอยู่มาอวดโฉมกันในงาน Motor Expo 2018 อย่างคึกคัก

 

** Nissan Leaf Gen2 **

 

 

หลังจากที่ Nissan เคยนำรถ Nissan Leaf มาอวดโฉมครั้งแรกที่งาน Motor Expo 2017ไปแล้ว สำหรับปีนี้ค่าย Nissan พร้อมแล้วที่จะปล่อยตัว Nissan Leaf Gen2 ในงานมอเตอร์ เอ็กซโป 2018 อย่างเป็นทางการเพื่อตอกย้ำค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นรายแรกที่ให้ความสนใจกับยานยนต์ไฟฟ้า

ซึ่งความจริงค่าย Nissan ให้ความสนใจกับยานยานต์ไฟฟ้ามาหลายปีแล้ว โดย “TAMA” เป็นรถยนต์ต้นแบบของค่ายนี้ที่ใชัพลังงานแบตเตอรี่ตะกั่ว ในปี 1947  ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศญี่ปุ่นกำลังขาดแคลนน้ำมัน สินค้าและอาหาร ขณะที่กำลังการผลิตไฟฟ้ากลับเกินความต้องการ เป็นสาเหตุให้ผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นหลายค่ายหันมาสนใจเริ่มศึกษา วิจัยและพัฒนารถยนตืไฟฟ้า TAMA จึงเป็นจุดเริ่มต้นของยานยนต์รักสิ่งแวดล้อม ที่มีสมรรถนะเร่งความเร็วได้ 35 กม./ชม.ซึ่งนำไปทำแท็กซี่

 

รถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของนิสสันชื่อ TAMA Credit: https://www.nissan-global.com/EN/HERITAGE/tama_electric.html

รถยนต์ไฟฟ้าของNissan มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมาประสบความสำเร็จเมื่อปี 2010 ในชื่อ Leaf Gen1 (Leaf คือรหัสรถยนต์ไฟฟ้า Gen รุ่น) เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธี่ยม โดย Leaf ย่อมาจาก L=Leading , E=Environment , A= Affordable,F=Familyหมายถึงรถครอบครัวราคาไม่แพงที่รักสิ่งแวดล้อม โดยเปิดตัวครั้งแรกที่ญี่ปุ่น , อเมริกาและยุโรป เร่งความเร็วสูงสุด 140 กม./ชม. , กำลังชาร์จ1 ครั้ง 250 กม.

 

 

อีก 7 ปีต่อมา Nissan จึงพัฒนา Leaf Gen2 ออกมา โดยเปิดตัวครั้งแรกในไตรมาสที่ 3 ของปี 2017 ที่ประเทศญี่ปุ่น ส่วนเมืองไทยเพิ่งเปิดตัวครั้งแรกที่งานนี้ จุดเด่นของ Nissan Leaf Gen2 ชูเรื่อง Intelligent Mobility เร่งความเร็วสูงสุด 144 กม./ชม. , กำลังชาร์จ 1 ครั้ง 311 กม.กำลังที่ได้เทียบเท่าเครื่องยนต์เบนซิน 2000 cc คือ 150 แรงม้า และอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชม. ที่ 8.5 วินาที  ระยะทางที่วิ่งได้ 311 กม. หรือ 250 กม.ในตัวเก่าเป็นการทดสอบตามมาตรฐาน NEDC  เป็นรถแฮทช์แบค ประกอบจากญี่ปุ่นทั้งคันจึงทำให้ราคาคอนข้างสูงไต่ระดับถึง ราคา 1,990,000 บาท พร้อมสายชาร์จไฟบ้านไปกับตัวรถ ( ไม่มีตู้ชาร์จ Wall box ) มีจำหน่ายเฉพาะสีขาว หลังคาดำ เจาะกลุ่มลูกค้าที่สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อม

 

** Hyundai IONIQ electric **

 

งานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ค่ายฮุนไดสัญชาติเกาหลี เผยโฉมรถยนต์ไฟฟ้า ถึง 2 รุ่นด้วยกัน คือ Hyundai IONIQ electric ที่นำมาจำหน่ายครั้งแรกในเมืองไทย ส่วนอีกรุ่นคือ KONA Electric นำมาโชว์ตัวครั้งแรกในเมืองไทยแต่ยังไม่จำหน่าย

