VOA เผย ภัยแฝงจาก Cliamate Change เมื่อภัยพิบัติทางธรรมชาติสอดคล้องกับปัญหาความรุนแรงทางเพศ

เว็บไซต์ voathai.com เผยแพร่ข้อมูลผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ผ่าน The Lancet Planetary Health จากการศึกษางานวิจัย 5 ทวีป ถึงผลกระทบจากสภาพอากาศสุดขั้วที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทั้งน้ำท่วม ภัยแล้ง พายุเฮอริเคน ส่งผลให้เกิดความรุนแรงต่อสตรีและเด็กผู้หญิงมากขึ้น ซึ่งองค์กรด้านมนุษยธรรมที่ทำงานด้านภัยธรรมชาติควรตระหนักถึงแนวโน้มที่น่าหนักใจนี้ เพื่อวางแผนการดำเนินงานขององค์กร

ซาร่าห์ ซาวิช เคลลาโซว (Sarah Savić Kallesøe) นักวิจัยด้านสาธารณสุข มหาวิทยาลัย Simon Fraser ในแคนาดา ผู้เขียนรายงานการศึกษานี้ ระบุว่า ผู้คนมักมองผลกระทบจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ​ (Climate Change) เฉพาะภัยพิบัติส่วนที่ปรากฏชัดเจน เช่น การเกิดน้ำท่วม ภาวะหยุดชะงักต่างๆ ในเมืองและการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน ​แต่มีอีกหลายผลกระทบที่ไม่อาจมองเห็นด้วยตา ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “ความรุนแรงด้านเพศสภาพ”​

โดยนักวิจัยทำการค้นหาข้อมูลออนไลน์เกี่ยวกับปัญหาการข่มขืน การล่วงละเมิดทางเพศ การแต่งงานในเด็ก และความรุนแรงด้านเพศสภาพในรูปแบบอื่นๆ หลังเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว ผ่านคีย์เวิร์ดแบบกว้าง ๆ เช่น “ความรุนแรง” “ผู้หญิง” และ “สภาพอากาศ” ให้ผลลัพธ์มากกว่า 20,000 รายการ พร้อมศึกษาต่อถึงความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ที่สอดคล้องกัน และพบว่ามีการศึกษา 41 ฉบับ ที่มีความเชื่อมโยงกัน ​ระหว่างความรุนแรงด้านเพศสภาพและสภาพอากาศสุดขั้ว

แม้เอกสารจำนวนมากจะมีข้อบกพร่องและมีบางส่วนที่ยังขัดแย้งกันอยู่ แต่การศึกษาส่วนใหญ่ โดยเฉพาะการศึกษาที่มีคุณภาพดี ล้วนรายงานความรุนแรงทางเพศที่เพิ่มขึ้นหลังจากสภาพอากาศเลวร้าย อาทิ

– บรรดาคุณแม่มือใหม่มีโอกาสที่จะโดนคนรักของตนทำร้ายมากกว่า 8 เท่า หลังได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์พายุเฮอริเคนคาทรีนา เทียบกับช่วงก่อนเกิดพายุ

– การศึกษา 5 ฉบับ เชื่อมโยงความแห้งแล้งทางตอนใต้ของทะเลทรายซาฮาราในแอฟริกา กับการล่วงละเมิดทางเพศและทางร่างกายโดยคู่รักของตน การแต่งงานในเด็ก ความรุนแรงในเรื่องสินสมรส และการสังหารสตรีที่เพิ่มมากขึ้น โดยบางครอบครัวอาจให้ลูกสาวแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อให้มีคนที่ต้องหาเลี้ยงในบ้านน้อยลงหลังจากที่น้ำท่วม หรือการที่ผู้ชายนำความเครียดหลังจากเกิดพายุเฮอริเคนไปลงที่ภรรยาของตัวเอง

– การต้องการความช่วยเหลือหลังเกิดภัยพิบัติอาจทำให้ผู้หญิงมีความเปราะบางมากขึ้น โดยผู้รอดชีวิตจากพายุไซโคลนโรอานู ในบังคลาเทศ  ปีค.ศ. 2016  มองว่าที่หลบภัยไม่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิง เพราะต้องอยู่ร่วมกับชายหนุ่มจากเจ็ดหรือแปดหมู่บ้าน ​ทำให้เธอเลือกที่จะอยู่บ้านแทนที่จะพาลูกสาววัยรุ่นไปพักที่ศูนย์หลบภัย

– สภาพอากาศสุดขั้วอาจทำให้ผู้คนตกอยู่ภายใต้ความเครียดอย่างมหาศาล ทำให้เกิดการพลัดถิ่นฐาน ต้องอยู่ในค่ายบรรเทาทุกข์ที่แออัด ซึ่งเป็นการทำลายชีวิตความเป็นอยู่ และเปิดโอกาสให้ถูกคนแปลกหน้าทำร้าย

อย่างไรก็ตาม ผลวิจัยระบุเพิ่มเติมว่า จำเป็นต้องศึกษาด้วยข้อมูลที่มากขึ้นและดียิ่งขึ้น​เพื่อชี้ชัดได้ว่าภัยธรรมชาติมีผลต่อความรุนแรงทางเพศ​ เพื่อเป็นประโยชน์ในการต่อยอดการทำงานให้องค์กรด้านมนุษยธรรม เพื่อการดูแลสตรีและเด็กผู้หญิงในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศสุดขั้ว

source : VOA thai

 

Stay Connected
Latest News