อาลีบาบาชี้ มากกว่า 7 ใน 10 ของผู้บริโภคทั่วโลกอยากสนับสนุนสินค้ายั่งยืน พร้อมเปลี่ยนพฤติกรรมหากช่วยโลกได้

อาลีบาบา กรุ๊ป  รายงานผลสำรวจ Alibaba Sustainability Trends Report 2023 พบว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่ทั่วโลก (73%) ต้องการใช้ชีวิตแบบยั่งยืน และพร้อมเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพราะอยากมีส่วนช่วยดูแลโลกให้ยั่งยืนมากขึ้น แต่ยังมี 3 กำแพงหลักที่ทำให้ลังเลในการเปลี่ยนทั้งความสะดวก ขาดข้อมูล และตัวเลือกที่น้อยเกินไป

ผู้บริโภคส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ของเอเชีย อาทิ ​ฟิลิปปินส์ ไทย และมาเลเซีย ให้ความสำคัญต่อการสนับสนุนการบริโภคอย่างยั่งยืนถึงกว่า 87%  มากกว่าประเทศจากภูมิภาคอื่นที่ทำการสำรวจ นับเป็นโอกาสให้แบรนด์ต่างๆ สามารถเสนอแนวทางให้สอดคล้องกับ Green journeys ของผู้บริโภคในปัจจุบันได้

ผลสำรวจัดทำโดย Yonder Consulting ​สำนักงานใหญ่ในสหราชอาณาจักร ที่สำรวจความเห็นจากผู้บริโภคกว่า 14,000 คน ใน 14 ตลาด ทั่วอเมริกาเหนือ ยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชีย เพื่อวัดความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืน

พร้อมพบผลลัพธ์ว่า ผู้ตอบแบบสำรวจมากกว่าครึ่ง ระบุว่า พวกเขาพร้อมและได้เปลี่ยนมาซื้อสินค้ายั่งยืนแล้ว​ ขณะที่ 73% ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อสินค้า​ พร้อมพบว่าผู้บริโภคในตลาดเกิดใหม่ของเอเชียเป็นกลุ่มที่มีความสนใจสูงสุด ด้วยสัดส่วนถึง 88% เมื่อเทียบกับตลาดที่พัฒนาแล้วของเอเชีย หรือในยุโรป ซึ่งมีสัดส่วนเท่ากันที่ 66%

ผลสำรวจครั้งนี้สะท้อนว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่พร้อมซื้อสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังมีอุปสรรคสำคัญ 3 ประการ ที่ทำให้ผู้บริโภคบางส่วนยังลังเลอยู่ ประกอบด้วย ​ขาดความสะดวก 53%  ขาดข้อมูลที่เพียงพอ 48%  และการมีทางเลือกที่จำกัด ​45%

ทั้งนี้ พบว่า เรื่องความสะดวกเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของผู้บริโภคในตลาดเอเชียอีกด้วย โดย 61% ให้ข้อมูลว่า จะสนับสนุนสินค้าทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหาสามารถหาซื้อได้อย่างสะดวก

นอกจากนี้ ยังพบว่าความไม่น่าเชื่อถือของแบรนด์ เป็นอีกหนึ่งอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคไม่เชื่อมั่นและไม่สนับสนุน โดย 38% ของผู้บริโภคทั่วโลก จะมีคำถามถึงการให้ความสำคัญและความตั้งใจในการขับเคลื่อนตลาดอย่างยั่งยืนของแบรนด์ต่างๆ โดยเชื่อว่า บริษัทหรือแบรนด์ที่สามารถลดช่องว่างที่เกิดขึ้นเหล่านี้ได้ด้วยการ “พูด และ ทำ” อย่างจริงใจ มีความโปร่งใส และมุ่งมั่นตามที่เคยได้ประกาศไว้ รวมไปถึงการใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อต่อยอดการขับเคลื่อนให้ได้ผลลัพธ์ที่เกิดประโยชน์สูงสุด

พร้อมเสนอแนะแนวทางที่แบรนด์สามารถทำได้เพื่อมีส่วนช่วยให้ผู้บริโภคมีพฤติกรรมที่ยั่งยืนได้มากขึ้น เช่น 61% ด้วยการตั้งราคาที่เหมาะสมของสินค้าที่มีความยั่งยืน,  55% การลดใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง และ 47% ผ่านการเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายให้กับสินค้าและบริการที่ยั่งยืน  เป็นต้น

Liu Wei ผู้บริหารกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน (ESG strategy ) ของอาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวว่า “การบริโภคอย่างยั่งยืนมีความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม และยังเป็นโอกาสของธุรกิจต่างๆ รวมถึงช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลโดยรวม เพื่อสร้างการพัฒนาที่ยาวนานสู่อนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน”

ขณะที่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่างอาลีบาบา มีส่วนช่วยเปลี่ยนสู่การบริโภคที่ยั่งยืนได้มากขึ้น เช่น การพัฒนาบัญชีแยกประเภทคาร์บอน (carbon ledger) เพื่อเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยส่งเสริมการสร้างพฤติกรรมที่มีส่วนช่วยลดคาร์บอน พร้อมมอบรีวอร์ดเป็นส่วนลดสำหรับการซื้อสินค้าภายในระบบนิเวศของอาลีบาบา ซึ่งมีนักช้อปมากกว่า 180 ล้านคน ที่เข้าร่วมพันธกิจเพื่อมีส่วนช่วยลดคาร์บอนในรอบปีที่ผ่านมา (สิ้นสุดปีงบประมาณ​ 31 มี.ค. 2566)

โดยในช่วงปีงบประมาณที่ผ่านมา อาลีบาบาได้ขับเคลื่อนแผนงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้แล้วกว่า 12.9% เมื่อเทียบกับปีงบประมาณก่อนหน้า

Stay Connected
Latest News