Hyundai IONIQ electric เป็นรถนต์ไฟฟ้าที่ให้กำลังชาร์จ 1 ครั้ง 280 กม. แบตเตอรี่ชาร์จไฟบ้าน 12 ชม.ต่อรอบ( ใช้แบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออนโพลีเมอร์) เร่งความเร็วสูงสุด 165 กม./ชม.ให้กำลังแรงม้า 120 แรงม้าหรือเท่ากับรถยนต์ใช้เชื้อเพลิงขนาด 1600 CC.
เป็นรถประกอบนอกทั้งคัน ตั้งราคาขายที่ 1,749,000 บาท ไม่รวมเครื่องชาร์จในราคาเครื่องละ 8หมื่น-1 แสนบาท เป็นรถแฮชแบค 5 ประตู เจาะกลุ่มลูกค้าระดับผู้บริหารรุ่นใหม่ที่ต้องการเป็นคนทันสมัยและมีหัวใจรักษ์สิ่งแวดล้อม

 

ส่วนรุ่น KONA Electric นำมาโชว์แต่ยังไม่จำหน่ายนั้น สามารถขับขี่ได้ระยะทางมากถึง 482 กิโลเมตร/ 1 ชาร์จ ให้พละกำลัง 204 แรงม้า/ 150 กิโลวัตต์

 

** Fomm น้องใหม่คิกขุ **

Fomm ถือเป็นน้องใหม่ล่าสุดในวงการรถยนต์ที่เพิ่งเกิด เริ่มต้นจากลุ่ม startupเเพิ่งก่อตั้งเมื่อปี 2013 โดย มร.ซูรุมากิ ฮิเดโอ อดีตวิศวกรผู้ออกแบบauto body ของค่ายโตโยต้า ซึ่งตั้งใจลาออกมาเพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ

แนวคิดของฮิเดโอ เริ่มจากต้องการสร้างรถไฟฟ้าที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญคือเป็นรถที่ลอยน้ำได้ เพราะบ้านของคุณแม่เขาอยู่ที่ชิซูโอกะ เมืองที่เคยโดนสึนามิถล่มมาก เขาจึงคิดว่าถ้าสามารถสร้างรถที่ลอยน้ำได้ จะทำให้คุณแม่และคนแก่ ๆ ในเมืองนี้ขับรถหนีภัยสึนามิได้ทันและรถก็ไม่จมน้ำด้วย

 

 

FOMM 1 เป็นรถโมเดลตัวแรกของค่ายนี้ ที่ปล่อยตัวรถยนต์ไฟฟ้าตัวแรกออกมาสู่ตลาดให้ยลโฉมก่อนเมื่อต้นปีนี้เอง รูปร่างหน้าตาของ FOMM น่าจะเรียกว่า “คิกขุ อาโนเนะ” ใครเห็นต้องร้องWOW!!! เพราะเป็นรถยนต์ขนาดจิ๋วหรือเท่ากับรถยนต์ 400 cc. เร่วงความเร็วได้ 60-80 กม./ชม. กำลังชาร์จ 1 ครั้ง 160 กม./ 6 ชม. สร้างขึ้นมาเพื่อเจาะเซ็กเม้นต์ตลาดรถเล็กโดยเฉพาะ

ฐานการผลิตของค่ายFOMM อยู่ที่ประเทศไทย โดยมีเป้าหมายขายในเมืองไทยและส่งออกได้ในปี 2019 ส่วน FOMM 1 ตั้งราคาไว้ที่ 590,000 บาท โดยมียอดจองอยู่ที่ 355 คัน ส่วนรถประกอบล็อตแรกน่าจะปล่อยออกมาวิ่งตามถนนได้ในเดือนมีนาคม ปีหน้า

 

** Benze – Porsche **

ในงานMotor Expo 2018 ยังมีอีก 2 ค่ายยักษ์ใหญ่รถหรูของยุโรปที่เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าออกมาชิมลางเพื่อคอนเฟิร์มว่าทางค่ายก็สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมเหมือนกัน

 

Credit :https://www.motorexpo.co.th/news/2994

 

ค่ายเมอร์เซเดส เบนซ์ ปีนี้เปิดตัวรถใหม่ 3 รุ่น ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานในอนาคตที่ใช้รหัส EQ โดยรุ่นที่นำมาอวดโฉมคือรุ่น EQAรถยนต์ต้นแบบจัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์คอมแพค ด้วยระบบขับเคลื่อนมอเตอร์ 2 ตัว ตัวแรกติดตั้งบริเวณด้านหน้า สำหรับส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้า ตัวที่สองติดตั้งบริเวณด้านหลัวง พละกำลังรวม 268 แรงม้า แรวงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ทำความเร็ว 0-100 กม./ชม.ภายใน 5.0 วินาที วิ่งได้ไกลถึง 400 กม./ 1 ชาร์จ (แบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออน) สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ทั้งแบบเซลล์กระเป๋า (Pouch Cell) และ รองรับการชาร์จเร็ว (Rapid Charging)

 

Credit:https::www.motorexpo.co.th/news/3091

 

ส่วนยักษ์ใหญ่ยุโรปสายพันธุ์เยอรมันอีกค่ายคือ ปอร์เช่ เปิดตัว Mission E เป็น ยนตกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้า 4 ที่นั่งคันแรกในประวัติศาสตร์รถยนต์ปอร์เช่ ซึ่งเคยตัวครั้งแรกไปแล้วที่ งาน IAA International Motor Show เมืองแฟรงค์เฟิร์ต ส่วนเมืองไทยเพิ่งนำมาอวดโฉมในงานนี้

เป็นรถยนต์ต้นแบบที่ผสมผสานระหว่าง ปรัชญาการออกแบบชั้นสูงของปอร์เช่ กับสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าขนาด 800 โวลต์ หัวใจหลักของรถสปอร์ต 4 ประตู 4 ที่นั่ง ให้พละกำลังสูงสุดกว่า 600 แรงม้า 440 กิโลวัตต์ สามารถวิ่งได้ด้วยระยะทางสูงสุดกว่า 500 กิโลเมตร / 1 ชาร์จ อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงต่ำกว่า 3.5 วินาที และสามารถชาร์จพลังไฟฟ้ากลับได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ด้วยเวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น

 

 

** ข้อคิด!!รถไฟฟ้า “แพงแต่ดี” **

 

แม้ว่ารถพลังงานไฟฟ้ากำลังเป็นกระแสที่มาแรงและเป็นยานยนต์อนาคต แต่สำหรับเมืองไทยรถยนต์ไฟฟ้ายังมีราคาแพงเมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงแบบเดิม ๆ คงเนื่องจากเป็นรถยนต์นำเข้าแทบทุกค่าย จึงทำให้ราคาโดยเฉลี่ยสูงกว่ารถยนต์ในระดับเดียวกับเกือบ 2 -3 เท่า

ถ้ามองข้ามเรื่องเป็นรถที่ไม่ปล่อยไอเสียที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพแล้ว รถยนต์ไฟฟ้าก็มีข้อดีแอบซ่อนไว้หลายประการ  โดย ณธกร จุฬาเสรีกุล “Group Leader” ของฝ่ายงานวิศวกรรม  Nissan Motor Asia Pacific ให้คำแนะนำดังนี้

1 รถยนต์ไฟฟ้าไม่สร้างมลพิษให้สิ่งแวดล้อม
2 รถไฟฟ้าไม่มีเครื่องยนต์ ภายในตัวรถนอกจากแบตเตอรี่ที่ชาร์จให้พลังงานแล้ว ก็มีแบตฯตัวเล็กสำหรับส่งกระแสไฟไปเปิดการทำงานของรถ จึงหมดปัญหาที่จะต้องเสียเงินค่าใช้จ่ายเรื่องการซ่อมบำรุงหรือเปลี่ยนอะลั่ยรายเดือนหรือ รายปี เช่นถ่ายน้ำมันเครื่อง , เปลี่ยนเครื่องยนต์เมื่อสึกหรอหรือเสื่อมสภาพ
3 มอเตอร์แบตเตอรี่มีอายุนานมากกว่า 10 ปี
4 เปรียบเทียบต้นทุนเรื่องพลังงาน รถที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเสียค่าใช้จ่ายในการวิ่ง 1 กม./ 2 บาท ( เติมน้ำมัน E20 ) ขณะที้รถยนต์ไฟฟ้าชาร์จไปบ้านวิ่ง 1 กม./ 50-60 สตางค์ หรือขับรถยนต์ไฟฟ้าเสียค่าพลังงานถูกกว่ารถยนต์เชื้อเพลิง 4 เท่า

Stay Connected
Latest News

ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค และสเปลล์ เดินหน้าองค์กรสู่ความยั่งยืนทุกมิติ ประกาศความสำเร็จ ติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป รวมกว่า 56,000 ตร.ม. ร่วมลดการใช้พลังงานของประเทศ พร้อมสร้างคุณค่าต่อชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม