ยูนิโคล่ จับมือ WARF ช่วยชีวิตสัตว์และสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำพันธกิจองค์กรความยั่งยืน

ถ้าคุณเคยเป็นลูกค้าของยูนิโคล่ แบรนด์เครื่องแต่งกายระดับโลกจากญี่ปุ่นมาบ้าง เชื่อว่าเวลาจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์คุณคงเคยได้รับถุงหิ้วกระดาษสีน้ำตาลที่นำมาใช้ใส่เสื้อผ้าแทนถุงพลาสติกแบบเดิม ๆ

รู้บ้างไหมว่าทันทีที่คุณจ่ายเงินซื้อถุงกระดาษมูลค่า 2 บาทนี้ คุณได้เป็นคนหนึ่งที่ได้เข้าไปสู่วงจรของการช่วยชีวิตสัตว์ป่าและสัตว์น้ำที่กำลังทุกข์ทรมานหรือเสียชีวิตด้วยขยะถุงพลาสติกที่ถูกทิ้งเต็มอยู่ในท้องทะเลแล้ว

นี่คือหนึ่งในการเดินหน้าสานต่อพันธกิจด้านความยั่งยืนในการ ‘ปลดล็อกพลังแห่งเสื้อผ้า’ ของยูนิโคล่ที่จะเปลี่ยนพลังของเสื้อผ้าให้กลายเป็นพลังแห่งความดี มุ่งมั่นสร้างสรรค์โลกและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน

ปัจจุบันยูนิโคล่ได้จับมือพันธมิตรมูลนิธิช่วยชีวิตสัตว์ป่าแห่งประเทศไทย (WARF) ด้วยการบริจาคเงินจำนวน 1 ล้านบาทที่ได้มาจากการจำหน่ายถุงกระดาษ เพื่อสนับสนุนกิจกรรมอนุรักษ์สัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อม

เขมจิรา เทศประทีป ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) เล่าถึงปัญหาของขยะพลาสติกในทะเลซึ่งจุดประกายให้เกิดแคมเปญนี้ขึ้นมา และมีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหานี้อย่างยั่งยืนว่าทางยูนิโคล่มีความมุ่งมั่นในการลดการใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียว ทั้งการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์สินค้ามาเป็นกระดาษ การยกเลิกการใช้ถุงพลาสติก และสนับสนุนให้ลูกค้าใช้ถุงผ้าหรือถุงกระดาษแทน เพื่อบรรลุเป้าหมายในการลดการใช้พลาสติกลงให้ได้ 85% หรือประมาณ 7,800 ตันทั่วโลกตามเป้าหมายของบริษัท

เขมจิรา เทศประทีป ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท ยูนิโคล่ (ประเทศไทย)

“จากการจัดกิจกรรมเก็บขยะตามชายหาดของหลายองค์กร พบว่าขยะที่พบมากที่สุดในทะเลไทยคือขยะจากถุงพลาสติกใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง จึงทำให้ยูนิโคล่ให้ความสนใจ และต้องการแก้ไขปัญหานี้อย่างยั่งยืน เราจึงทำการรณรงค์ให้ลูกค้าหันมาใช้ถุงผ้าแทนการใช้ถุงพลาสติก โดยเริ่มตั้งแต่สิงหาคม 2563 มีการงดให้ถุงพลาสติกกับลูกค้า และหันมาใช้ถุงกระดาษที่ทำมาจากกระดาษรีไซเคิลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแทน ซึ่งถุงกระดาษจำหน่ายในราคาใบละ 2 บาท รายได้ส่วนหนึ่งจากการขาย นำไปบริจาคให้กับมูลนิธิช่วยชีวิตสัตว์ป่าแห่งประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการทำงานของมูลนิธิฯ ”

ด้าน ธนพัฒน์ พยัคฆาภรณ์ เลขาธิการ มูลนิธิช่วยชีวิตสัตว์ป่าแห่งประเทศไทย กล่าวเสริมถึงภัยร้ายของขยะพลาสติกที่ถูกทิ้งลงสู่ทะเล และกำลังเป็นฆาตกรที่ทำร้ายสัตว์ทะเลว่า

ธนพัฒน์ พยัคฆาภรณ์ เลขาธิการ มูลนิธิช่วยชีวิตสัตว์ป่าแห่งประเทศไทย

“เมื่อก่อนปัญหาของสัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อมมาจากผู้ล่าจากนายพราน ที่ล่าเพื่อนำมากิน ล่าเพื่อส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ แต่ในยุคปัจจุบันหลังจากมีการทำวิจัยออกมา ผลปรากฏว่าคนเมืองก็เป็นหนึ่งในนักล่าด้วยเช่นกัน จากประสบการณ์ของมูลนิธิที่ออกไปช่วยเหลือสัตว์ป่าหรือเข้าไปชันสูตรสัตว์ทะเลหรือสัตว์บก เราเจอพลาสติกที่เป็นหนึ่งในสาเหตุการตายของสัตว์ ซึ่งพลาสติกเหล่านี้ก็มาจากคนเมือง จึงทำให้เราเริ่มมองภารกิจในการช่วยเหลือและหยุดยั้งการล่าสัตว์ป่ามาจากยุคนี้”

ซึ่งหลังมูลนิธิฯได้มีการมอบเงินบริจาค 1 ล้านบาทจากยูนิโคล่แล้ว ธนพัฒน์ได้บอกเล่าถึงการสานต่อภารกิจนี้ว่า “ ยอดเงินบริจาค 1 ลบ ทางมูลนิธิ ได้นำเงินก้อนนี้ไปช่วยเหลือสัตว์ป่าและสัตว์ทะเลที่ได้รับผลกระทบจากขยะพลาสติก นอกจากนี้เรายังมีภารกิจอีกอย่างที่ประสบความสำเร็จคือการคืนสัตว์สู่ธรรมชาติ ซึ่งไม่เพียงแค่ปล่อยกลับไปเท่านั้น แต่ยังต้องมีการฟื้นฟูสภาพและสันชาติญาณต่าง ๆ เช่นโครงการคืนชะนีสู่ป่าที่มูลนิธิทำอยู่นั้น เราใช้เวลาในการค้นคว้าวิจัยกว่าจะพบเทคนิคในการปล่อยสัตว์ที่เคยใช้ชีวิตอยู่กับคนเพื่อกลับไปสู่ป่าอย่างปลอดภัย ซึ่งต้องใช้เวลาในการฝึกสันชาติญาณอยู่นานถึง 5 ปี โดยเงินส่วนนี้จะนำไปสนับสนุนทางด้านวิจัยสัตว์บกและสัตว์ทะเล

อย่างไรก็ตามการร่วมมือระหว่างยูนิโคล่กับมูลนิธิฯครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งเดียวเท่านั้น เพราะทั้ง 2 องค์กรมีความเห็นตรงกันว่าการแก้ไขปัญหาควรจะนำไปสู่ความยั่งยืน

โดยเขมจิรา ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “สำหรับเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากลูกค้า 1 ล้านบาท ยูนิโคล่ได้มอบให้กับมูลนิธิฯ ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีในการทำงานกับพาร์ทเนอร์ของเราและเราตระหนักว่าการแก้ปัญหาอย่างความยั่งยืนในระยะยาวเกิดขึ้นได้จากความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ”

ตลอด 10 ปีที่ดำเนินกิจการในไทย ยูนิโคล่มุ่งมั่นที่จะสร้างธุรกิจที่มีความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมส่งเสริมระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนและยกระดับการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพให้ได้มากที่สุดด้วยการลดขยะ รวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจและผู้เกี่ยวข้อง เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการและการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ

การลดการใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งภายในร้าน: ยูนิโคล่ตั้งเป้าจะลดการใช้พลาสติกลงให้ได้ 85% หรือประมาณ 7,800 ตัน ด้วยการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์สินค้าที่เป็นพลาสติกเป็นกระดาษ สนับสนุนให้ลูกค้าใช้ถุงผ้า Eco bag และการเปลี่ยนมาใช้ถุงกระดาษแทนถุงพลาสติก โดยนำเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการจำหน่ายถุงกระดาษในราคา 2 บาท ไปสนับสนุนการทำงานและกิจกรรมของมูลนิธิในด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อม

RE.UNIQLO: จากโครงการ All Recycling ยูนิโคล่ได้ใช้ชื่อใหม่ ‘RE.UNIQLO’ ในปี 2563 โดยยังคงความตั้งใจในการสร้างคุณค่าใหม่ให้กับเสื้อผ้า ไปพร้อมกับสร้างประโยชน์และส่งต่ออนาคตที่ยั่งยืนทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมให้กับผู้คนทั่วโลก จึงเชิญชวนลูกค้ามาร่วมบริจาคเสื้อผ้าของยูนิโคล่ เพื่อส่งต่อให้กับผู้ที่ยังต้องการ โดยยึดหลัก 3Rs

Recycle (การนำกลับมาผลิตใหม่) – สินค้าชิ้นแรกที่ยูนิโคล่สร้างสรรค์จากการรีไซเคิลเสื้อผ้าตัวเก่าคือเสื้อแจ็คเก็ตรีไซเคิลดาวน์ขนเป็ด ในปีพ.ศ. 2563

Reuse (การนำกลับมาใช้ซ้ำ) – เสื้อผ้าของยูนิโคล่มีคุณภาพสูง จึงสามารถส่งต่อให้กับผู้อื่นได้ เพื่อให้เกิดการนำกลับมาใช้ซ้ำ โดยตั้งแต่ พ.ศ. 2554 ยูนิโคล่ได้ร่วมส่งต่อเสื้อผ้ากว่า 41 ล้านชิ้น ในกว่า 75 ประเทศทั่วโลก (ข้อมูล ณ วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2563)

Reduce (การลด) – ด้วยกระบวนการผลิตเสื้อผ้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม คัดสรรวัตถุดิบที่ยั่งยืน รวมถึงการนำทรัพยากรกลับมาใช้ซ้ำและผลิตใหม่ ทำให้ยูนิโคล่สามารถลดปริมาณขยะ ลดการใช้ทรัพยากร และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ

 

ผลิตภัณฑ์แห่งนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

เสื้อโปโล DRY-EX: เสื้อโปโลที่มาพร้อมเทคโนโลยีดรายเอ็กซ์ช่วยให้ระบายเหงื่อได้เร็ว เริ่มวางขายในฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2020 โดยมีโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลที่ผลิตจากขวดพลาสติก PET เป็นส่วนประกอบ 32%
ฟลีซขนนุ่ม Fluffy Yarn Fleece: แจ็คเก็ตผ้าพลีซสัมผัสนุ่มสบายช่วยให้ความอบอุ่น เริ่มวางขายในฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2020 โดยเส้นใยทำจากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลที่ผลิตจากขวดพลาสติก PET เป็นส่วนประกอบ 30%
BlueCycle Jeans: กางเกงยีนส์ที่ผลิตด้วยกระบวนการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นทั้งการลดปริมาณการใช้น้ำและลดภาระให้กับพนักงาน โดยใช้เทคโนโลยีจากศูนย์นวัตกรรมยีนส์ในลอสแอนเจลิส ซึ่งร่วมกันคิดค้นพัฒนามาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 เริ่มผลิตและวางจำหน่ายตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563
UNIQLO+: ชุดกีฬาแห่งนวัตกรรมที่ยูนิโคล่ร่วมสร้างสรรค์กับนักกีฬาทีมโอลิมปิกส์ของสวีเดน จนได้ชุดออกกำลังกายที่ระบายอากาศและซึมซับความชื้นได้ดี มีน้ำหนักเบา แห้งเร็ว ยืดหยุ่นดี และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเส้นใยทำจากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลที่ผลิตจากขวดพลาสติก และเส้นใยโพลีเอสเตอร์ที่ได้จากวัตถุดิบชีวมวล ซึ่งจะวางจำหน่ายที่ประเทศไทยเฉพาะสาขาเซ็นทรัลเวิลด์และออนไลน์สโตร์ในวันที่ 7 มิถุนายนนี้

Stay Connected
Latest News

ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค และสเปลล์ เดินหน้าองค์กรสู่ความยั่งยืนทุกมิติ ประกาศความสำเร็จ ติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป รวมกว่า 56,000 ตร.ม. ร่วมลดการใช้พลังงานของประเทศ พร้อมสร้างคุณค่าต่อชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม